วาทตะวัน สุพรรณเภษัช
ผมไม่
ค่อยได้เขียนเรื่องธรรมะพระเจ้าเท่าใดนัก เพราะความรู้ตัวเรื่องนี้มีจำกัด
ซ้ำไม่เคยบวชเรียนมาก่อน เพียงแต่ชอบอ่านหนังสือธรรมะมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
แต่เมื่อเห็นพระบางรูป เทศนาออกนอกลู่นอกทาง ก็ใช้สติปัญญาเท่าที่มีอยู่
ท้วงติงเอาบ้าง เพื่อไม่ให้ท่านออกนอกลู่นอกทางจนเกินงามมีตัวอย่างเพียงกรณีเดียว คือ “มหานกกระจอก” หรือ พระมหา ว. วชิรเมธี (บางคนเรียก “หลวงเจ๊”) และผมวิพากษ์วิจารณ์เอาว่า
พระรูปนี้แสดงความเห็นเป็น มิจฉาทิษฐิ ชัดเจน จึงได้ท้วงติงเอาบ้าง แต่โชคดีของท่าน ที่ไม่ได้โต้ตอบ เพราะหากท่านขืนตอบโต้ ผมก็พร้อมที่จะสวนกลับ ให้หนักข้อยิ่งขึ้นไปอีก
เหตุที่เขียนเรื่องธรรมะวันนี้ เพราะเมื่อไม่ถึงสองเดือน ผมได้ยินท่านอาจารย์ จำนงค์ ทองประเสริฐ บรรยาย ทางวิทยุ ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธองค์ ที่ผู้ต้องการความเจริญก้าวหน้า และมีความสุขในชีวิต ควรนำไปเป็นโคมส่องวิถีแห่งชีวิตของตน
หลักธรรมดังกล่าวนั้นเรื่อง เวปุลลธรรม 6 คือ คุณสมบัติที่จะทำให้เป็นผู้เติบใหญ่ไพบูลย์ในธรรม หรือคุณความดีทั้งหลายในเวลาไม่นาน หรือเป็น ธรรมเพื่อความไพบูลย์ นั่นคือ
1. อาโลกพหุโล เป็นผู้มากด้วยความสว่างแห่งปัญญาหยั่งรู้
2. โยคพหุโล เป็นผู้มากด้วยความเพียรประกอบการ
3. เวทพหุโล เป็นผู้มากด้วยความเบิกบานใจ คือ มีปีติปราโมทย์อยู่เสมอ
4. อสนตุฏฺฐิพหุโล เป็นผู้มากด้วยความไม่สันโดษในกุศลธรรมทั้งหลาย คือ ไม่รู้อิ่มไม่รู้พอในการบำเพ็ญความดี
5. อนิกฺขิตฺตธุโร ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย
6. อุตฺตริญฺจ ปตาเรติ เพียรพยายามทำกิจบัดนี้ให้ลุล่วง ก้าวสู่คุณความดีที่สูงยิ่งขึ้นไป
อาจารย์ จำนงค์ฯ บรรยายว่าท่านปฏิบัติตาม เวปุลลธรรม 6 มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เพราะท่านมาจากครอบครัวชาวนา ที่มีฐานะยากจนเหมือนพวกกระดูกสันหลังของชาติในยุคนั้น ที่ส่วนใหญ่ล้วนจมอบู่ในความยากจน แต่ท่านโชคดี ที่มีโอกาสได้บวชเรียน จนได้รับความรู้ และกลายเป็นผู้ทรงภูมิปัญญาของชาติในที่สุด
ท่านอาจารย์ไม่ได้รับความรู้และปัญญา มาประดับตัวด้วยความง่ายดาย แต่ตัวท่านได้บากบั่น ร่ำเรียนทั้งทางธรรมและวิชาทางโลก ด้วยความพากเพียร ไม่ต้องฝืนใจทำ หากแต่กระทำด้วยความร่าเริงเบิกบานใจ มีความปีติปราโมทย์อยู่เป็นนิจ
ท่านไม่คิดชั่วทำชั่ว หากคิดดีและกระทำแต่เรื่องดีๆ หรือเรื่องที่เป็นกุศลโดยตลอด ไม่รู้จักอิ่มในการทำดี มุ่งหน้าประกอบแต่กุศลกรรมอย่างไม่ย่อท้อ และกระทำกิจของท่านให้สำเร็จลุล่วงด้วยความสม่ำเสมอ ทั้งยังกระทำความดีต่อเนื่องไป อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ผมฟังท่าน อาจารย์ จำนงค์ฯ บรรยาย ด้วยความซาบซึ้งเหมือนเคยฟังท่านบรรยายศีลธรรม ในการฝึกอบรมผู้บริหารชั้นต้นของตำรวจ ชื่อ หลักสูตรสารวัตรและผู้บังคับกอง ฟังจบยกมือขึ้นท่วมหัว แล้วกล่าวคำว่า
