"กลุ่มคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับแก้ไขโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ"
จากสาขารัฐศาสตร์ ม.พะเยา สนับสนุนให้วุฒิสภายับยั้งร่างนิรโทษกรรม
และเสนอให้รัฐสภาแก้ไขขอบเขตการนิรโทษกรรมให้อยู่ในระดับของผู้ร่วมชุมนุม
และแสดงออกทางการเมือง
6 พ.ย. 2556 - วันนี้ กลุ่มคณาจารย์และนิสิตในสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ในนาม "กลุ่มคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับแก้ไขโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ" ได้เผยแพร่แถลงการณ์ "แถลงการณ์สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา กลุ่มคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับแก้ไขโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ" โดยมีรายละเอียดของแถลงการณ์ และข้อเสนอดังนี้
6 พ.ย. 2556 - วันนี้ กลุ่มคณาจารย์และนิสิตในสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ในนาม "กลุ่มคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับแก้ไขโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ" ได้เผยแพร่แถลงการณ์ "แถลงการณ์สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา กลุ่มคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับแก้ไขโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ" โดยมีรายละเอียดของแถลงการณ์ และข้อเสนอดังนี้
000
แถลงการณ์สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
กลุ่มคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับแก้ไขโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
กลุ่มคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับแก้ไขโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ในฐานะส่วนหนึ่งของสถาบันอุดมศึกษา
และประชาคมทางการเมืองไทย นอกจากมวลชนที่ออกมาเคลื่อนไหวแล้ว
พวกเราต้องขอขอบคุณสมาชิกวุฒิสภาที่จะตัดสินไม่รับร่าง พ.ร.บ นิรโทษกรรม
ฉบับแก้ไขโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ขอบคุณท่านนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ที่แสดงบทบาทผู้นำในการตัดสินใจอย่างรวดเร็วที่จะไม่ฝืนต้านกระแสมวลชน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจุดหมาย วิธีการ
และจุดยืนของเคลื่อนขบวนมีหลายรูปแบบ
พวกเราจึงขอร่วมเสวนาต่อทั้งประเด็นร่าง พ.ร.บ นิรโทษกรรมฯ
และการเคลื่อนไหวของมวลชน
เพื่อสร้างข้อถกเถียงและเสนอแนวทางคลี่คลายสถานการณ์การเมืองต่อไป
พวกเราเชื่อมั่นว่า หากสามารถผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้
ประเทศไทยก็นับว่ากำลังเดินทางผ่านรอยต่อทางแยกที่สำคัญในประวัติศาสตร์การ
เมืองอย่างผ่าเผย
จุดยืน
ภายใต้เอกภาพของการคัดค้าน
พวกเราต่างมีอิสระและความหลากหลายทางอุดมการณ์ กล่าวคือ พวกเราประกอบไปด้วย
ผู้มีอุดมการณ์สีแดง
ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมผู้กระทำผิดในเหตุการณ์เมษายน 2552
และพฤษภาคม 2553, ผู้มีอุดมการณ์สีเหลือง
ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการล้างผิดผู้นำทางการเมืองที่คอร์รัปชั่นและเป็นเผด็จ
การรัฐสภา ทั้งๆ ที่ยังไม่ผ่านการลงโทษตามกฎหมาย, กลุ่มคนผู้รักคุณทักษิณ
ชินวัตร ซึ่งปรารถนาให้ท่านกลับมาอย่างสง่างามชอบธรรมตามวิถีทางของอารยชน,
