แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556

สื่อมวลชน...ไอ้ตัวแสบ!!!

ที่มา vattavan


สื่อมวลชน...ไอ้ตัวแสบ!!!
วาทตะวัน สุพรรณเภษัช
        ดือ นสิงหาคมที่เพิ่งผ่านไปนั้น ผมได้ยินผู้นำองค์กรสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ แห่กันออกมาคร่ำครวญโวยวาย ออกแนว “ดราม่า” พร้อมๆกับชี้มือไปที่ยังเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล ด้วยข้อกล่าวหาเดิมๆ ตามสันดานเดิมๆ อีกเหือนกัน คือ
content/picdata/449/data/photo5.jpg
        กล่าวหารัฐว่า แทรกแซง คุกคามสื่อ ที่ทำตามหน้าที่ของตนโดยชอบ!
        ตัวอย่างที่ผมรับรู้ เพราะได้ยินด้วยตนเอง เช่น นายกสมาคมนักข่าวฯ นายเชาวรงค์ ลิมปัทปมปาณี ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุ อ.ส.ม.ท. ว่า
        การที่ตำรวจเรียก นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส  ไปสอบเรื่องโพสต์ข่าวการปฏิวัติ นั้น
        นายกสมาคมนักข่าวฯ เป็นการทำให้เกิด Chilling effect คือ จะทำให้สื่อคนอื่นๆ เกิดความเกรงกลัว จนถึงขั้นทำให้เกิดภาวะชะงักงัน ในการที่นักข่าวหรือสื่อ จะเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างตรงไปตรงมา

        สำหรับผมแล้ว ไม่รู้สึกประหลาดใจเลย ที่ตำรวจจะเรียกนายเสริมสุขฯไปพบ เพราะสถานีโทรทัศน์ต้นสังกัดของเขา คือ ไทยพีบีเอส นั้น ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์รัฐบาลฯนายกปูอย่างเปิดเผยมาตั้งแต่ต้น และดำรงความเป็นศัตรูต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
        สื่อไวตะเลนอย่าง TPBS ได้ตั้งตนเป็นฝ่ายตรงข้ามทักษิณกับพวกมาตั้งแต่แรกคลอดมาเป็นองค์กร ตามบทบัญญัติใน รัดทำมะนวย ฉบับหัวคูณ หรือที่ผมเขียนบทความชัดเจนว่า โดยเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
        ไอ้รัฐธรรมนูญ...โคตรเหี้ย!!

        จึงไม่แปลกใจเลย ที่คนอย่างนาย นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ ซึ่งเป็นบรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง ของสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ จะโพสต์ข้อความแบบตีเข่าเขย่าศอก เข้าใส่ความมั่นคง และการดำรงอยู่ของรัฐบาลนายกฯปู จึงต้องถูกตำรวจเรียกไปคุย
        พอเรื่องร้อนมาถึงตัว นายเสริมสุขฯ จำเป็นต้องแก้ตัวพัลวันว่า ที่แกทำไปนั้นไม่ได้ผิดกฏหมาย โดยมีเพือนนักข่าวและสื่อร่วมอาชีพ ออกมาช่วยหอนเห่าโห่ร้องประสานเสียงด้วย

        ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ
        องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน นั้น มีพฤติกรรมปกป้องเอาใจใส่สมาชิกในองค์กรของตนเป็นอย่างดี โดบเฉพาะครั้งนี้ ได้มีการหารือกันระหว่างสมาชิก อันประกอบด้วย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ และชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ ออกแถลงการณ์ว่า 
        ได้ร่วมกันพิจารณากรณีนี้แล้ว เห็นว่า การโพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ของนายเสริมสุขฯ ถือเป็นเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลตามสิทธิและเสรีภาพ ที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติรับรองและให้ความคุ้มครองไว้ มิได้มีเจตนาที่จะก่อให้เกิดความตื่นตระหนก หรือก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายในบ้านเมืองแต่อย่างใด
        แน่ะ!... “แก้ตัว” ให้นายเสริมสุขฯ เสร็จสรรพไปเลย!!

        องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนแถลงเสร็จ ส่งหนังสือเปิดผนึกถึงกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ว่า
        ควรใช้ดุลยพินิจตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 อย่างเป็นธรรม โดยการตีความบทบัญญัติของกฎหมายอย่างเคร่งครัด และไม่ควรใช้ความเชื่อหรือแรงกดดันทางการเมืองในการใช้อำนาจเกินกว่าขอบเขต ที่กฎหมายกำหนดไว้ อันมีลักษณะเป็นการข่มขู่ให้เกิดความกลัวแก่ประชาชนทั่วไปในการสื่อสารแสดง ความคิดเห็นโดยสุจริตผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
        อ้าว…ไอ้หอกหัก! ดัน “ทะลึ่ง” ออกลูกขู่ตำรวจเสียอีกแน่ะ!!

        ฟังนาย ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี นายกสมาคมนักข่าวฯ แสดงความเห็นทางวิทยุ อ.ส.ม.ท. แล้ว ผมไม่แปลกใจเลย เพราะเท่าที่ตัวเองเองคลุกคลีกับสื่อมานาน รู้ดีว่า
        อะไรที่ไปแผ้วพานพวกเขา คนพวกนี้มักจะออกอิทธิฤทธิ์ รวมหัวกันออกมาตอบโต้อย่างทันทีทันใด อย่างที่เห็น

        นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี เป็นถึงนายกสมาคมนักข่าว แต่กลับซื่อบื้อทำเป็นไม่รู้ว่า
        สื่อมวลชนบ้านเรานั้น เป็น “นักเลงโต” ของ ประเทศนี้ข้าราชการและชาวบ้านไม่กล้ายุ่งด้วย ใครก็ตาม หากถูกสื่อโจมตีแล้ว ก็มักเสียคนไปเลย เพราะแม้คนถูกโจมตีจะเป็นฝ่ายถูก กว่าจะมีการลงแก้ข่าวให้ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วนั้น มักยากเกินการเยียวยา หรือปฏิสังขรณ์ชื่อเสียงที่เสียหายไปแล้ว ให้กลับคืนมาเหมือนเดิมได้        หรือใครจะว่า...ไม่จริง?

        อย่าว่าแต่ประชาชนเลยนะครับ แม้กระทั่งสื่อใหญ่ อย่าง สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ยังไม่พ้นถูกไอ้พวกนักข่าวในสมาคมต่างๆ รุมกระทืบเกือบตายมาแล้ว
        จริงหรือเปล่าล่ะ?        มีแต่เพียง “วาทตะวัน” เท่านั้น ที่ออกบทความยืนยันติดต่อกันว่า
        สรยุทธ์ฯไม่ผิด อย่าไปยอม...สู้กับแม่งงไปเลย!

        ผมเห็นว่า สื่อทุกวันนี้ “ยิ่งใหญ่มาก” ไม่มีใคร หน้าไหน ในประเทศนี้ ที่จะทำให้เกิด chilling effect ในหมู่สื่อ เหมือนอย่างที่นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี พยายามกล่าวอ้างเลย
        ใครจะมาบอกว่า ผมพูดไม่จริง ให้ลองไปฟังรายการ “ตีแสกหน้า” ของ ASTV ที่เขาเรียกนายกฯยิ่งลักษณ์ ว่า
        “นังปู” บ้าง “อีปู” บ้าง!

content/picdata/449/data/photo6.jpg
        หรืออย่าง พล.อ.ประยุทธ์ฯ ผบ.ทบ. ก็ถูกผู้ดำเนินรายการจิกหัวเรียกขานกลายเป็น
        “ไอ้ประยุทธ์” บ้าง “ไอ้ยุทธ์” บ้าง!!         การเรียกอย่างมันปาก สะใจ ขึ้นลงตามอารมณ์ของผู้ดำเนินรานการ หรือสถานการณ์ที่เกียวข้องในวันนั้นๆ
        จริงอีก ใช่ไหมล่ะ?

