แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความเป็นธรรมดา ของความชั่วร้าย (Banality of Evil)

ที่มา vattavan


วาทตะวัน สุพรรณเภษัช
        มื่อผมยังเป็นเด็กในโรงเรียน วชิราวุธ วิทยาลัย นั้น สงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งเลิกได้ไม่นาน  และสงครามเกาหลีก็อุบัติขึ้นติดตามติดมา ซึ่งทหารไทยต้องเดินทางไปร่วมรบในสมรภูมิกิมจิด้วย
        นี่เองทำให้หัวข้อความสนใจเด็กๆรุ่นผม เพิ่มขึ้นจากการเรียน ดนตรี และกีฬา ขึ่นมาอีก 1 เรื่อง นั่นคือ
        ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสงคราม กลายเป็นหัวข้อที่เรียกร้องความสนใจ จากนักเรียนประจำอย่างพวกผมได้มากทีเดียว

        สงครามทำให้เด็กรุ่นผมมีของ “ของเล่น” ที่พิเศษ ซึ่งสมัยนี้ไม่มี และฮิตมากในหมู่เด็กผู้ชายด้วย เป็น card คล้ายไพ่ใบเล็กๆ ที่ผลิตจากเมืองนอก พิมพ์ด้านหน้าเป็นรูปอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ มีทั้งรถถัง เครื่องบิน เรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบิน ฯลฯ ที่กองทัพประเทศต่างๆ ใช้ในสงครามโลกครั้งที่สอง
        ด้านหลังการ์ด จะมีตัวอักษรพิมพ์ บรรยายสมรรถนะของอาวุธยุทโธปกรณ์เหล่านั้น เอาไว้ด้วย
        เด็กๆ ชอบเอามาร่อนแข่งพนันกัน โดยมีไพ่ใบเล็กที่ผมเล่าให้ฟังเป็นเดิมพัน เพราะใครมีรูปเหล่านี้ไว้ในครอบครอง ดูจะเป็นของโก้เก๋มากในยุคนั้น แต่สิ่งที่ซ่อนมากับรูปภาพ คือ
        ความรู้ที่เด็กๆได้รับ ในเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่มนุษย์นำมาใช้ประหัตประหารกัน ในสงครามโลกครั้งที่สองนั่นเอง!

        สงครามนั้น เป็นความเลวร้ายของมนุษยชาติ เพราะนอกจากมีการประหัตประหารกันกันในการรบ โดยทหารของแต่ละฝ่ายแล้ว ยังมีการฆ่าฟันอันเกี่ยวเนื่องจากสงคราม โดยมีการเมืองเป็นต้นเหตุ หรือแม้จะไม่มีการสงครามมากี่ยวข้อง แต่สาเหตุนั้น
        มาจากการเมืองโดยตรง ล้วนเป็นเรื่องน่าสลดใจ เพราะไม่คิดว่า
        คนด้วยกันแท้ๆ ทำไมถึงกระทำทารุณกรรมกัน ได้ถึงขนาดนั้น!

content/picdata/435/data/photo_00096.jpg
        ตรง นี้ได้กับตัวผู้เขียนเอง ยังจำได้ดีที่ตัวเองตกใจมาก ที่ได้เห็นภาพซากศพมนุษย์ ก่ายกองกันเป็นจำนวนมาก ที่ถูกฆ่าตายยุคนาซีเรืองอำนาจ
        การเข่นฆ่ามนุษย์ด้วยกันอย่างโหดร้ายทารุณ และกลายเป็นเครื่องเตือนใจชาวโลก ให้ต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ น่าจะเป็นการกระทำของผู้นำอย่าง “ฮิตเลอร์” กับพรรคพวกนาซีเยอรมันของเขา
        ผู้ที่ถูกกระทำกลุ่มใหญ่ คือชาวยุโรป เชื้อสาย “ยิว” ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นพลเมืองเยอรมัน-เชื้อสายยิวนั่นแหละ ที่ถูกฮิตเลอร์สังหารโหดแบบล้างโคตร ล้างเผ่าพันธ์ หรือ Holocaust ที่ต่อมา กลายเป็นคำศัพท์ที่คนในโลก รู้จักกันดี

