จากกรณีที่ รมว.พลังงานระบุให้ประชาชนเตรียมรับวิกฤตไฟฟ้าขาด
เม.ย.นี้ สาเหตุจากพม่าปิดซ่อมท่อก๊าซ ส.ว. รสนา
เสนอเจรจาพม่าปิดซ่อมท่อก๊าซช่วงใช้ไฟฟ้าไม่สูงเช่นเดือน ก.พ. หรือ เดือน
มี.ค. ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถวางแผนได้
17 ก.พ. 56 - จากกรณที่ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในรายการ รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน
ผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ที่ 16
ก.พ. ที่ผ่านมาว่าในช่วงเดือน เม.ย. นับแต่วันที่ 4 เม.ย.
ประเทศไทยอาจพบกับวิกฤตด้านพลังงานไฟฟ้า
เนื่องจากท่อส่งก๊าซไทย-มาเลเซียได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุการทิ้งสมอ
เรือ เป็นผลให้ก๊าซหายไปจากระบบ 270 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
ประกอบกับแท่นขุดเจาะก๊าซของประเทศพม่า
ซึ่งเป็นแหล่งใหญ่ของไทยเกิดการทรุดตัว ต้องหยุดซ่อมบำรุง จะเริ่มในวันที่ 4
เม.ย.นี้ จะทำให้ก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าหายจากระบบถึง 1,100
ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
โดยมีแผนรับมือนำโรงไฟฟ้าที่ปิดใช้แล้วกลับมาใช้ผลิตรองรับชั่วคราว
แต่คิดว่าไม่เพียงพอ ดังนั้น กระทรวงพลังงานเตรียมประกาศภาวะฉุกเฉิน
ขอความร่วมมือจากภาคประชาชน หน่วยงาน
ให้ประหยัดการใช้พลังงานในช่วงดังกล่าว เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมไปต่อได้
โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมใหญ่
ที่กระทรวงพลังงานเพื่อวางแผนซักซ้อมรองรับวิกฤติ
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า
กระทรวงพลังงานจะเร่งเจรจากับพม่าให้เลื่อนกำหนดการซ่อมบำรุงท่อก๊าซออกไป
เป็นวันที่ 7 - 8 เม.ย. เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์
ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อยลงได้
ในอดีตเราก็เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้แต่ไม่หนักเท่า
ดังนั้นเหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่คนไทยต้องพึงสังวรณ์
เพราะเราพึ่งก๊าซธรรมชาติมากซึ่งก็กำลังจะหมดไปขณะเดียวกันก็มีคนต่อต้านการ
สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้าพลังน้ำ สัมปทานก๊าซก็ไม่ให้ต่อ
จึงถึงเวลาที่ทุกคนต้องตัดสินใจอนาคตประเทศร่วมกัน
ส่วนพลังงานนิวเคลียร์ในเร็วๆนี้ยังไม่มีโครงการและโอกาสได้ใช้เพราะการ
ศึกษาของไทยในเรื่องดังกล่าวยังไม่เพียงพอ
วันนี้ (17 ก.พ. 56) นางสาวรสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภาได้แสดงความเห็นผ่านหน้าเพจเฟซบุ๊กของตนเองต่อกรณีนี้ดังต่อไปนี้
อ่านข่าวที่
รมต.พลังงานระบุให้ประชาชนเตรียมรับวิกฤติไฟฟ้าขาดในเดือนเมษายนนี้
สาเหตุจากพม่าปิดซ่อมท่อก๊าซ
และอุบัติเหตุจากท่อก๊าซไทย-มาเลเซียขาดเพราะโดนสมอเรือ ต้องปิดซ่อมเช่นกัน
อ่านข่าวนี้แล้วมีข้อเสนอดังนี้
1)
รมต.พลังงาน หรือ
ปตท.ที่เป็นคู่ค้ากับพม่าควรเจรจาให้พม่ากำหนดเวลาปิดซ่อมท่อก๊าซในช่วง
เดือนที่ความต้องการไฟฟ้าไม่สูงมากเช่นเดือนก.พ หรือ
เดือนมี.คซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถวางแผนได้
2)
กระทรวงพลังงานควรปรับปรุงระบบการรับซื้อพลังงานหมุนเวียนที่เรียกว่า Feed
in Tariff ที่่เรารับรูปแบบต่างประเทศมาใช้ แต่รับมาไม่หมด
ต่างประเทศ
จะกำหนดการรับซื้อพลังงานหมุนเวียนก่อนพลังงานจากเชื้อเพลิงชนิดอื่น
และรับไม่อั้น ราคารับซื้อต่อหน่วยจะลดลงทุกปี
เพื่อบีบให้ผู้ผลิตต้องพัฒนาเทคโนโลยี่ให้มีประสิทธิภาพ
และมีต้นทุนลดลงเรื่อยๆ
แต่
ก.พลังงานรับซื้อพลังงานหมุนเวียนเป็นโควต้า
แม้ผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนจะสามารถผลิตได้มากขึ้นก็ไม่รับซื้อ