        วันไหนว่างๆ อยากให้นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ลองย้ายตูดออกจากออฟฟิส ไปลองฟังเสียงชาวบ้าน ที่เขาขอให้ “ไทยรัฐ” หนังสือพิมพ์ต้นสังกัดของตัวนายชวรงค์ฯ เอง ช่วยสงเคราะห์ปิดหน้ารูปผู้เยาว์ที่เกี่ยวข้องกับคดี หรือกรุณางดลงรูปหวาดเสียว หรือรูปศพน่ากลัว น่าทุเรศ บางรูปก็อล่างฉ่าง อุดจาดตานัก ลงบนหน้า 1 ของไทยรัฐ
        จะได้ไหม?

        หากไทยรัฐทำไม่ได้ เพราะกลัวเสียลูกค้า งั้นกรุณาช่วยป้ายรูปน่ากลัวน่าทุเรศ ให้มัน “เบลอ” หน่อยก็คงจะดี เพราะลูกเด็กเล็กแดง เห็นรูปแล้วมันไม่เหมาะอย่างยิ่ง อีกทั้งหนังสือฉบับกระดาษของไทยรัฐนั้น ยอดขายดีเป็นอันดับหนึ่ง และแพร่หลายมากที่สุดด้วย
        แต่...ผมไม่เห็น “ไทยรัฐ” แคร์อะไรกับเสียงชาวบ้าน เคยทำมาอย่างไร ก็ทำอย่างนั้นกันต่อไป เพิ่งมากระเตื้องขึ้นหน่อย ระยะหลังๆนี้เอง        หรือนายชวรงค์ฯว่า...ไม่จริง!?

        หลังจากฟังนายชวรงค์ฯ ออกมาปกป้องพวกเดียวกันแล้ว ต่อจากนั้นไม่กี่วัน ผมยังได้ยิน นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์คลื่น
อ.ส.ม.ท.หรือ FH 101 จำไม่ได้ชัด แต่จำข้อความที่เขาพูดเอาไว้ได้ว่า
        ปัจจุบันสื่อวางตัวลำบากมาก ทุกวันนี้สื่อต่างๆพยายามวางตัวเป็นกลาง อย่างดีที่สุดแล้ว แต่ประชาชนยังไม่เข้าใจ สื่อคงต้องใช้ความพยายามให้มากขึ้น อะไรทำนองนี้        ผมฟังแล้ว ไม่รู้ว่านายประดิษฐ์ฯ แกคิดว่า ประชาชนคนไทยกินแกลบแทนข้าว หรืออย่างไรกัน เพราะชาวบ้านเขารู้ตั้งนานแล้ว ว่า        ตั้งแต่ก่อนการรัฐประหาร 2549 ของ “ไอ้บัง กบฏ” สื่อก็เริ่มแยกข้างแล้ว        เชียร์ข้างตัว...ด่าฝ่ายตรงข้าม!         ประชาชนเขาไม่โง่ เมื่อเห็นว่าสื่อไม่มีความเป็นกลางแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ชาวบ้านเขาก็เลือกเหมือนกัน ว่า
        จะอยู่ข้างไหน หรือ จะเสพสื่อไหน!!?

        ดูอย่างบางกอกโพสต์สื่อภาษาฝรั่ง ของเสี่ยไหหลำ ต้นสังกัดของนายประดิษฐ์ฯ ก็เลือกที่จะอยู่ฝ่าย “ตรงข้าม” รัฐบาลนายกฯปู รวมทั้งโพสต์ทูเดย์ สื่อสิ่งพิมพ์สื่อระดับกลางๆ ในสังกัดเดียวกันมี ก็มีทิศทางไม่แตกต่างเลย เพราะเจ้าของเดียวกันนั่นเอง
        ดังนั้น นายประดิษฐ์ฯอย่าทำไขสือ มาปั้นคำพูดว่า ตัวเองนั้นเป็นสื่อที่เป็นกลาง
        เหม็นขี้ฟันเปล่าๆ!