        มันน่า “สยดสยอง” จริงๆ
        มื่อ ฮิตเลอร์ขึ้นครองอำนาจ เศรษฐกิจของเยอรมันซึ่งพ่ายแพ้จากมหาสงครามโลกครั้งที่ 1 ทรุดหนัก และยังมีภาระในการชำระค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาล ให้กับประเทศต่างๆอีกด้วย คนเยอรมันจึงยากจนลง แต่กลุ่มผู้ร่ำรวยในประเทศกลายเป็นคนในประเทศเยอรมันเชื้อสายยิว และเป็นกลุ่มชนชั้น ที่กุมอำนาจทางเศรษฐกิจของเยอรมันเอาไว้ได้ แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วย
        ฮิตเลอร์รู้จุดอ่อนของคนเยอรมัน ที่ในตอนนั้นมีแต่ความเกลียดชังชาวยิว เขาจึงให้สัญญากับพลเมืองเยอรมันว่า หากขึ้นเขาขึ้นครองอำนาจ จะกำจัดชาวยิวและคอมมิวนิสต์ ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินเยอรมัน 

        จอมเผด็จการฮิตเลอร์ใช้การโฆษณา เรื่องเผ่าพันธ์บริสุทธ์ ของชาวเยอรมัน มาเป็นส่วนประกอบสำคัญในการกำจัดชาวยิว เพราะหากคนพวกนี้มาผสมพันธ์กับชาวยิว จะเกิดสายเลือดที่ไม่บริสุทธิ์ในเผ่าพันธ์เยอรมันซึ่งต้องมีผมสีทอง นัยน์ตาสีฟ้า
        เขาออกคำสั่งจับยิวและยิปซี ส่งไปยังค่ายกักกันเพื่อสังหารให้หมดสิ้น ค่ายกักกันที่ใหญ่ที่สุด และมีชื่อเสียงว่าสังหารโหดชาวยิวมากที่สุด อยู่ในโปแลนด์ชื่อค่าย

        Auschwitz (เอาชวิตซ์)  
        เฉพาะค่ายนี้เพี้ยงแห่งเดียว มีชาวยิวถูกส่งไปรอการประหาร มีจำนวนมากถึง 1 ล้าน 6 แสนคน และในจํานวนนี้ ถูกประหารด้วยการรมแก๊สพิษและเผาในเตาเผา มากมายถึง 1 ล้าน 2 แสนคน
        เมื่อสิ้นสุดสงคราม จำนวนชาวยิวที่ถูกสังหาร ที่ค่ายกักกันต่างในยุโรป และสถานที่อื่นๆ โดยน้ำมือของชาวเยอรมัน
        มีจำนวนมากมาย ถึง 6 ล้านคน!

        หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสงบลง โลกได้มีโอกาสรับรู้ถึงความโหดเหี้ยมของนาซีเยอรมัน บรรดาฆาตรกรสำคัญ ในคราบทหารนาซี ได้ปรากฏโฉมให้โลกเห็นถึงความโหดร้ายอำมหิต เช่น
        Adolf Eichmann (เอดอล์ฟ ไอชมานน์)
        บุคคลผู้นี้เรียนไม่จบมัธยมปลายด้วยซ้ำ เคยเรียนจะเป็นช่างรถยนต์ ก็ไม่จบอีก แต่ที่ได้ดิบได้ดี เพราะเข้าไปเป็นสมาชิกกลุ่มฝ่ายขวาของฮิตเลอร์ ต่อมาได้เป็นทหาร SS (Schutzstaffel) หน่วยพิเศษที่จงรักภักดีต่อฮิตเลอร์อย่างยิ่ง จนก้าวหน้าได้ยศสูงขึ้นเป็นพันตรี และรับผิดชอบเรื่องสำคัญคือ
        การขนส่งยิวจากทุกแห่งหน เข้าค่ายกักกันยิวที่กระจายอยู่หลายแห่ง
        จุดประสงค์หลักของการขนส่งไปค่ายกักกัน แท้ที่จริงนั้นคือ ขั้นแรกจะต้องฆ่าเด็ก ผู้สูงอายุ ป่วยเจ็บ อ่อนแอ ฯลฯ ด้วยการให้สูดดมก๊าซ ติดตามด้วยมาตรการขั้นที่สองคือกักขังพวกที่เหลือไว้ใช้แรงงาน
        จำนวนคนยิวที่ถูกฆ่าตายไป เพราะฝึมือพวกนาซีที่ว่ามีจำนวน 6 ล้านคน นั้น ว่ากันว่า
        เป็นฝีมือของ Eichmann โดยตรง จำนวนหลายล้านคน!

