หากคุณไปถามคนแก่ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
คนรุ่นนี้หลายๆคนจะมีความรักและเทิดทูนจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ มากๆ
(แน่นอนว่าเทิดทูนสถาบันฯมากๆเช่นกัน)
คนแก่บางคนที่ผมเคยนั่งคุยด้วยเรียกจอมพลสฤษดิ์ว่า "พ่อ"
เขาเล่าให้ฟังว่าสมัยนั้นโจรผู้ร้ายไม่มี ท่านจอมพลเด็ดขาด ไว้ใจได้
บ้านเมืองสงบสุข ใครทำอะไรไม่ดีท่านใช้ "มาตรา 17" จัดการทุกคน
ท่านรักประชาชนและรักสถาบัน
นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและมีร่องรอยให้เห็นผ่านประสบการณ์ของคนรุ่นนั้น...
ในขณะที่ปัจจุบันนี้ผมเคยได้ยินเสื้อแดงบางคนเทิดทูนทักษิณในลักษณะที่
คน รุ่นเก่าเทิดทูนจอมพลสฤษดิ์อยู่บ่อยๆ
ใช้ตรรกะคล้ายๆกันว่าตอนทักษิณเป็นนายก โจรผู้ร้ายน้อยลง ยาเสพติดน้อยลง
จัดการอย่างเด็ดขาด
นายกฯมีลักษณะอำนาจนิยมอยู่สูงมากทำให้ประชาชนสามารถฝากชีวิตเอาไว้ให้ได้
อะไรทำนองนี้
ผมกำลังคิดว่าสังคมไทย ในมุมหนึ่งนั้น "โหยหา" ผู้นำที่มีความเด็ดขาด
เป็นนักเลง
พึ่งพาได้อย่างในอุดมคติแท้ๆมากกว่าผู้นำที่จะมาจากประชาธิปไตยแต่ไม่เด็ด
ขาดอะไร
หรือผู้นำที่มาจากประชาธิปไตยก็จะต้องมีคุณลักษณะเป็นผู้นำตามแบบฉบับไทยๆ
อย่างทักษิณ
สังคมไทยไม่ค่อยแคร์เรื่องอำนาจนิยมนะครับ
แต่แคร์เรื่องการใช้อำนาจนิยมนั้นต้องทำให้รู้สึกว่าชีวิตปลอดภัย พึ่งพาได้
นำพาไปสู่เป้าหมายที่ดีได้ คนเสื้อแดงหลายคนก็มองแบบนี้
เชื่อว่าคุณทักษิณเป็น "เผด็จการที่ดี"
นำพาชีวิตของตนเองไปสู่ความรุ่งเรืองในทางเศรษฐกิจได้
และเชื่อว่าทักษิณอยู่บ้านเมืองสงบสุขดี
--------------------------
ในแวดวงชุมชนนิยมเองผมก็เคยได้ยินปัญหาหนึ่งบ่อยมากๆๆๆๆ นั่นก็คือ
"เราขาดผู้นำชุมชนที่เข้มแข็ง"
ถ้าใครเคยทำงานชุมชนนี่จะร้องอ๋อเลยว่าเวลาระดมชาวบ้านมาพูดถึงปัญหาในชุมชน
ก็มักจะมีการหยิบยกปัญหาเรื่องผู้นำไม่เข้มแข็งขึ้นมาพูดเสมอๆ ดังนั้น
ผู้นำที่ดีในแบบฉบับไทยๆจะต้องเข้มแข็ง อำนาจนิยม นักเลง พึ่งพาได้
จะรักพวกพ้องมากกว่าชาวบ้านก็ไม่เป็นไร
แต่ชาวบ้านจะต้องได้อะไรๆจากผู้นำด้วย
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องทำความเข้าใจ
ภายใต้ประชาธิปไตยสมัยใหม่
กลไกการเลือกตั้งคือกลไกที่คัดสรรผู้นำประเภทนี้ขึ้นมาเป็นผู้นำในทางการ
เมือง
นอกเหนือจากกลไกการเลือกตั้งก็ก็ยังมีกลไกประเภทอื่นๆที่ยังสามารถใช้ได้
เช่น ผู้นำตามธรรมชาติที่มาจาก consent (ในบริบทบทความของผมมันจะหมายถึง
"ข้อตกลงร่วมกันตามธรรมชาติ")ของคนในสังคมการเมืองเล็กๆสังคมนั้น
ชนิดว่าไม่ต้องเลือกตั้งแต่ก็รับรู้กันเองว่าใครคือผู้นำ
ชาวบ้านนั้นเขาไม่คิดอะไรที่ซับซ้อนอย่างคนเมืองหรอกครับ
เขามองง่ายๆแค่ว่าผู้นำคนไหนที่เขาสามารถฝากชีวิตเอาไว้ได้คนนั้นแหละคือผู้
นำของเขา ต่อให้ผู้นำโกงก็ไม่ว่าอะไร หรือเป็นเผด็จการขนาดไหนก็ไม่ว่าอะไร
แต่ขอให้กระจายทรัพยากรต่างๆลงมาให้ด้วย
----------------------------
ประชาธิปไตยแบบไทยๆจึงมีเรื่องที่น่าสนใจว่าวัฒนธรรมแบบ "พ่อขุน"
นั้นได้ลงรากฐานไปลึกเพียงใด แม้ว่าเราจะส่งเสริมเรื่องสิทธิเสรีภาพ
การตรวจสอบถ่วงดุลผู้นำ การกำจัดความเลวร้ายในระบบการเมืองต่างๆมากเพียงไร
วิธิคิดแบบ พ่อขุน ก็ยังใช้ได้ผลดีอยู่เสมอ
และทำให้ผู้นำทางการเมืองสามารถสถาปนาอำนาจของตนเองผ่านวัฒนธรรมแบบพ่อขุน
ได้อยู่เสมอ
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะรักหรือเกลียดจอมพลสฤษดิ์ รักหรือเกลียดทักษิณ
คุณก็ตกอยู่ภายใต้กลไกการเมืองแบบพ่อขุน
คุณขับไล่ทักษิณด้วยการไปจับมือกับพ่อขุนในวัฒนธรรมเก่าจารีตนิยม
คุณขับไล่อำมาตย์ด้วยการจับมือกับพ่อขุนใหม่ (นีโอพ่อขุน)
ทุกอย่างมันก็ครือๆกันเพียงแต่อยู่คนละฝ่ายเท่านั้นเอง..
นี่คือ Patriarchy Politics แบบไทยๆครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น