ที่มา Thai E-News
ชำนาญ จันทร์เรือง
หลายคนที่ไม่ใช่คนใต้มองปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคใต้ด้วยความสงสัยว่าเกิด
อะไรขึ้น เหตุใดจึงมีการก่อความไม่สงบเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
ทำไมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงไม่ปราบปรามให้สิ้นซากไปเสีย
หลายคนมองด้วยความสะใจที่มีการเสียชีวิตถึง ๑๖
ศพจากการบุกเข้าโจมตีหน่วยทหาร วิทยุชุมชนบางสถานีออกข่าวอย่างเมามัน
บางสถานีมีข้าราชการการเมืองแดงจัดในระดับสูงของพรรครัฐบาลออกมาให้ความเห็น
อย่างสุดโต่งในทำนองประณามหยามเหยียดผู้ที่เสียชีวิต
คอลัมนิสต์เหลืองจัดบางคนออกมาเรียกร้องให้ใช้มาตรการเด็ดขาดจัดการเสียให้
สิ้นซาก (ซึ่งใครๆก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้) ทั้งนี้
ยังไม่รวมถึงความเห็นที่รุนแรงและกราดเกรี้ยวในสื่อสังคม(Social
Network)ของทั้งเหลืองและแดง
แต่ในทางกลับกันในพิธีฝังศพผู้เสียชีวิตบางคนมีชาวบ้านไปร่วมพิธีอย่างมาก
มายเยี่ยงวีรบุรุษและคนในครอบครัวของผู้ตายต่างภาคภูมิใจในการตายที่เขา
เหล่านั้นถือว่าเป็นการตายที่มีเกียรติผู้คนที่เกี่ยวข้องกับผู้ตายต่างออก
มาสดุดีว่าผู้ตายนั้นได้ทำหน้าที่สมศักดิ์ศรีแล้ว
โดยไม่เสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
บ้างก็อธิบายถึงความคับแค้นใจที่ผู้ตายว่ามีแรงจูงใจจากเหตุการณ์กรณีตากใบ
ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
จึงเกิดคำถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นในผืนแผ่นดินแห่งนี้
ทำไมผู้คนที่อยู่ร่วมผืนแผ่นดินเดียวกันจึงมองปัญหาได้ต่างกันมากมายชนิดที่
เป็นคนละขั้วกันเลยทีเดียว
ผมค่อนข้างแปลกใจและเห็นว่าเป็น"ตลกร้าย"ที่คนหรือสื่อที่เป็นทั้งเสื้อ
เหลืองและเสื้อแดงต่างออกมาประณามหยามหมิ่นผู้เสียชีวิตจากการก่อความไม่สงบ
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ไม่ว่าจะเป็นกรณีปัญหาของ
เสื้อเหลืองหรือเสื้อแดงที่มีการชุมนุมประท้วงจนเสียชีวิตจำนวนมากนั้นมี
สาเหตุร่วมเดียวกันกับปัญหาของผู้ตายซึ่งถือกันว่าเป็นผู้ก่อความไม่สงบใน
ภาคใต้ซึ่งก็คือการไม่พอใจต่อการปฏิบัติของรัฐต่อพวกเขาทั้งสิ้น
เสื้อเหลืองไม่พอใจการผูกขาดอำนาจทางการเมืองและทางเศรษฐกิจของทักษิณและพวก
เสื้อแดงไม่พอใจต่อการรัฐประหารเตะรัฐบาลที่เขาชื่นชอบออกไปและเมื่อมีการ
เลือกตั้งใหม่ได้อำนาจกลับมากลับถูกอำนาจตุลาการเตะออกจากตำแหน่งแล้วรวมหัว
กันไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร
ส่วนปัญหาความไม่สงบในภาคใต้นั้นแน่นอนว่าสาเหตุของปัญหานั้นซับซ้อนและ
สั่งสมมาอย่างยาวนานกว่าแต่ก็อยู่บนประเด็นพื้นฐานของความไม่พอใจกับการ
ปฏิบัติของรัฐไทยต่อพวกเขา
และย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่ามีบางคนบางกลุ่มที่อยากแยกรัฐออกไปถึงแม้ว่าจะมี
จำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่
แต่ประเด็นสำคัญที่เกิดปัญหาความไม่สงบนั้นมีมากกว่าปัจจัยนี้
ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการค้าของเถื่อน ยาเสพติด
หรือประเด็นของผลประโยชน์๋ที่ได้รับจากงบประมาณที่มากมายมหาศาลที่ทุ่มลงไป
ในพื้นที่ฯลฯ
แต่ประเด็นของการโจมตีค่ายทหารของเด็กหนุ่มที่มีการศึกษาดีเหล่านั้นเราต้อง