“สาธุ”
อาจารย์จำ นงค์ ทองประเสริฐ นั้นเกิดก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินสามปี ได้บวชเรียนที่สำนักวัดสระเกศจนได้เปรียญธรรม 9 ประโยค และประกาศนียบัตรพิเศษครูมัธยม ด้วยการสมัครสอบ เมื่อ พ.ศ. 2495
ท่านเป็นพุทธศาสตร์บัณฑิต (รุ่นแรก) ของมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย พ.ศ. 2497 และได้ทุนไปศึกษาต่อที่ มหาวิทยาลัยเก่าแก่และมีชื่อเสียงของสหรัฐ คือ เยล (Yale University) จนได้รับปริญญาโท สาขา Philosophy and South East Asia Studies เมื่อปี พ.ศ. 2504
ท่าน อายุได้ 84 ปี เมื่อวันที่ 2 พ.ค. พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา คณะศิษย์ได้จัดงานใหญ่ แสดงมุทิตาจิตเพื่อฉลองความดีงามของท่าน แต่ภาพที่ท่านเห็น เป็นปกหนังสือ ชื่อ “นานาทัศนะ จํานงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิต” ที่ จัดพิมพ์เป็นที่ระลึก ในงานฉลองอายุครบ 6 รอบ ของท่านอาจารย์จำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิตสำนักธรรมศาสตร์และการเมือง อุปนายกสภามหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลก
ผมเคยฟังท่านเจ้าคุณอาจารย์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ที่เคารพยิ่ง เล่าว่า
ระหว่างที่พระเดชพระคุณท่านศึกษาอยู่ที่มหาจุฬาฯ ท่านอาจารย์จำนงค์ฯ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นพระสงฆ์ และเป็นอาจารย์ด้วยท่านจะเรียกประชุมพระนิสิต ที่ลานโพธิ์วัดมหาธาตุฯ และให้โอวาททุกเช้า ก่อนเข้าห้องเรียน จนเป็นภาพชินตาของผู้คน
แม้ท่านอาจารย์จำนงค์ฯ เคยบวชเรียน จนได้เป็นพระสงฆ์ทรงสมณะศักดิ์ แต่แม้ท่านจะสึกหาลาเพศ ไปเป็นฆราวาสแล้ว แต่ท่านอาจารย์ได้กระทำแต่ความดีมาโดยตลอด ได้รับราชการเจริญก้าวหน้า จนได้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน อยู่นานถึงสี่ปี กระทั่งเกษียณอายุราชการ
ปัจจุบันท่านอาจารย์คงมีตำแหน่งเป็น ราชบัณฑิต ประเภทปรัชญา สาขาวิชาตรรกศาสตร์ และยังกรุณาให้ความรู้กับสาธารณชนทางสื่อต่างๆ อย่างขันแข็งยาวนานต่อเนื่อง อย่างที่เล่าให้ท่านผู้อ่านฟังแล้ว
ผมเพิ่งได้ฟัง พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) อธิการ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย องค์ปัจจุบัน พูดถึงท่านอาจารย์จำนงค์ฯ ทางโทรทัศ์ช่อง 9 เมื่อเร็วๆนี้ว่า
แม้จะสึกหาลาเพศไปเป็นฆราวาสแล้ว แต่ท่านอาจารย์จำนงค์ฯยังคงรักษาศีลไว้อย่างมั่นคง ท่านไม่ดื่มสุรา แม้คนในสังคม จะคะยั้นคะยอให้ดื่ม ยามเมื่อท่านต้องเข้าร่วมวงสนทนา แต่ท่านได้พูดชัดว่า บวชเรียนมาแล้ว ไม่ดื่มเหล้าเด็ดขาด!
