ทูตอังกฤษกพบนายกฯ กังวลสถานการณ์ชุมนุมหวั่นกระทบทุกด้าน โดยเฉพาะโครงการ 2 ล้านล้าน ไม่เห็นด้วยการบุกรุกสถานที่ราชการ วอนใช้การเจรจาหาข้อยุติ “ปู” แจงหน่วยงานราชการยังสามารถให้บริการประชาชนได้
เมื่อ
เวลา 09.30น. วันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาร์ค แอนดรูว์
เจฟฟรีย์ เคนต์ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักร
ประจำประเทศไทย เข้าพบและหารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
นาย
ธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า
จากการที่ประเทศต่างๆค่อนข้างแวดงความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ
ไทย ซึ่งจากการติดตามข่าวจากสื่อมวลชนจะพบว่าไม่จะเป็นสหรัฐอเมริกา
สหประชาชาติ หรือจีน ได้มีการส่งสาส์น
โดยจีนได้ส่งเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยมาพบกับนายกรัมนตรี และ
รมว.กลาโหม
เพื่อแสดงความเห็นว่าอยากเห็นการเจรจาเพราะเห็นว่าการชุมนุมจะกระทบต่อ
เสรีภาพ การใช้ชีวิตของประชาชนทั่วไป
จึงไม่อยากเห็นความตึงเครียดเกิดขึ้นในประเทศไทย
ซึ่งเช้าวันเดียวกันนี้เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
ประจำประเทศไทยก็ได้เข้าเยี่ยมคารวะ พร้อมพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรี
โดยเอกอัครราชทูตอังกฤษได้สอบถามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่าเป็น
อย่างไร
ในฐานะที่อังกฤษเป็นมิตรประเทศกับไทยมาอย่างยาวนานทุกระดับทั้งระดับราชวงศ์
รัฐบาลและประชาชน ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวอังกฤษมาประเทศไทยถึงกว่า 9
แสนคน มีการลงทุน
มีการค้าในประเทศไทยที่มีมูลค่าเพิ่มสูงมากากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่ขณะนี้มีความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
และอยากเห็นการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ ภายใต้กรอบของกฎหมายและประชาธิปไตย
“ทาง
อังกฤษระบุว่าอยากเห็นการเจรจาจากทั้งสองฝ่ายที่ควรหันหน้ามาพูดคุยกัน
เหมือนอย่างที่นานาชาติทั้งยูเอ็น อังกฤษ ออสเตรเลีย จีน
สหรัฐฯได้แสดงความห่วงใย
โดยท่านทูตอังกฤษระบุว่ารัฐบาลอังกฤษสนับสนุนการแสดงออกการแสดงออกตามระบอบ
ประชาธิปไตยแต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย
และอังกฤษไม่เห็นด้วยกับการยึดสถานที่ราชการ
ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมได้ยืนยันและย้ำว่าการชุมนุมจะเป็นสิทธิ์และ
รัฐบาลพร้อมปกป้องดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างเต็มที่
อยากเห็นการแสดงออกตามประชาธิปไตยภายใต้ความเป็นนิติธรรม
โดยนายกรัฐมนตรีย้ำด้วยว่าอยากเห็นการเจรจาเช่นกัน
โดยรัฐบาลไทยจะใช้หนทางสันติภาพหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
ซึ่งการดำเนินการใดๆจะเป็นไปตามมาตรฐานสากล”โฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าว
นาย
ธีรัตถ์ กล่าวว่า
นายกรัฐมนตรีได้ย้ำกับเอกอัครราชทูตว่าขณะนี้การให้บริการสาธารณะของหน่วย
งานราชการยังคงเป็นไปตามปกติ เนื่องจากมีการเก็บฐานข้อมูลต่างๆไว้
แต่อาจไม่สะดวกในสถานที่ทำการซึ่งบางแห่งจะต้องมีการย้ายสถานที่ก็จะมีการ
ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ
นายกรัฐมนตรีได้ย้ำจุดยืนด้วยว่ารัฐบาลอยากเห็นทุกฝ่ายพูดคุยและเจรจากัน
ซึ่งทางอังกฤษสนับสนุนแนวทางดังกล่าวอย่างเต็มที่
พร้อมแสดงความเป็นห่วงแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท
ว่าจะเดินหน้าต่ออย่างไร
ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่าจะต้องรอเพราะกำหมายที่เกี่ยวข้องไม่สามารถนำ
ขึ้นทูลเกล้าฯได้ เพราะเป็นกฎหมายการเงินก็อาจต้องชะลอไป อย่างไรก็ตาม
การตัดสินใจต่างๆก็ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญ
นาย
ธีรัตถ์ กล่าวถึงการแสดงความเป็นห่วงการจัดนิทรรศการสร้างอนาคตไทย 2020
ที่จังหวัดสงขลา
ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปในพื้นที่การจัดนิทรรศการฯ
ซึ่งรัฐบาลตั้งใจเผยแพร่ข้อมูลให้กับประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ทราบว่าการลงทุน
ครั้งใหญ่ของประเทศจัดอย่างไร มีประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่อย่างไร
รัฐบาลจึงขอวิงวองผู้ชุมนุมว่าควรเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ได้เข้ามาชม
นิทรรสการ เพราะโครงการนี้รัฐบาลตั้งใจยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น