        เมื่อพูดถึงโพสต์ทูเดย์แล้ว ต้องแวะพูดถึง นายภัทระ คำพิทักษ์ บรรณาธิการ ของสื่อฉบับนี้ ที่บ้านของเขาถูกยิงด้วยปืน กระสุนโดนรถที่จอดในบ้าน และมีระเบิดมือที่ถอดดินบรรจุออกแล้ว ไปแขวนอยู่หน้าบ้าน 1 ลูก
        มีสื่อด้วยกันบอกว่า นายภัทระฯ ถูกคุกคาม และมีความพยายามป้ายสีว่าเป็นฝีมือของคนฝ่ายรัฐบาล โดยมีอ้างเหตุมาประกอบว่า
        เหตุที่เกิดขึ้น คงไม่พ้นฝีมือของรัฐบาล ที่ไม่พอใจการวิพากษ์วิจารณ์ของนายภัทระฯ ทางวิทยุคลื่น FM 101 แถมมีการสัมภาษณ์นายภัทระฯ ทางคลื่น อ.ส.ม.ท. ดำเนินการโดย นายวิชัย วรธานีวงศ์ (คนนี้ชอบพูด ร. เรือ แบบคนอินเดีย) ดูจะออกแนวดราม่าเกินเหตุ คร่ำครวญว่า        มีการแทรกแซง และคุกคามสื่อ เรียกร้องให้มีการสืบหาผู้กระทำความผิดคิดร้ายต่อนายภัทระฯ โดยเร่งด่วน

        ในความเห็นส่วนตัวของผมแล้ว นายภัทระฯ ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรนักหนา ในสายตาของรัฐบาล มิหนำซ้ำแกยังเป็นสื่อที่ถูกถากถางว่า ประเภท “โหนไข่” ฝ่ายพวกรัฐประหาร ในการวิ่งเต้นแข่งกันโควต้าระหว่างไอ้พวกสื่อด้วยกัน เพื่อเข้าไปนั่งเป็นสมาชิกสภาเผด็จการสากกระเบือ ของ
        “ไอ้บัง กบฎ”

        จึงไม่แปลกใจแม้แต่นิด ที่สื่อศรัทธาเผด็จการ อย่างอีตาภัทระฯ คนนี้ จะหลับหูหลับตาตั้งตาละปัตร แล้วสวดยัดอัดใส่ทักษิณฯ พรรคเพื่อไทย รวมทั้งนายกฯปูกับเครือญาติและพรรคพวกทางคลื่น FM 101 (ไอ้คลื่นเวรนี่ โดนผมด่าไปหลายครั้งแล้ว) อย่างเมามัน ตั้งแต่นายกฯผู้หญิงนี้ ก้าวขึ้นสู่อำนาจ
        ผมคิดว่าฝ่ายรัฐบาล คงไม่มีใครให้ใส่ใจ เพราะวาจาและคำพูดที่ภัทระฯใช้ในการโจมตีนั้น
        ความหนักหน่วงรุนแรง คนละชั้น เทียบกันไม่ได้เลย กับทางผู้ดำเนินรายการ ASTV!

        ดังนั้น หากจะขู่หรือทำร้ายกัน เพราะเหตุว่านายภัทระฯ เป็นสื่อที่โจมตีรัฐบาล สู้หันไปล่อทาง “สื่อสีเหลือง” เสียก่อน จะไม่ดีกว่าหรือ?
        ผมไม่เห็นความจำเป็นอันใดเลย ที่ฝ่ายรัฐบาล จะต้องเสียเวลา แกว่งตุ้มไปเคาะกะโหลกหนาๆ ของบรรณาธิการสื่อ ลูกจ้างเสี่ยไหหลำ อย่างนายภัทระฯ คนนี้เลย        เสียเวลาเปล่าๆ ไม่เข้าการ!