ท่านเจ้าคุณประยูร ยังเล่าต่อไปอีกว่า
ท่านอาจารย์จำนงค์ฯ มีความภาคภูมิใจในความเป็นชาวมหาจุฬาฯ อย่างยิ่ง นามบัตรของท่าน นอกจากระบุชื่อตัวแล้ว ยังแสดงวุฒิการศึกษาชัดเจนว่า ได้รับปริญญาพุทธศาสตร์บัณฑิตจากมหาจุฬาฯก่อน แล้วจึงตามต่อด้วยตัวย่อว่า ปริญญาโทจาก Yale University
ที่เล่าให้ท่านผู้อ่านฟังทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เพราะ วาทตะวัน ผู้เขียนเองเป็นลูกศิษย์ และมุ่งสรรเสริญคุณงามความดีของอาจารย์ตน เพียงแต่อยากจะให้ท่านทั้งหลาย ตระหนักว่า
คนที่ได้บวชได้เรียนมาก่อน แม้จะไม่ดำรงอยู่ในชีวิตสมณะต่อไป เพราะได้สึกหาลาเพศมาแล้ว แต่ยังสามารถยึดมั่นในคำสั่งสอนของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า และรักษาศีลอย่างเสมอต้นเสมอปลาย มิให้ขาด ดำรงชีวิตด้วยความดีงาม กระทำประโยชน์ให้กับสังคมมากมาย อย่างท่านอาจารย์จำนงค์ฯ ยังคงมีให้เห็นจำนวนไม่น้อย บุคคลเหล่านี้ เปรียบเป็นอาภรณ์เครื่องประดับที่มีค่ายิ่งต่อสังคมไทย!
คุยเรื่องท่านอาจารย์ จำนงค์ฯจบแล้ว มีเรื่องแถมนิดหน่อย ที่กำลังโจษจันกันมานานสามสี่สัปดาห์แล้ว คือ
กรณีของ อดีต พระอาจารย์ มิตซุโอะ คเวสโก ซึ่งผมเองได้ฟังท่านบรรยายธรรม และอ่านหนังสือธรรมะของท่านแล้ว มีความรู้สึกชื่นชมว่า ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอีกรูปหนึ่ง
มาบัดนี้ ท่านมิตซุโอะ ได้สึกหาลาเพศ กลับประเทศบ้านเกิดไปแล้ว บรรดาพุทธศาสนิกชนที่เคยมีความเลื่อมใส ยามที่ท่านยังดำรงสมณเพศอยู่ เห็นทีจะต้องทำใจ และควรคิดด้วยเมตตา ว่า ท่านคง “หมดบุญ” ที่จะอยู่ในเพศบรรพชืตต่อไป
ถึงกระนั้น อยากมองในแง่ดีว่า ทิด มิตซุโอะ อาจกระทำ ความดีงามต่อไปในเพศฆราวาส เฉกเช่นเดียวกับท่านอาจารย์จำนงค์ฯ ที่เคยเป็นบวชเรียนมาก่อน แม้จะสึกหาลาเพศออกมา แต่ท่านไม่ทิ้งหลักธรรม และกลายเป็นกำลังสำคัญของพระพุทธศาสนาในบ้านเรา อย่างที่เห็นกัน
ทิด มิตซุโอะ อาจช่วยเผยแพร่พระพุทธศาสนา บนแผ่นดินถิ่นเกิดของท่าน และพระศาสนาของเรา อาจเบ่งบานในดินแดนซากุระอีกครั้ง ก็เป็นไปได้
สำหรับผมแล้ว บอกตรงๆว่า ตอนได้รับทราบข่าวว่า ท่านมิตซุโอะ สึกหาลาเพศไปกระทันหัน รู้สึกใจหาย เพราะเห็นว่าท่านทำประโยชน์ให้พระพุทธศาสนาเป็นอันมาก ทั้งยังเสียดายฉายาที่ตัวท่านได้รับจากพระอุปัชฌาย์ คือ “คเวสโก” ซึ่งแปลว่า “ผู้แสวงหาซึ่งฝั่ง”
อ่านในประวัติของท่าน ไม่ได้บอกว่า “ฝั่ง” ในคำแปลฉายาที่ท่านได้รับนั้นหมายถึงอะไร แต่ผมเข้าใจเอาเองอย่างคนปัญญาน้อย ว่า
คงหมายถึง “ฝั่ง” ของ “พระนิพพาน” อันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของชาวพุทธ
กรณีอดีต พระอาจารย์มิตซุโอะ น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจ ผู้ที่ยังอยูในเพศบรรพชิต ให้ตระหนักถึงโอวาทพระศาสดา ที่ทรงกล่าวเตือนว่า อิตฺถี มลํ พฺรหฺมจริยสฺส อปลความได้ว่า สตรีเป็นมลทินของพรหมจรรย์!
