
เปิดรายงานเวิลด์แบงก์ คาดการณ์ในหนึ่งชั่วอายุคน พื้นที่กรุงเทพ
69% จะจมน้ำทะเล พร้อมเตือนอีก 12 ปี เมืองหลวงของไทยราว 43% จะอยู่ใต้น้ำ
เหตุเพราะโลกร้อน ส่งผลกระทบต่อประชาชน 5.7 ล้านคน
เมื่อวันพุธ ธนาคารโลกได้ออกรายงาน ชื่อ "4° Turn Down the Heat : Climate Extremes, Regional Impacts, and the Case for Resilience" แสดงการคาดการณ์ถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อประชาชนหลายร้อยล้านคนในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เอเชียใต้ และดินแดนใต้แนวทะเลทรายซาฮาราในแอฟริกา อันเนื่องจากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น

@ รายงานของธนาคารโลก เรียกร้องรัฐบาลประเทศต่างๆ ร่วมมือกันลดอุณหภูมิของโลก
สำหรับในอุษาคเนย์นี้ รายงานได้คาดการณ์ถึงฉากสถานการณ์ต่างๆที่อาจเป็นไปได้หากว่าอุณหภูมิโลก เพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส หรือ 4 องศาเซลเซียส
ยิ่งโลกร้อนขึ้น ระดับน้ำทะเลก็จะยิ่งสูงตาม ส่งผลให้เมืองตามชายฝั่งจมอยู่ใต้ทะเลเป็นอาณาบริเวณกว้างขึ้น
รายงานฉบับนี้ได้ฉายภาพผลกระทบจากภาวะระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ที่มีต่อกรุงจาการ์ตา, นครย่างกุ้ง, กรุงมะนิลา, นครโฮจิมินห์ซิตี และกรุงเทพ

@ ภาพกราฟิก แสดงการผันแปรตามกันของอุณหภูมิโลก ระดับน้ำทะเล และพื้นที่น้ำท่วม
กรณีของกรุงเทพ รายงานได้อ้างถึงผลการศึกษาของนักวิชาการในออสเตรเลีย Dushmanta Dutta แห่งมหาวิทยาลัยโมแนช ซึ่งได้ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Hydrological Sciences Journal เมื่อปี 2011
งานวิจัยของ Dutta ได้ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคมของภาวะน้ำท่วมเพราะระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ที่มีต่อกรุงเทพ โดยพิจารณาฉากสถานการณ์ของน้ำทะเลสูงขึ้น 2 แบบ คือ สูงขึ้น 32 เซนติเมตรในปีค.ศ.2050 และสูงขึ้น 88 ซ.ม.ในปี 2100

@ รายงานวิจัยของ Dutta เมื่อปี 2011
ผลวิจัยพบว่า ในปี 2025 พื้นที่ 43% ของกรุงเทพจะจมน้ำ ส่งผลให้มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 5.7 ล้านคน
ในปี 2100 ถ้าโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2 องศาเซลเซียส น้ำทะเลจะสูงขึ้น 75 ซ.ม. หากไม่มีการดำเนินการใดๆ พื้นที่ 69% ของกรุงเทพจะจมน้ำ มีประชาชนได้รับผลกระทบ 8.9 ล้านคน
แต่ถ้าโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น 4 องศาในช่วงปี 2085-2095 น้ำทะเลจะสูงขึ้น 88 ซ.ม. จำนวนผู้คนที่เดือดร้อนจะมากขึ้นไปกว่านั้นอีก.
Source : WorldBank.org
เมื่อวันพุธ ธนาคารโลกได้ออกรายงาน ชื่อ "4° Turn Down the Heat : Climate Extremes, Regional Impacts, and the Case for Resilience" แสดงการคาดการณ์ถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อประชาชนหลายร้อยล้านคนในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เอเชียใต้ และดินแดนใต้แนวทะเลทรายซาฮาราในแอฟริกา อันเนื่องจากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น

@ รายงานของธนาคารโลก เรียกร้องรัฐบาลประเทศต่างๆ ร่วมมือกันลดอุณหภูมิของโลก
สำหรับในอุษาคเนย์นี้ รายงานได้คาดการณ์ถึงฉากสถานการณ์ต่างๆที่อาจเป็นไปได้หากว่าอุณหภูมิโลก เพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส หรือ 4 องศาเซลเซียส
ยิ่งโลกร้อนขึ้น ระดับน้ำทะเลก็จะยิ่งสูงตาม ส่งผลให้เมืองตามชายฝั่งจมอยู่ใต้ทะเลเป็นอาณาบริเวณกว้างขึ้น
รายงานฉบับนี้ได้ฉายภาพผลกระทบจากภาวะระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ที่มีต่อกรุงจาการ์ตา, นครย่างกุ้ง, กรุงมะนิลา, นครโฮจิมินห์ซิตี และกรุงเทพ

@ ภาพกราฟิก แสดงการผันแปรตามกันของอุณหภูมิโลก ระดับน้ำทะเล และพื้นที่น้ำท่วม
กรณีของกรุงเทพ รายงานได้อ้างถึงผลการศึกษาของนักวิชาการในออสเตรเลีย Dushmanta Dutta แห่งมหาวิทยาลัยโมแนช ซึ่งได้ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Hydrological Sciences Journal เมื่อปี 2011
งานวิจัยของ Dutta ได้ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคมของภาวะน้ำท่วมเพราะระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ที่มีต่อกรุงเทพ โดยพิจารณาฉากสถานการณ์ของน้ำทะเลสูงขึ้น 2 แบบ คือ สูงขึ้น 32 เซนติเมตรในปีค.ศ.2050 และสูงขึ้น 88 ซ.ม.ในปี 2100

@ รายงานวิจัยของ Dutta เมื่อปี 2011
ผลวิจัยพบว่า ในปี 2025 พื้นที่ 43% ของกรุงเทพจะจมน้ำ ส่งผลให้มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 5.7 ล้านคน
ในปี 2100 ถ้าโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2 องศาเซลเซียส น้ำทะเลจะสูงขึ้น 75 ซ.ม. หากไม่มีการดำเนินการใดๆ พื้นที่ 69% ของกรุงเทพจะจมน้ำ มีประชาชนได้รับผลกระทบ 8.9 ล้านคน
แต่ถ้าโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น 4 องศาในช่วงปี 2085-2095 น้ำทะเลจะสูงขึ้น 88 ซ.ม. จำนวนผู้คนที่เดือดร้อนจะมากขึ้นไปกว่านั้นอีก.
Source : WorldBank.org
by
sathitm
20 มิถุนายน 2556 เวลา 10:53 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น