        อันว่า ความสมัครสมานสามัคคีในหมู่สื่อ นั้น ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่การแยกขั้วแยกข้างของสื่อ อย่างทุกวันนี้ ทำให้ชาวบ้านสับสน เพราะไม่รู้ว่า…
        …ไอ้สื่อข้างไหนเสนอข่าวที่เป็นความจริง หรือ สื่อไหนตะบี้ตะบัน หยิบยื่นแต่เรื่องเท็จ บิดเบือน เรื่องโกหกตอแหล ให้แก่ประชาชนกันแน่

        สื่อยังแยกข้างแยกขั้วกันได้ ต่างฝ่ายต่าง “ยกหาง แดงโร่” ให้ผู้คนรู้เห็นกันจนทั่ว ไม่เห็นมีอะไรจะต้องมาปกปิด หรือปฏิเสธความจริง
        คนที่เขามีปัญญา ทำไมจะไม่รู้?

        ที่ผมเคยยกตัวอย่างมาให้เห็น คือ อ.ส.ม.ท. ซึ่งเป็นคลื่นของรัฐ แต่ดันพยายามจะเป็น “เนชั่ว สาขา 2” ให้ได้ (ผมเรียกสื่ออย่างเครือ “เนชั่น” ว่า “เนชั่ว” ท่านผู้อ่านที่ยังไม่ทราบ โปรดดูบทความที่เกี่ยวข้องท้ายบท)         หรืออย่าง นายวิสุทธ์ คมรัตนพงศ์ (นายกสมาคมผู้สื่อข่าววิทยุโทรทัศน์) ผอ.คลื่น 96.5 อ.ส.ม.ท. ที่ระดมโจมตีรัฐบาลตลอดมา รวมทั้ง นาย พัชระ “ไอ้หมู จอมเต้า” สารพิมพา ซึ่งผมเคาะกะโหลกเอาหลายครั้ง
        แม่งงง...เต้าจริงๆ!

        จึงไม่แปลก เมื่อสื่อเองยังแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แล้วทำไมชาวบ้านร้านตลาด อย่างเราๆท่าน จะ “แยกขั้ว-แยกข้าง” กันบ้างไม่ได้ล่ะ?
        ทุกวันนี้ “ขั้ว” และ “ข้าง” ของชาวบ้าน ดูจะใหญ่กว่า หนักแน่นกว่าขั้ว-ข้างของสื่อ แบบเทียบกันไม่ได้ด้วยซ้ำ
        หรือใครว่า...ไม่จริง!?

        ถึงวันนี้ ผมคิดว่า การแตกกันของสื่อ อย่างกรณีสื่อกัดกันเอง หรือที่เรียกกันว่า “แมลงวัน...ดันตอม แมลงวัน ด้วยกันเอง” ดู จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน มากกว่าการรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสื่อ ซึ่งบางครั้งก็กลายเป็นขี้ปากของผู้คน เพราะเป็นการรวมตัวเพื่อผลประโยชน์ หรือเพื่อปกป้องผลประโยชน์พวกพ้องของตน
        ตัวอย่าง เช่น