อดีตพระอาจารย์ มิตซุโอะ คเวสโก ได้แหวกว่ายไปตามสายชลแห่งชีวิตของความเป็นพระสงฆ์ ผู้ทรงศีล มายาวนานเกือบสามสิบแปดพรรษา จนญาติโยมหวังว่า
ท่านจะหลุดพ้นกิเลสอาสวะทั้งมวล และไปถึง “ฝั่งพระนิพพาน” ในที่สุด
แต่... ท่านกลับ “หมดบุญ” เสียก่อน!
ท่าน มิตซุโอะ คเวสโก ได้หันหลัง ว่ายกลับด้วยความสมัครใจ ไปขึ้นที่ “ฝั่งจิ๋ม” และต้องกลิ้งเกลือกในกองกิเลสอาสวะต่อไป ท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของผู้คนและสานุศิษย์ผู้ศรัทธา
อืมมม...“จิ๋ม” นี่ช่างมีอิทธิฤทธิ์ ร้ายกาจ และเป็นภัยต่อการรักษา “พรหมจรรย์” เสียจริงหนอ...!
แม้ เหตุการณ์ครั้งนี้ จะสร้างความสับสนให้กับผู้คนในตอนแรก แต่เมื่อเรื่องทั้งหมดกระจ่างแล้ว ผมได้แต่แผ่เมตตา ให้ท่านมิตซุโอะ มีความสุขความเจริญ ในชีวิตฆราวาส ตามการตัดสินใจของท่าน
ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ
ในฐานะที่ผู้เขียน เคยได้รับการศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น ขออำนวยอวยพรท่านมิตซุโอะ เป็นภาษาญี่ปุ่น และไทย อย่างกัลยาณมิตรที่พึงมีต่อกัน...
กัมบัตเตะ กูดะไซ...มิตซุโอะ ซัง!!
โชคดีนะ...ทิด!!!
.................