กลุ่มคนผู้รักพรรคเพื่อไทย
ที่ต้องการให้พรรคกลับมาเป็นองค์กรแห่งความหวังทางอุดมการณ์เพื่อ
ประชาธิปไตย ความเสมอภาค และคนรากหญ้า กลุ่มคนผู้รักพรรคประชาธิปัตย์
ที่ปรารถนาให้ผู้นำพรรคพ้นข้อกล่าวหาอย่างไร้ข้อกังขา,
ตลอดจนกลุ่มคนที่มิได้เลือกข้างฝั่งอุดมการณ์ใดๆ
แต่ต้องการให้กระบวนการทางประชาธิปไตยและรัฐสภาของไทยไม่แปดเปื้อนจากผล
ประโยชน์เฉพาะหน้า จนกลายเป็นรอยด่างพร้อยอีกวงในกงล้อประวัติศาสตร์
ความหวัง
ในห้วงเวลาของประวัติศาสตร์
เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต พวกเราเห็นบาดแผลที่ยังคงเยียวยารักษาไม่หาย
เช่นกรณีคนไทยฆาตรกรรมกันเองในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
ซึ่งกระทั่งปัจจุบันคนกระทำผิดก็ยังไม่ถูกลงโทษ ดังนั้นการนิรโทษกรรมฯ
ในขณะที่ยังไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมจึงอาจทำให้เกิดประวัติศาสตร์บาดแผลซ้ำ
รอย อย่างไรก็ตาม การให้อภัยก็ย่อมทำได้
แต่ก็ต่อเมื่อผู้กระทำผิดสำนึกและกล้ารับโทษตามกฎหมายแล้ว
เมื่อหันมามองการเมืองไทยในยุคปัจจุบัน พวกเราเห็นว่า
แม้นความตื่นตัวทางการเมืองของมวลชนเสื้อเหลืองและเฉพาะยิ่งมวลชนเสื้อแดงจะ
ทำให้พวกเราตื่นตาและตื่นเต้นกับพลังการมีส่วนร่วมของพวกเขาเหล่านั้น
เนื่องจากมาจากทุกกลุ่มชนชั้น กระนั้น
ฝ่ายตรงข้ามของทั้งสองก็ยังคงกังขากับความบริสุทธิ์ของมวลชนอยู่
อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ
เพื่อความถูกต้องทางนิติบัญญัติและชอบธรรมทางการเมืองที่ค่อยๆเคลื่อนขบวน
ออกมาทีละระลอกนี้
กลับฉายให้พวกเราคลายความเคลือบแคลงในประเด็นผลประโยชน์แอบแฝง
กระทั่งเราอยากจะเปรียบเปรยว่าขบวนคัดค้านเหล่านี้เป็นการตื่นรู้หรือซาโตริ
แบบรวมหมู่ พวกเราหวังว่า
การปะทุของการประท้วงเชิงปัญญานี้จะอยู่ภายในขอบเขตของกฎหมาย
ท่ามกลางความสัมพันธ์ทางการเมืองแบบไม่ปิดจุดต่าง มองเห็นจุดร่วม
ไม่เหมารวม และเว้นวรรคการนำสถาบันหลักของชาติมานำมวลชน
เพราะนอกจากพลังของมวลชนพลเมืองจะกลายเป็นกรอบให้นักการเมืองไทย
ผู้ซึ่งแม้นมิใช่เทวดา แต่ก็มิใช่ยักษาวานร
ได้เดินอยู่ภายใต้เส้นทางของความถูกต้องทางกฎหมายและความชอบธรรมทางการเมือง
แล้ว
มันจะยังสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองไทยแบบมีส่วนร่วมและสันติวิธีอย่างแท้จริง
ข้อเสนอ
หากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่าน
แม้ว่ามวลชนจะคัดค้านอย่างคับคั่งก็ตาม
แต่รัฐไทยย่อมถูกเพ่งเล็งจากประชาคมโลกได้ว่า
ไทยนั้นเพิกเฉยต่อปัญหาคอรัปชั่น ความรุนแรงทางการเมือง
การละเมิดสิทธิมนุษยชน การละทิ้งหลักการว่าด้วยนิติรัฐ
โดยกลับยอมรับวิธีการแก้ไขปัญหาด้วยหนทางนอกระบอบประชาธิปไตยอย่างการรัฐ
ประหาร ดังนั้น จากฐานะ จุดยืน ความหวัง และหลักการทั้งหมด
ตลอดจนการเล็งเห็นวิธีการเดินกฎหมายที่มีความรีบเร่ง ไร้ขอบเขต
ในขณะที่กระบวนการค้นหาความจริงยังไม่สิ้นสุด
พวกเราจึงขอสนับสนุนการยับยั้งร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ ของวุฒิสภา
และขอเสนอให้รัฐสภาแก้ไขขอบเขตของการนิรโทษกรรมให้อยู่เพียงในระดับผู้ร่วม
ชุมนุมและแสดงออกทางการเมืองเท่านั้น
อันจะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองไทยเข้าสู่สภาวการณ์ปรองดองอย่างแท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น