        อนนี้ตำรวจปักษ์ใต้ เขาพูดกันหนาหูว่า มีกลุ่มสื่อที่เขาเรียกกันว่า  “แก๊งสามเสน” ไปวุ่นวายหาประโยชน์ จากสถานการณ์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้         ทั้ง การค้าน้ำมันเถื่อน หวยเถื่อน ยาเสพติด มีการไปตั้งศูนย์ข่าวบังหน้าธุรกรรมจังไร เหิมเกริมขยายอิทธิพล เข้าครอบคลุมพื้นที่ที่ด้วย!
        จึงอยากให้นายกฯสมาคมสื่อทั้งหลาย ที่มีชื่อถูกผมพาดพิง ช่วยไปสืบดูหน่อยซิ ว่า สื่อมวลชน “ไอ้ตัวแสบ” ที่ตำรวจเขาพูดถึงน่ะ เป็นใคร?         ชื่ออะไรบ้าง? มีด้วยกันทั้งหมดกี่ตัว?        ไอ้พวกเวรตะไลนี้ ตั้งหลักปักถ่อรีดไถอยู่ที่ไหน รู้ข้อมูลแล้วช่วยไปเปิดเผย ให้ผู้คนรับรู้กันบ้าง
        สืบรู้แล้ว ให้ไปบอกประชาชนด้วยนะ แต่ไม่ต้องมาบอกคนถามอย่างผู้เขียน!
        ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ
        ไอ้พวกสื่อที่มันเลือกข้าง-เลือกขั้ว แล้วเอาตัวเองไปยึดติด หรือสนับสนุนพวกเผด็จการ รัฐประหาร โดยหวังจะเข้าไปหาเศษหาเลยจากซากเนื้อ ซากกระดูกของผลประโยชน์ ที่ไอ้พวกโสภณทุจริต มันจำใจต้องหยิบโยนให้ นั้น
        ประชาชนที่รักความเป็นธรรม ย่อมปฏิเสธ “สื่อมวลโจร” อัปรีย์ เหล่านั้นเสมอ!!!
..............
ท้ายบท ท่านที่สนใจ จะอ่านข้อเขียนของผม ที่เกี่ยวข้องกับสื่อและสันดานสื่อ ได้จากคอลัมน์ต่อไปนี้
1. อ.ส.ม.ท. อย่าให้ใครนินทาว่า เป็นแค่ “เนชั่ว” สาขา 2!!!
(
http://vattavan.com/detail.php?cont_id=360)
2. MCOT ดอท...เปรต!!! (อีกดอก สำหรับ อ.ส.ม.ท.)
(
http://vattavan.com/detail.php?cont_id=362)
3. ลับ-ลวง-เลอะ-เละ-แหล!! (พัชระ สารพิมพา อ่านซะ!!!)
(
http://vattavan.com/detail.php?cont_id=365)
4. อย่าให้เปลี่ยนชื่อ เป็น “มหาวิทยาลัย...เนชั่ว!!!” http://vattavan.com/detail.php?cont_id=378
5. สื่อกะโหลก-กะลา!!!  http://vattavan.com/detail.php?cont_id=385
6. Social sanction กับ อ.ส.ม.ท. (แดนสนธยาภาค 2)http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=396
7.“สรยุทธ” อย่ากลัว...สู้กับพวกแม่งงงง!!! (ตอนที่1)http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=391
8. “สรยุทธ” อย่ากลัว...สู้กับพวกแม่งงงง!!! (ตอนที่ 2)http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=392
9. กรณีสรยุทธฯ เลขาฯ ก.ล.ต. “เสือก” อะไรด้วย!?ด้วย!? http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=397
10. “สื่อ” ...อย่า “ตอแหล” กับประชาชน!!!   http://vattavan.com/detail.php?cont_id=439
        นึ่ง คอลัมน์ประจำสัปดาห์ก่อน “วาทตะวัน” วิพากษ์ จดหมาย “ขี้เท่อ” ของประชาธิปัตย์...พรรคจังไร!!!  http://vattavan.com/detail.php?cont_id=448
มีผู้ออกความเห็น ดังต่อไปนี้ครับ

ความคิดเห็นที่ 1   
เด็ก ขี้ฟ้อง จองบทเด่น ทำงานไม่เป็น เล่นขี้โกง มุดกระโปรงเมียชาวบ้าน จัดจ้านด้วยวาจา ใช้ภาษาตลาดๆ สาดโคลนเป็นนิจ จิตไม่ปรกติ.................ยังมีอีกเยอะครับ วานท่านวาทฯและแฟนคอลัมน์ช่วยต่อที เพราะนี่คือประชาวิบัติ
โดยคุณ วาดฝัน ตะวันสุดเซ็ง  125.24.42.XXX 

