ศาลโลกตัดสิน ยึดตามคำพิพากษา ปี 2505 ให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือตัวปราสาท แต่ไม่ชี้ขาดเรื่องเขตแดนให้สองประเทศเจรจากันเอง ด้าน "ทูตวีระชัย" ยืนยันไทยยังไม่เสียดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร
กรณีประเทศกัมพูชาขอให้ศาลยุติธรรมระหว่าง
ประเทศ หรือศาลโลกตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี พ.ศ.2505
หลังอ่านคำพิพากษากว่า 1 ชั่วโมง ศาลโลกได้มีคำพิพากษา โดยประเด็นแรก
ระบุศาลโลกมีอำนาจในการรับคำฟ้องตามที่กัมพูชาเสนอไป
และมีอำนาจตีความคำพิพากษา โดยศาลโลกยืนยันคำพิพากษาเดิมในปี 2505
คือให้กัมพูชามีอำนาจอธิปไตยเหนือตัวปราสาทพระวิหาร
และศาลโลกมีมติศาลเอกฉันท์
ให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารทั้งหมด อย่างไรก็ตาม
ศาลไม่ได้ระบุเรื่องเส้นเขตแดนที่ชัดเจน
โดยเห็นว่าเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายต้องมีการเจรจากัน
หลังการอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น นายวีระชัย
พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก
ในฐานะหัวหน้าทีมทนายความต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร กล่าวว่า
ศาลโลกมีคำพิพากษา ดังนี้
1.ศาลพิพากษาว่ามีอำนาจพิจารณาตีความคำร้องของกัมพูชา
2.ศาลไม่ได้ตัดสินเรื่องเขตแดน
โดยกัมพูชาไม่ได้รับ 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือ ภูมะเขือ
เว้นแต่บริเวณที่แคบมากๆ ซึ่งสองฝ่ายต้องหารือกัน
3.ที่สำคัญมากคือศาลไม่ได้ระบุว่า แผนที่ 1 : 200,000 ตารางกิโลเมตรเป็นส่วนหนึ่งของคำตัดสินเมื่อปี 2505
ทั้งนี้ศาลโลกได้แนะนำให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันดูแลปราสาทพระวิหารในฐานะมรดกโลก
ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ กล่าวว่า
ผลการตัดสินของศาลโลกออกมาเป็นที่น่าพอใจของทั้งสองฝ่าย
โดยไทยกับกัมพูชาจะหารือในคณะกรรมาธิการร่วมระดับทวิภาคีต่อไป
by
Wannee
11 พฤศจิกายน 2556 เวลา 17:59 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น