หมาย เหตุ - พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ชี้แจงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินส่งหนังสือแจ้ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. กรณีเดินทางไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประดับยศและถ่ายรูปติดในห้องทำงาน พร้อมข้อความว่า มีวันนี้ เพราะพี่ให้Ž ว่าอาจเข้าข่ายผิดจริยธรรม เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่บช.น. ขณะที่นายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวด้วย
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง
ผบช.น.
เรื่อง ที่เป็นข่าวนั้น เป็นเรื่องเดิมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สอบไปแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาว่ามีผลอย่างไร ผมยืนยันเหมือนเดิมว่าไม่ได้คิดอะไร เพราะการประดับยศเป็นประเพณี การประดับยศตั้งแต่ ร.ต.ต.เป็นต้นมานั้น ก็มีผู้บังคับบัญชาประดับยศให้ เป็นประเพณีไทยว่าให้ผู้ที่เคารพนับถือประดับยศ ผมไม่ได้มีเจตนาอื่น ได้ปรึกษาหารือกับคุณแม่ ซึ่งมีอายุ 87 ปีและเป็นครูสอนจริยธรรมแล้ว ทำไมจะไม่นึกถึงจริยธรรม
ให้ผู้ที่เคารพนับถือประดับยศให้ ก็เลยคิดว่าท่านทักษิณ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นพี่ และตลอดเวลาที่ทำงานกับท่าน ได้สั่งสอนให้ทำงานให้ประชาชนรัก ให้ตำรวจรักแล้วจะก้าวหน้า แค่นั้น ผมก็ยึดถือคำสอนและทำมาเรื่อย ผมไม่มีเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น
ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีความเห็น อย่างไร เสนอคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไป หรือให้ผู้บังคับบัญชาทาง ตร.ดำเนินคดีกับผม ดำเนินการทางวินัยกับผม ขอให้เร็ว อย่าช้า เพราะอยากให้เห็นเร็วๆ เพราะผมเหลือเวลาอีก 14 เดือนจะเกษียณแล้ว ไม่มีปัญหาเลย จะได้กลับไปทำงานมูลนิธิ รักษาคนไข้ที่บาดเจ็บ ได้บุญมากกว่า
กรณีที่เกิดขึ้นไม่มีปัญหา ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรีบทำ จะได้จบๆ เสียที จะได้สรุปไป หาก ป.ป.ช.ชี้ว่าผมผิด ต้องหยุดปฏิบัติราชการ ก็ยินดี ผมมีเวลาอีก 14 เดือน อย่าให้เกิน 14 เดือน ทั้งนี้ ผมภูมิใจที่ก่อนเกษียณอายุราชการให้ผู้ที่เคารพรักประดับยศให้ ยินดีและไม่โกรธแค้น ไม่อาฆาตแค้นใคร
@ ผบ.ตร.เรียกไปพูดคุยหรือไม่
ไม่ มีปัญหาอะไร เรื่องนี้เคยมีการไปยื่นที่ ตร.ตั้งแต่เกิดเรื่องใหม่ๆ และ ตร.สอบไปแล้ว ผมไม่ได้ตามเรื่องเพราะถือว่าบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ทุจริต คอร์รัปชั่น เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นบรรทัดฐานว่าต่อไปจะให้ใครติดยศก็ดูให้ดี ความเป็นธรรมต้องมี ผมมองว่าในกระบวนการยุติธรรมมีอะไรแปลกๆ แต่ถ้าผู้รักษากฎหมายไม่ให้ความยุติธรรม บ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร ผมเป็นนักกีฬา ชอบเล่นกีฬา ก็เห็นใจว่าเมืองไทยกำลังบูมเรื่องฟุตบอล มีปัญหาเรื่องสมาคม การสร้างทีมใช้เงินเป็น 100 ล้านบาท และนักกีฬาถ้าแพ้ ก็ไปซ้อมมา แมตช์หน้าค่อยแก้ตัว ซ้อมมาให้ชนะเขา แต่ไม่คิดชกใต้เข็มขัด ไม่มีติดสินบนกรรมการ ผมเป็นตำรวจมีอุดมคติ ผมเป็นแพทย์แผนไทยต้องมีจรรยาบรรณ สื่อมวลชนน้องๆ ก็ต้องมีอุดมการณ์ ไม่มีอะไร อีก 14 เดือนแป๊บเดียว
@ มีกระบวนการเพื่อทำให้เกิดผลกระทบต่อตำแหน่ง ผบช.น. หรือไม่