ท้ายบท ผมวิพากษ์วิจารณ์ “มหานกกระจอก” ครั้งแรก ตั้งแต่ยังเขียนอยู่ค่าย “ผู้จัดการ” เมื่อกว่า 5 ปีก่อน และต่อมาได้เขียนถึงอีก ใน www.vattavan.com ขอให้ดูบทความที่ต่อเนื่องกัน คือ 1. ว.วชิรเมธี...“ท่านมหานกกระจอก!” http://www.manager.co.th/Columnist/ViewNews.asp
x?NewsID=9500000017583
2. เดรัจฉานคาถา ของ ว.วชิรเมธี (มหานกกระจอก!) http://vattavan.com/detail.php?cont_id=162
3. ตุ๊เจ้า!...‘แดก’ แล้ว อย่าลืมปิ๊กกลับวัดเน้อ!!! http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=407
อนึ่ง สำหรับความเห็นของแฟน ที่โพสต์ท้ายคอลัมน์สัปดาห์ก่อน กบฎ-ก่อการร้าย ต้องทำให้...สะเด็ดน้ำ!!! http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=437
มีดังต่อไปนี้ครับ
ความคิดเห็นที่ 1
รอ เวลากาลีจะพินาศ อัศนีบาตฟาดไปที่ใครบ้าง ใครระยำทำไว้ ใครนำทาง กรรมไม่วางตามติดเช่นเงาตามตัว แผ่นดินนี้ให้อยู่ให้อาศัย ทำเยี่ยงไรจะตอบแทนแผ่นดินนี้ ร่วมกันสร้างกุศลผลกรรมดี ร่วมกันชี้คนผิดรับผลกรรม
โดยคุณ วาดฝัน ตะวันติดตาม 125.24.5.XXX
ความคิดเห็นที่ 2
ผม เคยเรียนให้ทราบมาหลายครั้งแล้วว่ามาร์คนั้นไซร้โตแต่อายุครับแต่จิตใจและ ความรู้สึก ความรับผิดชอบยังเป็นเด็กอยู่มากๆ สามารถที่จะพูดเรื่องไม่จริงโดยคิดว่าเป็นเรื่องจริงได้โดยไม่สะทกสะท้าน เหมือนคนที่โกหกคนอื่่นๆอยู่ตลอดเวลาจนตนเองเชื่อว่าเรื่องที่โกหกนั้นเป็น เรื่องจริง เรื่องสั่งฆ่าคนก็เหมือนกันเหมือนกับเด็กๆที่ดูหนังบู๊ฝรั่งเยอะไปหน่อย เมื่ีอ ศอฉ. ยื่นแผนปฏิบัติการณ์มาให้พร้อมข้อมูลว่าหากปฏิบัติตามแผนนี้อาจมีการสูญเสีย ประมาณร้อย-สองร้อยชีวิต ไอ้มาร์คก็จะรู้สึกอกพอง เอาว่ะสองร้อยกูในฐานะนายกยอมรับได้ เซ็นอนุมัติซะ เด็กครับไอคิวอาจไม่ต่ำเท่าไหร่ แต่อีคิวนี่อาจวัดไม่พบเลย
โดยคุณ ช่วง 203.146.214.XXX
ความคิดเห็นที่ 3
อาจารย์ วาท ฯ ครับบทความของอาจารย์ทั้งหมด่อไปจะเป็นบทความประวัติศาสร์ ที่อนุชนรุ่นหลังจะต้องอ่านหลังจากพวกเราไปท่องเที่ยวภพอื่นแล้วแน่อน อยากจะเสนอว่าในปี 2556 ที่กำลังจะผ่านไปนี้สมาชิกที่อ่านบทความของอาจารย์ฟรี ๆ มาเป็นปีนี่ควรจะร่วมกันตั้งกองทุนเพื่อรวบรวมบทควมของอาจารย์เป็นเล่มสีสวย ๆ เป็นการสดุดีอาจารย์และไม่ให้บทความนี้หายไปในอนาคต แต่แน่นอนครับอาจารย์คงต้องใช้ทุนมหาศาลพอสมควรครับ ผมคนหนึ่งที่พร้อมจะสมทบ และก็เชื่อว่าอีกหลาย ๆ คนก็คงพร้อมเช่นกัน จะขาดก็คงเพียงคนที่เป็นศุนย์กลางในคิดรวบรวม และประสานการจัดพิมพ์ ผมจึงอยากให้อาจารย์หาทีมสักคนเป็นผู้รวบรวมและดำเนินการจัดพิมพ์ พวกเราพร้อมสนับสนุน ดีกว่าพอกเกตบุคของบางคน