แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สงคราม สถาบัน สถาบัน ศาลรัฐธรรมนูญ กับ "นิติบัญญัติ"

ที่มา มติชน

 http://www.matichon.co.th/online/2013/11/13852099581385209974l.jpgเหมือนกับความขัดแย้งระหว่างสมาชิกรัฐสภา 312 คน กับศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นเรื่องอันดำเนินไปตามวิถีแห่งความเป็นประชาธิปไตย

แต่ที่ไม่ควรมองข้าม คือ กรอบแห่งความขัดแย้ง

หากดำรงอยู่เพียงในทาง "ความคิด" เป็นเพียงวิวาทะอันบ่งชี้ถึงความแตกต่าง ก็อาจถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดา

ธรรมดาอย่างปกติอันดำรงอยู่ในระบอบประชาธิปไตย

กระนั้นความขัดแย้งอันสำแดงออกมาในห้วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา มิได้จำกัดเพียงในกรอบทางความคิด หากแต่ได้ล่วงเข้าไปในกรอบแห่ง "การเมือง"

เป็นการเมืองของการไม่ยอมรับ

ปริมณฑลทาง "การเมือง" มีจุดต่างอย่างมีนัยสำคัญกับปริมณฑลทาง "ความคิด" ตรงที่เมื่อเข้าสู่กรอบทางการเมืองหมายถึง "ปฏิบัติการ"

ปฏิบัติการผ่าน "แถลงการณ์" ปฏิบัติการผ่าน "อารยะขัดขืน"

ท่าทีของประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะประธานรัฐสภา ท่าทีของประธานวุฒิสภาในฐานะรองประธานรัฐสภานับว่าแจ่มชัด โดยการไม่ส่งคำชี้แจงไปยังศาลรัฐธรรมนูญ

นี่มิใช่ "เรื่องเล็ก" หากเป็น "เรื่องใหญ่"

พลันที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน สั่งการให้ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของ ส.ว.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

นั่นเท่ากับทำให้ร่างแก้ไขกลายเป็น "โมฆะ"

แม้จะเป็นการเสนอผ่านกระบวนการอันมาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญบัญญัติเอาไว้ แม้จะเป็นการดำเนินการตามระเบียบทั้ง 3 วาระ

นี่เท่ากับเป็นการสไตรก์แบ๊กโดย "ศาลรัฐธรรมนูญ"

ความขัดแย้งนี้มิได้เป็นเรื่องระหว่างสมาชิกรัฐสภาในเชิงปัจเจกภาพกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในเชิงปัจเจกภาพ

ตรงกันข้าม ดำเนินไปในลักษณะ "สถาบัน"

นั่นก็คือ สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างสถาบันนิติบัญญัติกับสถาบันศาลรัฐธรรมนูญ

ท่าทีของพรรคเพื่อไทยเด่นชัดอย่างยิ่งแล้วว่ายืนอยู่ฝ่ายใด

อาจเป็นเพราะภายในจำนวน 312 สมาชิกรัฐสภา มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนมากที่สุด อาจเป็นเพราะการดำรงอยู่ของประธานรัฐสภาเป็นการดำรงอยู่บนพื้นฐานการสนับสนุนของพรรคเพื่อไทยจึงจำเป็นต้องแสดงจุดยืน

เป็น "ความพร้อม" ในการ "ปะทะ" และขัดแย้ง

การเคลื่อนไหวภายหลังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 20 สิงหาคม จึงเป็นการเคลื่อนไหวอันสะท้อนความขัดแย้งใหญ่ที่ดำรงอยู่ภายในสังคมไทย

1 มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย

1 มีทั้งฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย

ฝ่ายที่เห็นด้วยก็สดุดีความล้ำเลิศของคำวินิจฉัยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ "เสียงข้างมาก" อันมีต่อ "เสียงข้างมาก" อันดำรงอยู่ในรัฐสภา

ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็หงุดหงิด ไม่พอใจ

ฝ่ายที่เห็นด้วยก็แสดงความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมในการขยายผลของคำวินิจฉัยด้วยการนำเรื่องไปยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.

ถอดถอนประธานรัฐสภา ถอดถอนรองประธานรัฐสภา

บทบาทขององค์กรอิสระอย่าง "ศาลรัฐธรรมนูญ" ได้แสดงออกมาแล้ว จากนี้เป็นบทบาทขององค์กรอิสระอย่าง "ป.ป.ช." ว่าจะดำเนินไปอย่างไร

เป็นเรื่องที่ "สังคม" จับตาติดตามอย่างใกล้ชิด

ไม่มีการถามว่าจะใช้หลักกฎหมายใดในการพิจารณาอีกแล้ว หากแต่มีการถามว่ารากที่มาขององค์กรอิสระเป็นอย่างไร โอนเอียงไปในกลุ่มทางการเมืองใด

"ธง" ของ "คำวินิจฉัย" รู้ๆ กันอยู่

จากนี้จึงเห็นได้ถึงสภาวะแห่งความคลางแคลงใจอันดำรงอยู่ภายในความคิด ภายในการเมือง

เป็นการดำรงอยู่ของความขัดแย้งระหว่าง "เครือข่ายรัฐประหาร" กับ "เครือข่าย" อันเป็นเหยื่อของรัฐประหารนับแต่เดือนกันยายน 2549 เป็นต้นมา

ทั้งหมดนี้คือ "สงคราม" ระหว่าง 2 "เครือข่าย" ทางการเมือง


หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน หน้า 3 ประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น