พันเอกร่มเกล้า ธุวธรรม นายทหารผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 (ได้รับพระราชทานยศพลเอก ภายหลังเสียชีวิต)
ภาพคลิปเหตุการณ์ 10 เมษา 53
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
16 พฤศจิกายน 2556
1.ศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมกรณีเม.ย.-พ.ค.53 (ศปช.) สรุปกรณีพ.อ.ร่มเกล้า่ไว้ดังนี้ พ.อ. (พิเศษ) ร่มเกล้า ธุวธรรม อายุ : 43 ปี อาชีพ : ทหาร วัน/เวลาเกิดเหตุ : วันที่ 10 เม.ย. 53 สถานที่เกิดเหตุ : ถนนดินสอ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถูกส่งโรงพยาบาล/สถานที่ชันสูตร : โรงพยาบาลพระมงกุฎ/โรงพยาบาลพระมงกุฎ สาเหตุการเสียชีวิต : โดนระเบิด บาดแผลท้ายทอยขวาฉีกขาด น่อง 2 ข้างฉีกขาดฟกช้ำ วัน/เวลา/สถานที่เสียชีวิต : วันที่ 11 เม.ย. 53 เวลา 3.00 น. เสียชีวิตที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ชนิดกระสุน : ระเบิด
แผนที่ผู้เสียชีวิตที่ศปช.จัดทำขึ้นกรณีพันเอกร่มเกล้าและผู้เสียชีวิตทั้ง13ราย
-ได้นำอาวุธปืนใส่รถไปพร้อมกับลูกทีมราว6-7คน
-มีอาวุธประกอบด้วย M203 หนึ่งกระบอก M16อีก 2 กระบอก อาก้า 3 กระบอก
-ได้เริ่มต้นปฏิบัติการด้วยการเริ่มใช้ปืนเอ็ม203ยิงกองกำลังทหารบริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยาก่อน แต่ตรงนั้นมีรถอยู่จอดขวางกั้นอยู่ ก็ไม่รู้ว่ามีการตายหรือไม่
-จากนั้นยิงขึ้นไปบนสำนักงานสลากกินแบ่งที่มีทหารขึ้นไปยิงใส่ประชาชนอยู่บนกองสลากฯ เราก็ใช้เอ็ม16ยิงใส่ทหาร แต่ผมว่าไม่น่าจะโดนใคร
-ปิดท้ายปฎิบัติการด้วยการยิง ใส่แถวของกองกำลังทหารที่อยู่ในซอยโรงหลังเรียนสตรีวิทย์ ผมจำได้แม่นว่าเป็นหลังร้านแมคโดนัลด์ ตรงนั้นมีกองทหารตั้งแถวเตรียมพร้อมรุกเข้ามาปราบผู้ชุมนุม ทีมพวกกันเราก็ยิงกราดใส่แถวทหาร ซึ่งทหาคงไม่คาดคิดว่าจะมีทีมเราไปยิง ก็ไม่ได้เตรียมพร้อม แถวหน้าก็โดน ถอยหลังก็ไม่ได้มันมีแถวทหารเรียงเป็นพรืด อาจจะโดนทหารแถวหลังยิงใส่โดนพวกเดียวกันเองด้วยก็เป็นได้ แต่ผมก็ยิงจนกระสุนหมดไป3ชุด ทีมเราก็ระดมยิงใส่ ก็คงมีทหารตายไปจำนวนมาก
-ใช้เวลาปฏิบัติการทั้งสิ้นไม่เกิน 10 นาที
- ก็ มีผลให้ทหารกระจายหลบไปหมด พอหยุดเขาได้ พวกเราก็เลิกปฏิบัติการ แล้วขับรถวนดูรอบพื้นที่ชุมนุมว่าทหารสลายไปหมดยัง พอเห็นสลายไปหมดเราก็ยุติปฏิบัติการ
3.เรื่องจำนวนชายชุดดำและอาวุธที่ชายชุดดำอ้างในข้อ 2 นั้น สอดคล้องใกล้เคียงกับพยานฝ่ายทหารที่ให้การต่อศาลว่า