อ้างว่าการจ่ายadder 6.50บาทให้กับพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นภาระค่าไฟ
ทำให้การผลิตไฟฟ้าของประเทศต้องพึ่งพลังงานจากก๊าซธรรมชาติถึง80%
แล้วก็มักมีปัญหาจากก๊าซขาดเพราะปัญหาทางเทคนิค
หรือปริมาณที่คาดการณ์ว่าจะน้อยลง
แต่ก็ไม่สนใจพัฒนาพลังงานหมุนเวียนมาแทนที่
ยังทู่ซี้จะใช้ก๊าซธรรมชาติต่อไป
ตอนนี้ก็มีข่าวจะเปิดประมูลโรงไฟฟ้า IPPขนาด 5,400เมกกะวัตต์ โดยใช้ก๊าซธรรมชาติอีกแล้ว กำลังเร่งรีบจะประมูลกันในเดือนมิถุนายน2556
3)การส่ง
เสริมพลังงานแสงอาทิตย์โดยใช้ หลังคาบ้านติดแผงโซล่าเซลล์
มีการส่งเสริมอย่างเป็นจริงเป็นจังในมาเลเซีย อิตาลี และเยอรมัน
ยกเว้นประเทศไทย
ทั้งที่ควรส่งเสริมก่อนที่จะส่งเสริมการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์จาก Solar
Farm เพราะลงทุนสูงกว่ามาก
แต่ก.พลังงานส่งเสริมการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ด้วยSolar Farm ถึง 99.9%
การส่งเสริม
การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้านเป็นวิธีที่ง่าย ประหยัด
และมีประสิทธิภาพ เพราะไม่ต้องไปสร้างสายส่งไฟฟ้าใหม่
และจะเป็นมิติใหม่ที่เปลี่ยนโฉมหน้าประชาชน
จากการเป็นเพียงผู้บริโภคพลังงานให้เป็นผู้ผลิตพลังงานด้วย
ก.พลังงาน
ควรให้แรงจูงใจเพื่อให้คนอยากลงทุนติดแผงโซล่าเซลล์บนหลังคาบ้าน
ตั้งแต่การรับซื้อพลังงานที่ผลิตได้จากครัวเรือนเหมือนรับซื้อจากโซล่าฟาร์ม
คือ6.50บาทต่อหน่วย แต่ใช้ในราคา 3บาทต่อหน่วย
และสนับสนุนแผงโซล่าเซลล์ในราคาถูกเพื่อจูงใจให้ครัวเรืิอนอยากลงทุน
ก.พลังงาน
ยังยอมเอาเงินจากกองทุนน้ำมันไปให้แท๊กซี่เปลี่ยนถังก๊าซเป็น NGV
ก.พลังงานยังให้แรงจูงใจกับโรงกลั่นที่ขายน้ำมันหน้าโรงกลั่นให้คนไทยในราคา
นำเข้าจากสิงคโปร์
ทั้งที่โรงกลั่นเวลานี้ส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเป็นสินค้าส่งออกอันดับ4ของ
ประเทศด้วยมูลค่า 3.98แสนล้านบาทในปี2555 ในขณะที่ข้าวส่งออกแค่
1.42แสนล้านบาท แต่เราก็ยังทู่ซี่ให้แรงจูงใจโรงกลั่นน้ำมันอย่างไม่ยอมเลิก
ก็ควรส่งเสริมประชาชนคนเล็กคนน้อยบ้างเพื่อให้มีส่วนร่วมในการผลิตพลังงาน
จะได้ไม่รอเป็นเพียงผู้บริโภคพลังงานเท่านั้น
4)
ก.พลังงานควรเปลี่ยนทัศนคติเรื่องรณรงค์ให้คนประหยัดพลังงานที่ใช้แต่งบจัด
อีเว้นท์ ให้เป็นเรื่องจริงจังว่าการประหยัดเป็นเรื่องที่ต้องลงทุน
และส่งเสริม โดยมีแรงจูงใจ และมีการวัดผลด้วย
ไม่ควรเป็นแค่การรณรงค์สร้างจิตสำนึกเท่านั้นซึ่งได้ผลน้อย
เมื่อ
อาทิตย์ก่อนอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน
ในกรรมาธิการตรวจสอบทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาลวุฒิสภาจัดสัมนาเรื่อง
ปฏิรูปนโยบายพลังงาน ประสบการณ์ของไทยและเยอรมัน
สมาชิกสภาผู้แทนจากพรรคกรีนเยอรมัน มาเล่าประสบการณ์
ความก้าหน้าของการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนว่า
ในปี2000เมื่อเริ่มส่งเสริมมีการจ้างงาน 30,000คน 10ปีต่อมาในปี2010
มีการจ้างงาน 400,000ตำแหน่ง ในปี 2013 การจ้างงานจะสูงถึง 500,000ตำแหน่ง (
รายละเอียดจะเล่าเป็นอีกตอนหนึ่งในภายหลัง)
ก.พลังงาน
ควรปรับปรุงก.ม ระเบียบที่เปิดทางให้ประชาชนได้ขยายความคิดสร้างสรรค์
และส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการผลิตพลังงานอย่างจริงจัง
ในเมื่อ
ก.พลังงานยังใช้เงินปีละหลายหมื่นล้านบาทชดเชยการใช้ก๊าซ
LPGของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีได้ แต่ประชาชนในชุมชนที่ผลิต Biogas ใช้เอง
ลดการใช้ก๊าซLPG ของส่วนกลาง ควรมีกองทุนเป็นแรงจูงใจ
เพื่อให้ชุมชนสามารถพัฒนาเทคโนโลยี่การผลิตที่มีมาตรฐานเพิ่มขึ้น
รวมถึงการหาวิธีให้มีการขายเข้าสู่ระบบได้
นี่จะเป็นวิธีการส่วนหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขวิกฤติพลังงานได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น