ในช่วงที่การเมืองไทยผูกติดอยู่กับประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของวุฒิสภา เกิดข้อถกเถียงกันว่า ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดีเท่า ส.ว.สรรหา ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เราจะไปดูกันว่าวุฒิสภาใน
ที่ต่างๆ ของโลก มาจากการเลือกตั้งหรือสรรหามากกว่ากัน
และวุฒิสภาที่มาจากกระบวนการที่ต่างกัน
มีอำนาจและบทบาทหน้าที่แตกต่างกันอย่างไร
คำวินิจฉัยล่าสุดของศาลรัฐธรรมนูญ
ที่ตัดสินว่าการแก้รัฐธรรมนูญให้วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด
เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และก่อให้เกิดสภาผัว สภาเมีย
ทำลายวัตถุประสงค์ของการมี 2 สภาเพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุล
ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าจริงๆ แล้ว
วุฒิสมาชิกไม่ควรจะมาจากการเลือกตั้งจริงหรือ ทั้งที่ทุกวันนี้
มีหลายประเทศในโลกที่มีวุฒิสภาซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน
รวมถึงประเทศหัวหอกค่ายประชาธิปไตยอย่างสหรัฐฯ
อันที่จริงแล้ว ถึงแม้ว่าประเทศเกือบทั้งหมดในโลกนี้จะปกครองโดยประชาธิปไตยระบอบรัฐสภา แต่ส่วนใหญ่แล้ว แต่ละประเทศเลือกที่จะมีสภาเดียว นั่นก็คือสภาผู้แทนราษฎร
และมีเพียง 80 ประเทศในโลกเท่านั้นที่กำหนดให้มีวุฒิสภา
หรือสภาสูงเพิ่มขึ้นมา ขณะที่มีอีกหลายประเทศ เช่นสวีเดน เดนมาร์ก
ไอร์แลนด์ และนิวซีแลนด์ ที่ยกเลิกวุฒิสภาไปแล้ว
เนื่องจากเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลือง
และในบรรดาประเทศที่มีวุฒิสภา ก็มีที่มาของวุฒิสภาแตกต่างกันไปตามประวัติศาสตร์การเมืองของแต่ละประเทศ โดยสามารถแบ่งเป็น 3 ค่ายใหญ่ๆ ค่ายแรกคือประเทศที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาเก่าแก่ และมีชนชั้นขุนนางที่
แข็งแรง
และไม่ได้ถูกโค่นล้มไปแบบถอนรากถอนโคนในการเปลี่ยนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิ
ราชย์เป็นประชาธิปไตย ทำให้วุฒิสภาเป็นที่รวมของบรรดาชนชั้นสูง ขุนนางเก่า
ซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกผ่านการแต่งตั้ง หรือสืบทอดตามสายตระกูล รวมถึงผู้นำทางศาสนา
วุฒิสภาประเภทนี้มาจากการแต่งตั้ง
จึงไม่มีอำนาจเท่าสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
มีหน้าที่กลั่นกรอง ตรวจสอบกฎหมาย
แต่ไม่สามารถยับยั้งกฎหมายที่ยืนยันโดยสภาล่างได้ เช่นวุฒิสภาอังกฤษเป็นต้น
ค่ายที่สอง
เป็นค่ายที่ประวัติศาสตร์การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองไม่ต้องมีการจัดสรรที่
ทางให้กับกลุ่มอำนาจเก่า เช่นสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย
สภาสูงจึงมาจากการเลือกตั้งเช่นเดียวกับสภาล่าง
และมีอำนาจตรวจสอบถ่วงดุลที่ทรงพลังไม่แพ้กัน
เนื่องจากต่างฝ่ายต่างมีอำนาจของประชาชนหนุนหลังด้วยกันทั้งคู่
โดยประเทศที่มีวุฒิสภามาจากการเลือกตั้ง 100% ก็เช่นญี่ปุ่น อิตาลี
และฟิลิปปินส์
ส่วนค่ายที่สาม
เป็นค่ายที่มีทั้งการเลือกตั้งและแต่งตั้งวุฒิสมาชิก
โดยส่วนใหญ่จะเป็นประเทศที่ยึดรูปแบบวุฒิสภาที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ
แต่เพิ่มวุฒิสมาชิกที่มาจากการแต่งตั้ง
เพื่อเคารพในความแตกต่างหลากหลายทางเชื้อชาติและศาสนาของพลเมือง
หรือเพื่อให้พื้นที่ของตัวแทนรัฐบาลท้องถิ่นแต่ละมลรัฐ เช่นอียิปต์
ที่มีตัวแทนศาสนาได้รับแต่งตั้งเข้าไปนั่งในวุฒิสภาด้วย หรือเบลเยียม
ที่ชุมชนที่พูดภาษาต่างๆ ก็ได้รับสิทธิ์ส่งตัวแทนเข้าไปนั่งในวุฒิสภา
รวมถึงมาเลเซีย ที่วุฒิสมาชิกส่วนหนึ่งมาจากการแต่งตั้งของกษัตริย์
เพื่อเป็นตัวแทนแต่ละรัฐ
ซึ่งค่ายที่มีวุฒิสมาชิกมาจากการแต่งตั้ง
และเลือกตั้งผสมกัน เป็นรูปแบบที่เป็นที่นิยมมากที่สุด
เพราะรวมเอาข้อดีของทั้งสองรูปแบบมาไว้ด้วยกัน
นั่นก็คือได้รับความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง
และยังให้สิทธิ์เสียงแก่คนกลุ่มน้อยที่ไม่มีพลังพอในการชนะเลือกตั้ง
แต่ที่น่าสนใจก็คือ
มีหลายประเทศที่พยายามผลักดันให้วุฒิสภามาจากการเลือกตั้ง 100% เช่นแคนาดา
ที่ทุกวันนี้มีวุฒิสภามาจากการแต่งตั้งทั้งหมดตามรูปแบบของสภาขุนนางอังกฤษ
กลับมีความพยายามในการเปลี่ยนระบบการได้มาซึ่ง ส.ว.เป็นการเลือกตั้งทั้งหมด
เพื่อเพิ่มความชอบธรรมให้กับวุฒิสภาในการตรวจสอบถ่วงดุลสภาผู้แทนราษฎรได้
อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับไทย
ที่มีข้อโต้แย้งว่าวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งต่างหาก
ที่สามารถทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่า
22 พฤศจิกายน 2556 เวลา 17:38 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น