เล่มละ 250 บาทแต่อ่านแล้วด่าทักษิณอย่างเดียวไม่ประเทืองปัญญาเลยผมก็ยังเคยซื้ออ่านมา แล้ว แต่ถ้าบทความทั้งปีของอาจารย์เล่มละ 500 - 1500 คิดว่าหลายคนคงจะไม่เสียเงินที่จะซื้อแน่นอน อ่านฟรีมานานแล้วกำไรมากแล้ว ต่อครับ อยากฝากคุณทักษิณผ่านเผท ของอาจารย์วาท ฯ นี่แหละว่าคพูดที่เคยกล่าวว่ามีความจริงที่จะเปิดเผยอยู่ในใจเยอะ ก็เลยอยากจะบอกให้พูดออกมาให้หมดซะ คนที่ศรัทธาท่านทักษิณเขาจะได้ช่วยคิด และหาทางออกเพื่อแก้ไขต่อไป อย่าเก็บคนเดียวทุกคนฟังแล้วอีดอัดอยากรู้ว่าความจริงนั้นคืออะไร สิ่งสำคัญที่สุดขณะนี้คือ ผมอยากให้ รมว. ต่างประเทศลงนามให้ ICC มีอำนาจเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงสักทีเถอะ สำหรับ พล.ต จำลอง นายสนธิและแก๊งค์นั้น เมื่อลงนามใน ICC แล้ว INTERPOL ก็สามารถเกี่ยวข้องได้เพราะการยึดสนามบินนั้น เป็นการก่อการร้ายสากล ไม่ว่าตำรวจประเทศไหนก็สามารถจับได้ คิดว่าไม่นานแก๊งค์นี้คงจะได้ย้ายไปอยู่บ้านใหม่แน่นอน ขออวยพรไว้ล่วงหน้าว่าให้มีความสุขกับบ้านหลังใหม่ที่มีลูกกรงเป็นฝา
โดยคุณ วาดฝัน ตะวันต้องสอนทักษิณอยู่เรื่อย ๆ 101.51.226.XXX
ความคิดเห็นที่ 4 พูด ถึงเรื่องยึดสนามบิน ทำให้ผมนึกถึงน้องสาว(ลูกสาวของน้าชายที่แต่งงานกับอเมริกันและย้ายไปอยู่ อเมริกาเพราะจนแล้วจนรอดก็ขอสัญชาติไทยให้น้าสะใภ้ผมไม่ได้ ใช้เงินไปตั้งเยอะก็ไม่ได้ผลสุดท้ายน้าชายผมจึงย้ายไปอยู่อเมริกาจนได้เป็น พลเมืองมะกัน ผมเคยไปหาที่บ้านน้าที่มิชิแกน ปี1969ตอนคริสมาสต์ยังเคยอุ้มน้องสาวคนนี้เพราะแกยังเล็กมาก มา กทม เพื่อเยี่ยมบรรดาพี่ชายพี่สาวของพ่อแลยมาติดค้างที่สุวรรณภูมิเพราะพวกชิง หมาเกิดยึดสนามบิน) รับรองได้ว่าถึงยังไงอีตาจำลองและพวกก็คงรอดอีกเพราะมีบัญชามาจากคนใหญ่คนโต ของบ้านเมืองที่เกรงใจ พนันกันร้อยบาทเอาขี้หมากองเดียว แต่ก็นั่นแหละครับพวกนี้คงค่อย ๆ ทะยอยกันตายไปก่อนศาลจะสามารถเอาผิดได้ และผมก็คงไม่ได้เห็นวันนั้น
โดยคุณ คนชราจากล้านนา kokpor@hotmail.com 14.207.4.XXX
ความคิดเห็นที่ 5
เรื่อง เหล่านี้แม้จะต้องสู้กันถึงสามศาล ใช้เวลา ๘-๑๐ ปี หรือมากกว่า ก็จะขอรักษาลมหายใจรอดูความยุติธรรมที่แท้จริงที่จะเกิดขึ้นในเมืองไทยต่อไป
โดยคุณ รอดูด้วยความใจเย็น 115.87.109.XXX
ความคิดเห็นที่ 6 อาจารย์คิดว่า จำลองจะติดคุกหรือไม่?
โดยคุณ น่าจะติดนะ 180.180.145.XXX
(***คอลัมน์ ประจำสัปดาห์ ตอน แด่ทิด มิตซุโอะ คเวสโก “ผู้แสวงหาซึ่งฝั่ง”… (ฝั่ง “จิ๋ม”) ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 6 กรกฎาคม 2556)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น