มัน เป็นธรรมชาติ ต้องทำใจ เป็นตำรวจ ทุกตำแหน่งเวลาใกล้แต่งตั้งโยกย้าย เราไม่ได้ไปวิ่งเต้นมารับตำแหน่ง สื่อมวลชนก็รู้ว่าอยากมาหรือไม่ การโยกย้ายเป็นธรรมดา แล้วแต่ผู้บังคับบัญชาเห็นชอบ ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ไม่ได้เรียกไป ยอมรับว่าไปต่างประเทศจริง แต่ทำตามขั้นตอนทุกอย่างและเหตุเกิดนอกประเทศ หากไปให้คนที่ตัวเองเกลียดติดยศให้นี่ผมไม่มีจริยธรรม แต่ใจทำไม่ได้ แต่ถ้าการกระทำแบบนี้ผิด ก็ฝากข้าราชการที่จะให้ใครประดับยศต้องระวัง
@ กรณีถูกโยงกับการเมือง
ทำ งานของเราไป อย่างคดีที่เกิดขึ้น อาทิ คดีอุ้มนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง ก็ทำตามหน้าที่ อ่านแผนประทุษกรรมคนร้าย ดูเส้นทางว่าทำอย่างไร พอจับคนร้ายได้เร็วก็กลายเป็นพิรุธ แต่คดีที่ บช.ภ.2 จับทีมอุ้มเสี่ยอ้วน (นายชัยชนะ หมายงาน อายุ 67 ปี นักธุรกิจตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว) กลับบอกว่าตำรวจเก่งจับได้ เรื่องนี้ผมพูดคุยกับ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.ภ.2 ว่าเป็นอย่างไร เป็นห่วงตัวประกัน กลัวเสียชีวิต แต่หากไม่เจอศพก็จะมีปัญหาอีก ขนาดเราได้ทั้งคนร้าย ทั้งศพ ยังเจอประณาม อันนี้น่าห่วง ญาติถึงขนาดตั้งค่าหัว 1 ล้านบาท
@ ได้คุยกับพ.ต.ท.ทักษิณถึงเรื่องนี้หรือไม่
ยัง ไม่ได้คุย ท่านอยู่ไหนยังไม่รู้เลย มัวแต่วุ่นหลายคดี รวมทั้งคดีทุบกระจกรถที่ระบาด พยายามจะจับให้ได้ เดี๋ยวนี้ทันสมัย สามารถจี้และเร่งรัดคดีได้ทางไลน์ มีเหตุอะไรสั่งทางไลน์ไป ไปดูที่เกิดเหตุเป็นไง ส่งรูปมา ถ้าจำเป็นก็ไปดูด้วยตัวเอง เอาระบบนี้มาให้เป็นประโยชน์กับประชาชน ตอนนี้คดีเกี่ยวกับทรัพย์มันเยอะ รถหายก็ต้องป้องกัน โดยเฉพาะต่างชาติที่เข้ามาก่อเหตุ ก็ประสานทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) แล้ว
@ เหตุผู้พิพากษาหญิงบุกปาข้าวกล่องใส่รถประจำตำแหน่ง เป็นอย่างไรบ้าง
ที่ มีตุลาการเข้ามาที่ บช.น.ยามวิกาล และเขียนข้อความตำหนิผม กรณีตำรวจดำเนินการเรื่องม็อบที่กระทรวงกลาโหม เมื่อวันพฤหัสบดี (11 ก.ค.) ที่ผ่านมา และวันศุกร์ (12 ก.ค.) ก็นำข้าวกล่องมาขว้างอีก ผมไม่มีปัญหาเลย มีลูกน้องรายงานมาว่าวันพฤหัสบดีมีคนบุกรุกเข้ามา และมาเขียนแบบนี้ ก็บอกไปว่าอย่าไปทำอะไร เฉยๆ ไปเถอะ เพราะเป็นเรื่องของอารมณ์บุคคล แต่วันศุกร์กลับมาขว้างอีก ก็ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ ถามว่าผมโกรธแค้นหรือไม่ ผมไม่โกรธแค้น ผมอโหสิทุกคน จากการที่รักษาคนไข้มาเยอะก็รู้ว่าเป็นเรื่องของกรรม ผมเพียงแต่ตั้งเป้าว่าสร้างมูลนิธิให้เสร็จแล้วทำไป
ช่วงนี้ประจวบ เหมาะในหลายเรื่อง ทั้งตุลาการท่านนั้น พอมาวันนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินก็ออกมาอีก สอดรับกันดี ผมไม่มีอะไร ตอนนี้อยู่ในช่วงแต่งตั้งโยกย้าย ในสัปดาห์หน้า จังหวะมันสอดคล้องกันดี ไม่มีอะไรมาก สบายๆ
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)
ยัง ไม่มีหนังสือจากผู้ตรวจการแผ่นดินส่งมาที่ ตร. ที่ระบุว่าการที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เดินทางไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณประดับยศให้ผิดจริยธรรมตำรวจ และยังไม่มีการประสานผ่านทางช่องทางอื่นด้วย ข่าวที่ออกมาก็เป็นเพียงการรายงานข่าว แหล่งข่าว ไม่มีการระบุที่มาที่ไป หรือบุคคลที่ให้ข้อมูลแต่อย่างใด ยังไม่มีความน่าเชื่อถือ ตอนนี้ ตร.จึงยังไม่ได้มีการดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ หากมีหนังสือส่งมาเมื่อไรจะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