ร.ต.ชัยวัฒน์ ตะเพียรทอง ให้การต่อศาลว่า ขณะ จอดรอกำลังพลมีรถตู้สีขาววิ่งสวนมาเฉียดกับรถพยานประมาณ 1 ช่วงแขน จากนั้นผู้โดยสารในรถตู้เปิดกระจกชะโงกมาด่าว่า "เป็นยังไงบ้างไอ้พวกเหี้ย" ชายคนดังกล่าวใส่ชุดคลุมสีดำ เสื้อแจ็กเก็ตสีดำ สวมหมวกไหมพรมคลุมศีรษะ เห็นแต่ดวงตา ซึ่งในรถมีอยู่ประมาณ 5 คน รวมคนขับ บางคนใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก บางคนสวมไอ้โม่ง พยานเห็นอาวุธปืนอาก้า 1 กระบอก วางอยู่บนเบาะนั่งแถวที่สอง ส่วนที่พื้นรถเห็นอาวุธปืนเอ็ม 16 ประมาณ 4 กระบอก โดยรถคันดังกล่าวถอดเบาะนั่งแถวหน้าออก (ที่มา:กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 16 กรกฎาคม 2556)
4.กรณีที่พยานจำนวนมากกล่าวถึงเหตุการณ์พ.อ.ร่มเกล้าเสียชีวิตจากระเบิด ไม่ใช่กระสุนปืนนั้น
-จากคำให้สัมภาษณ์ของผู้อ้างตัวว่าเป็นชายชุดดำกับไทยอีนิวส์ได้อ้างว่า "ได้เริ่มต้นปฏิบัติการด้วยการเริ่มใช้ปืนเอ็ม203ยิงกองกำลังทหารบริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยาก่อน แต่ตรงนั้นมีรถอยู่จอดขวางกั้นอยู่ ก็มองไม่เห็นจึงไม่รู้ว่ามีการตายหรือไม่" -ส่วนศปช.รายงานจุดเกิดเหตุที่พันเอกร่มเกล้าเสียชีวิตว่า"ถนนดินสอ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา"
-เมื่อพิจารณาจากอาวุํธที่ใช้ก่้อเหตุนั้นชายชุดดำอ้างว่าเป็น M203 ซึ่งมีรูปร่าง การใช้งาน และตัวอย่าง
เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด ๔๐ มม. เอ็ม ๒๐๓ (อ่านเพิ่มเติมในเว็บไซต์กรมสรรพาวุธ) การมีปืน เอ็ม 203 ติดกับปืนเอ็ม 16 เท่ากับมีอาวุธปืน 2 กระบอกติดตัว คือมีทั้งปืนสงครามชนิด เอ็ม 16 กับปืนยิงลูกระเบิด
ตัวอย่างการยิง M203
5.นายแพทย์สลักธรรม โตจิราการ บุตร
ชายของนายแพทย์เหวง โตจิราการ แกนนำนปช.รายหนึ่่ง ได้เขียนรายงานว่า
เขาได้เข้าไปร่วมชันสูตรผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 10
เมษายนด้วย(ดูรายละเอียดข่าวประชาไท)
ยกเว้นกรณีพันเอกร่มเกล้าที่ได้นำไปฌาปณกิจก่อนแล้ว
จึงได้ชันสูตรศพทหารชั้นประทวนที่อยู่กับพันเอกร่มเกล้าตอนเสียชีวิต
ซึ่งเขาสรุปว่า
ศพ
ทหารที่เสียชีวิตนั้นนั้นตายจากสะเก็ดระเบิดที่เป็นโลหะรูปร่างบิดเบี้ยว
เป็นแผ่นที่แตกออกมาด้วยความเร็วสูงพุ่งทะลุเข้าไปในสมอง ถ้าถามความเห็นผม
ทหารที่เสียชีวิตนั้นน่าจะเสียชีวิตจากระเบิดมือมากกว่า M79 เพราะว่า กระสุนระเบิดขนาด 40 mm ที่ใช้กับ M79 หรือ M203 ส่วน
