คณะอนุกรรมการไต่สวนคดี ปรส. ความเสียหาย 8 แสนล้านบาท ของ ป.ป.ช.
มีมติยกคำร้อง 3 สำนวน จากทั้งหมด 5 สำนวน
ซึ่งเป็นสำนวนคดีของฝ่ายการเมืองในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัยทั้งหมด
คณะอนุกรรมการไต่สวน
คดีการดำเนินการบริหารองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน หรือ ปรส.
ที่มีนายใจเด็ด พรไชยา กรรมการ ป.ป.ช เป็นประธาน มีมติยกคำร้อง 3 สำนวน
ประกอบด้วยคดี ที่นายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย และผู้เกี่ยวข้องในฐานะผู้กำหนดนโยบาย
โดยระบุว่าไม่มีส่วนในการขายทรัพย์สินโดยมิชอบ
แต่ชี้มูลความผิด 1 สำนวน คือของนายมนตรี เจนวิทยาการ เลขาธิการปรส.
ในฐานะที่ไม่ปฏิบัติตามข้อสนเทศ เรื่องการประกาศขายทรัพย์สิน ของ ปรส.
ซึ่งหลังจากนี้ จะต้องส่งสำนวนคดีให้อัยการ
ซึ่งคดีนี้จะขาดอายุความในวันที่ 30 กันายน 2557
ขณะเดียวกันยังเหลืออีก 1 สำนวนที่กล่าวหาคณะกรรมการปรส.ในการขายทรัพย์สิน
ให้กองทุนรวมเอเชียคอบเวอรี่
ซึ่งอยู่ระหว่างการเชิญผู้ถูกกล่าวหามารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหา
ซึ่งคดีนี้จะขาดอายุความวันที่ 31 พฤศจิกายน 2557
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการไต่สวน ยังได้ชี้แจงข้อมูลการทำคดี
ให้กับนายพงษ์พิสิษฐ์ คงเสนา หรือ เล็ก บ้านดอน
ผู้อำนวยการสถานีวิทยุมหาชนคนไทยหัวใจเดียวกัน และกลุ่มภาคี พลังประชาชน
หรือ ภปช. ที่ชุมนุมหน้า ป.ป.ช. เพื่อต้องการทราบความชัดเจน
และขอให้ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ตามที่ ป.ป.ช. รับคดี ปรส.ไว้ 6
เรื่องนั้น ว่ามีความคืบหน้าอย่างไร การดำเนินการที่อ้างว่าแล้วเสร็จไป 4
เรื่องนั้น สำนวนต่างๆ ถูกส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วหรือไม่
ซึ่งหลังจากการรับฟังการชี้แจง กลุ่มผู้ชุมนุม ภปช. จะมีการหารือร่วมกัน
เพื่อสรุปว่า จะยุติการชุมนุมหรือยกระดับการชุมนุมต่อไป
คดี ปรส. เกิดขึ้นในปี 2540 ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตก
โดยมีที่มาจากการขายทรัพย์สินขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน
หรือปรส. ของ 56 สถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการ มูลค่า 851,000 ล้านบาท
ในสมัยของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี
เพื่อแยกหนี้ดี-หนี้เสียออกจากกัน แล้วค่อยประมูลขาย เพื่อปลดล็อกสินทรัพย์
โดยสินทรัพย์ที่ดี จะได้ขายได้ใน ราคาที่ดี (โดยใช้วิธีประมูล)
อีกทั้งช่วยเหลือผู้ฝากเงิน และเจ้าหนี้ที่สุจริต
โดยเฉพาะกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ในสัดส่วนร้อยละ 87.54
และเพื่อชำระบัญชีสถาบันการเงินที่ไม่สามารถฟื้นฟูกิจการได้
แต่ปรากฎว่า รัฐบาลในขณะนั้นกลับนำสินทรัพย์ทั้งหมดไปประมูลขายเพียง
190,000 ล้านบาท ทำรัฐเสียหายกว่า 8 แสนล้านบาท
เกิดความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ
ที่ผ่านมามีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ซึ่งดีเอสไอสรุปสำนวนคดีดังกล่าว ว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมายใน 10 ประเด็น
by
Pukkamon
3 มิถุนายน 2556 เวลา 18:19 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น