เรื่อง นี้เป็นเรื่องเก่า และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ชี้แจงต่อสาธารณชนหลายครั้งแล้ว ผมมองว่า การให้ผู้ใหญ่ที่นับถือประดับยศให้ไม่แปลกและก็ไม่เป็นความผิดอันใด ไม่ได้มีผลกระทบต่อการทำงาน ที่ผ่านมาก็ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ผบช.น.ได้เป็นอย่างดี และบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ก็เป็นบุคคลที่มีความคิดเห็นและอยู่ตรง กันข้ามกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์มาโดยตลอด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ทำหน้าที่ของท่านอย่างดี เรื่องนี้ไม่กระทบต่อหน้าที่การงาน ท่านไม่ได้ทำอะไรผิด เรื่องจริยธรรมจรรยาบรรณของตำรวจนั้นก็มีขั้นตอนการตรวจสอบ เรื่องนี้ผู้บังคับบัญชา และจเรตำรวจจะเป็นผู้ดูแลเป็นขั้นตอนอยู่แล้ว
รักษเกชา แฉ่ฉาย
รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
ผู้ ตรวจการแผ่นดินมีมติเห็นชอบตามคำร้องที่นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ ผู้ช่วยผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ในฐานะผู้ร้องที่ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบกรณีที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณประดับยศให้ที่เกาะฮ่องกง เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ทำให้เสื่อมเสียเกียรติยศ เพราะ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถือเป็นนักโทษหนีคดี ตามประกาศของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ผู้ ตรวจการแผ่นดินจึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ.2552 มาตรา 38 ส่งเรื่องไปยัง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.อมรินทร์ อัครวงษ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้บังคับบัญชา รวมถึงผู้ร้อง ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้บังคับบัญชา ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป โดยให้ต้นสังกัดดำเนินการตรวจสอบตามประมวลจริยธรรมที่มีอยู่ ภายใน 30 วัน ก่อนจะชี้แจงให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบต่อไป
หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับ หน่วยงานต้นสังกัดจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การส่งหนังสือครั้งนี้ไม่ได้เป็นการชี้ว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์กระทำผิด เพียงแต่มีเหตุน่าสงสัย ซึ่งผู้บังคับบัญชาควรไปดำเนินการพิจารณาในประเด็นดังกล่าว
ส่วนการ ตั้งข้อสังเกตว่าหน่วยงานต้นสังกัดจะมีการช่วยเหลือพล.ต.ท.คำรณวิทย์ เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเหมือนกันและใกล้จะเกษียณอายุราชการแล้วนั้น ทางผู้ตรวจการแผ่นดินไม่คิดเช่นนั้น เพราะทุกอย่างต้องดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง และต้องให้ความเคารพกับการดำเนินการของหน่วยงานต้นสังกัด หากมีการขอขยายระยะเวลา ต้องพิจารณาตามเหตุและผลที่ร้องขอมา แต่หากหน่วยงานต้นสังกัดเพิกเฉยในเรื่องนี้ ผู้ตรวจแผ่นดินก็ต้องนำเรื่องมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร
ที่ ป.ป.ช.ประสานขอข้อมูลมายังผู้ตรวจการแผ่นดินในเรื่องนี้นั้น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นเรื่องแรก เพราะที่ผ่านมามีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาในคำร้องที่อยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน จึงไม่ได้เป็นการจ้องเล่นงาน พล.ต.ท.คำรณวิทย์อย่างแน่นอน ส่วนที่หลายหน่วยงานยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งจากผู้ตรวจการแผ่นดินนั้น เชื่อว่าน่าจะอยู่ในกระบวนการของระบบสารบรรณ ที่จะต้องเป็นไปตามขั้นตอน
หน้า 2,มติชนรายวัน ฉบับวันอังคารที่ 16 กรกฎาคม 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น