ความคิดเห็นที่ 2  
"ความเลวระยำอย่างคงเส้นคงวา"
โดยคุณ ไม่เคนเปลี่ยน  125.25.0.XXX 

ความคิดเห็นที่ 3   
อาจารย์ ครับ ไม่รู้ว่าไอ้พลพรรคแมลงสาบที่มันได้ยินเสียงปี่ที่อาจารย์เป่าให้พวกมันฟัง สัปดาห์นี้ แล้วมันจะมีสติปัญญารู้ซื้งในเนื้อเพลงและท่วงทำนองเพลงหรือไม่ ก็ไม่รู้ครับ โถอนิจัง ทุกขัง
โดยคุณ narongsubsangar  115.87.188.XXX 

ความคิดเห็นที่ 4   
หัว หน้าพรรคจังปรีย์คนปัจจุบัน มันถอดแบบไอ้หัวหน้าพรรคคนที่สื่อเขาให้ฉายาว่า นังช่างทาสี ไม่มีผิดเพี้ยนเลยไม่ว่าความไร้ซึ่งน้ำใจ กาแฟยังไม่เคยเลี้ยงใครแม้แต่แก้วเดียว การจีบปากจีบคอพล่าม เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น การไม่เคยรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น การไม่เคยยอมรับว่าตัวเองผิดเลย ขนาดหนีเกณฑ์ทหาร ใช้เอกสารปลอมสมัครงาน มันยังโทษว่าคนอื่นทำให้มัน(ความจริงก็ถูกของมัน)แต่มันก็ควรจะละอายที่ตัว เองเป็นต้นเหตุ(มันคงไม่มีความอายในชีวิตตั้งแต่เกิดมา) ขนาด นิวยอร์คไทม์เขาวิพากษ์เอา นังชวนคนไร้น้ำใจยังออกมาต่อปากต่อคำทำยังกับว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรี ประเดี๋ยวไอ้คนหนีเกณฑ์ทหาร ใช้เอกสารปลอมก็คงจะเขียนจดหมายถึงคุณพ่อทูตอังกฤษอีกแหละ จะพล่ามให้เขาฟังว่า หนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์ ถูกทักษิณซื้อเอาไปแล้ว จึงมากล่าวร้ายป้ายสี พรรคจังปรีย์ จนนังช่างทาสีปากยื่น ทนไม่ได้ต้องออกมาตอบโต้ คุณพ่อทูตอังกฤษ ต้องจัดการให้ด้วยนะ หนูไม่ย้อม ไม่ยอม
โดยคุณรินทร์  58.8.41.XXX  

ความคิดเห็นที่ 5   
อาจารย์ วาท ฯ ที่เคารพครับ ติดงานต่างจังหวัดบ่อยช่วงนี้เข้ามาอ่านช้า วันนี้อาบนำเตรียมตัวอ่านบทความล่วงหน้าแล้วครับอาจารย์วาท ฯ อาจารย์ครับผมดูพฤติกรรมอดีตนายกอภิสิทธิ์แล้วผมว่าไม่ใช่เป็นฉลาดที่จะแข่ง ขันกับนายกปูของเราเลย ผมว่ามันบ้าแล้วหรือาจารย์ว่าอย่างไรก็ได้ที่เถียงผม อาจารย์ช่วยจัดฟอรั่ม ให้เขาดีเบสกับผมได้เลย ผมขอประกาศตรงนี้เลยว่า นายมาร์ค มุกควาย บ้าแล้วครับ
โดยคุณ
suaksai@thaimail.Com  202.29.213.XXX 
        (***คอลัมน์ประจำสัปดาห์ สื่อมวลชน...ไอ้ตัวแสบ!!! ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 7 กันยายน 2556)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น