ที่มา มติชน
(ที่มา:มติชนรายวัน 6 กันยายน 2556)
ตลอดการประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว. มีการเปิดศึกประท้วงกลางสภานับครั้งไม่ถ้วน
ประเดิม
กันตั้งแต่เปิดฉากวันแรกของการประชุม จนครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 กันยายน
เกมปะฉะดะยังทำหน้าที่อย่างแข็งขัน ร้อนระอุถึงขนาดที่ วัชระ เพชรทอง
ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป.
โดนประธานสั่งตำรวจสภาเข้ากึ่งหิ้วกึ่งอุ้มออกไปจากห้องประชุม
เกิด
การฉุดกระชากยื้อแย่งกันชุลมุนอยู่พักใหญ่
ผ่านสายตาผู้ชมทางบ้านเป็นที่เอิกเกริก เปิดเข้าไปในโซเชียลมีเดีย
หน้าไทม์ไลน์ก็เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ถึงขนาดตั้งสมญานามให้
ส.ส.หลายคนว่าเป็น ตัวป่วนสภา
มติชน ถือโอกาสสำรวจอารมณ์ความรู้สึกบรรดา ส.ส. คิดอย่างไรกับสมญานามทำนองนี้
วัชระ
เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป.
บรรยายความรู้สึกที่ลุกขึ้นประท้วงจนถูกตำรวจเข้าควบคุมตัวว่า
รู้สึกปล่อยวาง เพราะตัวเองเป็นนักการเมืองมีอุดมการณ์ชัดเจน
ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรก็ไม่โกรธเคืองรับได้หมด และการที่บอกว่าป่วนสภานั้น
จริงๆ ป่วนไม่ป่วน อยู่ที่วิจารณญาณของพี่น้องประชาชน
วันเกิดเหตุ
ได้หารือกับประธานที่ประชุมเรื่องปัญหาราคายาง แต่ประธานกลับไม่อนุญาต
ก็ต้องประท้วง แต่ประธานก็ใช้อำนาจมิชอบ
สั่งตำรวจมาฉุดกระชากลากดึงตัวออกจากห้องประชุม จนทำให้เกิดความวุ่นวาย
คิดว่าปัญหาจะไม่เกิดขึ้นเลย
หากประธานปฏิบัติหน้าที่ตามข้อบังคับอย่างเป็นกลาง
ความจริงเป็นอย่างไรพ่อแม่พี่น้องประชาชนน่าจะรู้
ส่วนความรู้สึกที่ถูกตำรวจลากตัวออกไป
จะยื่นหนังสือไปให้ตั้งกรรมการสอบสวนจริยธรรมนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์
ประธานรัฐสภา และสอบสวนวินัยตำรวจสภา
เพราะไม่มีข้อบังคับใดให้มากระทำละเมิดกฎหมายเช่นนี้
ขอบอกเลยว่า จะไม่ยอมให้ตำรวจสภามาทำเช่นนี้กับเพื่อนสมาชิกอีก ผมไม่เคยก้มหัวให้กับพวกทรราชย์ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาแล้ว
ขณะ
ที่ รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม ปชป. กล่าวว่า
สังคมมองว่าเราเป็นตัวป่วนสภานั้น จริงๆ ไม่ใช่เลย
ความวุ่นวายในสภาทุกวันนี้ประชาชนเขาเอือมระอานักการเมืองมาก
เพราะส่วนใหญ่นักการเมืองมุ่งประโยชน์กับพวกพ้องมากกว่าประโยชน์ของประชาชน
และเขาคิดว่านักการเมืองทุกวันนี้เป็นที่พึ่งของประชาชนไม่ได้แล้ว
ประชาชนต้องพึ่งตนเอง ดังนั้นการที่บอกว่าเราก่อให้เกิดความวุ่นวายในสภา
เกิดจากประธานรัฐสภาในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ
ปฏิบัติหน้าที่เอนเอียงไม่เป็นกลาง
อีกทั้งไม่การปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามข้อบังคับ
ดูเหมือนว่าเป็นการปิดปากกันชัดๆ
ขอย้ำว่า คนทั่วไปมองว่าฉันเป็นคนป่วนสภานั้นไม่จริง แต่พวกฉันประท้วงท่านประธานที่ทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง แล้วพวกฉันก็ทำเพื่อประชาชน
อีก
คนที่ไม่สัมภาษณ์ไม่ได้เลย เพราะเขาคนนี้ยกมือลุกขึ้นประท้วงครั้งไหน
บรรยากาศในห้องประชุมสภาจะเปลี่ยนไปทันที ไม่ป่วนหนัก ก็ฮาหนัก
ล่าสุดกลางดึกของวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา
เสียงหัวเราะในวงนักข่าวก็ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อจู่ๆ
ก็มีเสียงตะโกนดังแว่วขึ้นมากลางสภาว่า ตุ๊ด! เผอิญขณะนั้น บุญยอด
สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป. กำลังยืนอภิปรายอยู่พอดี
ส.ส.บุญ
ยอดเล่าว่า ขณะที่กำลังอภิปรายอยู่ดีๆ
ก็ได้ยินเสียงผู้ชายท่านหนึ่งพูดมาด้านหลังว่า ตุ๊ด
ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดครั้งแรก แต่เกิดหลายครั้งหลายหนแล้ว
ในครั้งนี้คิดว่าเกินทนแล้ว เพราะมันเป็นพฤติกรรมที่ไร้มารยาท
เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
จึงเรียนประธานที่ประชุมว่าให้ตักเตือนพฤติกรรมของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล
ตอนแรกยังไม่ยอมรับว่าตัวเองพูด แต่สุดท้ายก็ยอมรับ
เป็นการรบกวนผู้กำลังอภิปรายเสมอ
"ผมมีครอบครัวมีลูกมีเมียแล้วนะ เห็นผมอย่างงี้นะผมก็มีสาวๆ เยอะเหมือนกัน" นายบุญยอดกล่าวติดตลก
ขณะ
ที่ จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พท. ผู้ที่
ส.ส.บุญยอดอ้างชื่อให้การันตีตัวเองว่าเป็นชายแท้ บอกว่า
ผมรู้จักกับคุณบุญยอดมานานมาก
ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเพื่อนร่วมวิชาชีพสื่อสารมวลชนเหมือนกัน
พฤติกรรมเขาก็ดูเป็นผู้ชายปกติ แต่มูลเหตุที่บุญยอดถูกล้อเลียน
อาจจะเป็นเพราะเขาชอบประท้วงและอภิปรายแบบเก็บทุกเม็ด
แต่โดยส่วนตัวของไม่รู้จริงว่าเขาอย่างไร เพราะไม่สนิทกันมาก
"ผมคิดว่าการจะเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ไม่สำคัญอะไรหรอก มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ที่สำคัญขอแค่เป็นคนดีก็พอแล้ว" นายจิรายุตบท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น