มากเป็นกระสุนที่มีอำนาจการทำลายจากตัวแรงระเบิดเอง (High Explosive)
มากกว่า
ยกเว้นจะใช้หัวกระสุนชนิดคล้ายปืนลูกซองซึ่งจะให้ลูกปรายออกมาเป็นลูกกลม
ในขณะที่ระเบิดมือชนิดทำลายบุคคลจะใช้การแตกสะเก็ด (Fragmentation)
เพื่อให้สะเก็ดระเบิดพุ่งตามแรงระเบิดไปทำลายบุคคล
จากการชันสูตรพบว่าทหารที่เสียชีวิตนั้นไม่ได้เสียชีวิตจากตัวแรงระเบิดเอง
แต่เสียชีวิตจากสะเก็ดระเบิด
สะเก็ดระเบิดที่พบในศีรษะทหารที่เสียชีวิตมีลักษณะเป็นแผ่นแบบที่แตกออกมา
จากผิวของระเบิดมือชนิดแตกสะเก็ด ไม่ใช่หัวลูกปรายในกระสุน M79 แบบพิเศษ
6.ผู้อ้างตนเองว่าเป็นหัวหน้าทีมชายชุดดำ ได้กล่าวอ้างความรับผิดชอบในการให้สัมภาษณ์กับไทยอีนิวส์ว่า "ผม ขอโทษที่ทำให้ทหารตาย ทำให้พันเอกร่มเกล้าเสียชีวิต ขอโทษครอบครัวทหารทุกๆคน แต่ผมเสียใจและเสียดายที่ผู้สั่งการให้ทหารมาฆ่าประชาชนคือสุเทพ กับมาร์ค ยังมีชีวิตปกติสุข" แต่เขาไม่ได้ยืนยันในการให้สัมภาษณ์ว่า ได้สังหารพันเอกร่้มเกล้าหรือไม่ เพราะขณะยิงM203นั้น มีรถหลายคันคั่นกลางอยู่ ทำให้มองเห็นไม่ชัดว่าไปโดนใครเสียชีวิตหรือไม่
อย่า่ง ไรก็ตามชายผู้อ้างตนเป็นชายชุดดำที่ให้สัมภาษณ์ไทยอีนิวส์ว่า ทีมปฏิบัติการของเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับพรรคเพื่อไทย ,ทักษิณ,แกนนำนปช. หรือฝ่ายทหาร ตำรวจ โดยกล่าวอ้างว่าพวกเขาเป็นประชาชนธรรมดาที่ทนแรงบีบคั้นทางการเมือง และการปฏิบัติการทางทหารในการเข่นฆ่าปราบปรามผู้ชุมนุมเสื้อแดงไม่ไหว จึงจัดตั้งกองกำลังราว7คน และได้อาวุธสงครามจากทหารแตงโม ปฏิบัติการต่อทหารเพื่อหยุดยั้งทหาร และปกป้องชีวิตของประชาชนผู้ชุมนุมในเวลา่นั้น
7.ไทยอีนิวส์นำเสนอบทสัมภาษณ์ชายชุดดำ และรายงานข่าวชุดนี้เพื่อสืบค้นความจริงที่ยังคลุมเครือให้ปรากฎ และสืิบค้นกันต่อไปเพื่อให้เข้าถึงความจริงแท้ของเหตุการณ์ให้มากที่สุด และอาจจะเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับทุกฝ่าย อย่างไรก็ตามหากสังคมไม่ต้องการแสวงหาความจริง นี่ก็อาจจะเป็น1ในเรื่ อง inconvenience truth ของสังคมไทย ที่แต่ละฝ่ายก็ อยากให้มันเป็นความลับแบบขมุ กขมัวต่อไป ตราบที่แต่ละฝ่ายยังได้ประโยชน์ จากความคลุมเครือ..
ที่เหลือจากนี้เป็นดุลพินิจอย่างเต็มที่ของท่านผู้อ่าน
ที่เหลือจากนี้เป็นดุลพินิจอย่างเต็มที่ของท่านผู้อ่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น