วิเคราะห์ไปให้ลึกกว่านั้นว่าทำไมเขาจึงทำเช่นนั้น
เพราะผมเองนั้นไม่เคยเห็นด้วยหรือสนับสนุนการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา
หรือในการต่อสู้เรียกร้อง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของฝ่ายใดทั้งสิ้น
ทั้งฝ่ายรัฐหรือฝ่ายที่ต่อต้านรัฐ
ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุถ้าเข้าใจเหตุของปัญหาก็ย่อมแก้ปัญหาได้
แต่การแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐในปัจจุบันนี้นอกจากจะแก้ปัญหาไม่ถูกจุดแล้วยัง
พยายามเพิ่มปัญหาลงไปเหมือนเติมน้ำมันลงไปในกองไฟ
อย่าลืมว่าผู้ตายทุกคนมีญาติ มีเพื่อน มีพี่ มีน้อง มีครอบครัว
อาจจะไม่ถึงกับตายสิบเกิดแสน
แต่จำนวนของผู้ที่ไม่พอใจต่อการปฎิบัติของรัฐยิ่งนับวันยิ่งเพิ่มขึ้น
เหตุการณ์ความไม่สงบที่ี่เกิดขึ้นในอดีตไม่ว่าจะเป็นการทะลายคุกบาสติลของ
ฝรั่งเศส, การปฎิวัติรัสเชีย ,การปฎิวัติจีน, การเปลี่ยนแปลงการปกครอง
๒๔๗๕, การเผากองบัญชาการตำรวจนครบาลหรือกองสลากเมื่อ ๑๔ ตุลา ๑๖,
การยึดทำเนียบหรือสนามบินของเสื้อเหลือง
หรือแม้กระทั่งการเผาศาลากลางภายหลังการสังหารหมู่ในเหตุการณ์พฤษภา๕๓
ล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจากการไม่พอใจที่รัฐกระทำต่อเขาทั้งสิ้น(ไม่รวมการเผา
เซ็นทรัลเวิลด์เพราะยังไม่แน่ชัดว่าเป็นฝีมือใคร)
เมื่อวิเคราะห์ถึงต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดต่อ
เสื้อเหลือง
เสื้อแดงหรือผู้ก่อความไม่สงบภาคใต้นั้นล้วนมาจากพื้นฐานของปัญหาการรวม
ศูนย์อำนาจไว้ที่ทำเนียบรัฐบาลหรือส่วนกลางนั่นเอง
หากให้ท้องถิ่นสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเองในระดับหนึ่งเหมือนในนานาอารย
ประเทศทั้งหลายแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ย่อมน้อยลงอย่างแน่นอน
ปัญหาของกบฎโมโรในเกาะมินดาเนา ฟิลิปปินส์
ที่ยืดเยื้อยาวนานก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการให้มีการจัดการตนเองได้ในระดับ
หนึ่ง
จีนที่ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าปกครองในระบอบสังคมนิยมแต่ก็ยังให้แต่ละท้องถิ่น
มีอำนาจในการจัดการตนเองได้จนประเทศจีนมีความเป็นปึกแผ่นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา และบางพื้นที่ถึงกับยินยอมให้ใช้ “หนึ่งประเทศ ๒
ระบบ”ได้ด้วยซ้ำไป เช่น ฮ่องกงหรือมาเก๊า เป็นต้น
หากเราให้แต่ละท้องถิ่นสามารถจัดการตนเองได้แล้ว
เสื้อแดงก็ไม่ต้องขบวนมาถูกเข่นฆ่าที่กรุงเทพ
เสื้อเหลืองก็ไม่ต้องยึดทำเนียบรัฐบาล
ผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้ก็ไม่ต้องไปโจมตีค่ายทหารจนต้องเสียชีวิต
ฟังเสียงคนในพื้นที่บ้างครับว่าเขาต้องการที่จะจัดการกับชีวิตเขาเองอย่างไร
หมดสมัยที่รัฐส่วนกลางจะทำตัวเป็นคุณพ่อรู้ดีไปเสียทุกเรื่อง
อุ้มเขาไว้จนโตแล้วก็ยังไม่ปล่อยให้เดินเสียที
ใหม่ๆอาจจะล้มลุกคลุกคลานบ้าง แต่อีกสักพักก็จะเดินได้เอง
ถ้าขืนยังอุ้มไว้อย่างนี้นอกจากผู้ถูกอุ้มจะเดินไม่ได้แล้วคนอุ้มเองนั่น
แหละแขนจะหักเพราะตัวอย่างมีให้เห็นมามากมายแล้ว
ไกล้ตัวที่สุดก็คือติมอร์ตะวันออกนั่นเอง
_____________
หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น