        หลังจากเยอรมันพ่ายแพ้สงคราม ในปี 1945 ไอช์มานน์หลบหนีหนีออกนอกประเทศ โดยเปลี่ยนชื่อ และถือพาสปอร์ตลี้ภัยจากสหประชาชาติ ที่ทำได้สำเร็จเพราะพวกอเมริกันยังไม่รู้จักอาชญากรสำคัญรายนี้ และเมื่อออกนอกประเทศได้แล้ว เขาไปพำนักอยู่ในอาร์เจนตินา (เป็นประเทศที่มีทหารนาซี หลบหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่มากที่สุด)         ไอช์มานน์อยู่ในประเทศอาเยนตินา อย่างมีความสุขกับ ครอบครัว จนกระทั่งปี 1960 การหลบหนีของเขาต้องสิ้นสุดลง
        วันหนึ่งขณะที่นาซีตัวกลั่น ลงจากรถเมล์และจะเดินกลับบ้าน เขาถูกสมาชิกของ Mossad หรือหน่วยราชการลับของอิสราเอล 2 คน จับตัวขึ้นรถไปยังเซฟต์เฮ้าส์ และให้เลือกเอาว่าจะโดนฆ่าทันทีหรือไปขึ้นศาล
        คงไม่ต้องบอกกระมังว่า ไอช์มานน์ยืดอายุการตายของตัว โดยเลือกไปขึ้นศาล ในประเทศอิสราเอล

        จากนั้น เขาถูกลักลอบนำตัวออกนอกประเทศ โดยอาร์เจนตินาเจ้าของประเทศ ไม่ระแคะระคายเลยสักนิด
        ไอช์มานน์ถูกนำขึ้นศาลอิสราเอล และถูกตัดสินว่าทำผิดทั้ง 15 ข้อหาตามฟ้อง ทั้งศาลขั้นต้นและศาลสูงสุด ตัดสินให้ลงโทษประหารชีวิต
        เมื่อถูกแขวนคอแล้ว ศพของไอช์มานน์ถูกเผาในเตา ส่วนเอาเถ้าถ่านไปโปรยลงในทะเล เพื่อไม่ให้มีหลุมฝังศพ จะได้ไม่มีใครมา
        จัดพิธีรำลึกถึง ฆาตรกรรายนี้ในวันข้างหน้าได้!         ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกชื่นชมตัวฆาตรกรรายนี้ หรือพวกคลั่งลัทธิอย่างนาซีใหม่ ใช้เป็นเครื่องกระตุ้นลัทธิอุบาทว์ให้กลับเข้ามามีบทบาทในโลกอารยะได้อีก

        ารสังหารผู้คนจำนวนมากมาย ไม่ใช่มีเฉพาะระหว่างสงครามเท่านั้น เพราะการขัดแย้งทางการเมือง สามารถนำไปสู่การฆ่ากันก็ได้ เช่น
        เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2556 นี้เอง ศาลกัวเตมาลา ประเทศในแถบอเมริกากลาง ตัดสินจำคุก 80 ปี จอมเผด็จการ เอฟราน ริออสมอนต์ อดีตนายพลวัย 86 ปี ที่ปกครองประเทศช่วงปี 2525-2526 จากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และก่ออาชญากรรมกับมนุษยชาติ
        นับว่าเขาเป็นอดีตผู้นำกลุ่มประเทศแถบละตินอเมริกาคนแรก ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในทำนองนี้

        ท่านผู้ อ่านเคยคิดไหมครับว่า คนที่สั่งฆ่าและคนที่รับคำสั่งให้ฆ่าพลเมืองชาติเดียวกับตัวเอง แต่แตกต่างกันด้วยเผ่าพันธ์ หรือฆ่าเพราะประชาชนเหล่านั้น เป็นพวกเดียวกับคู่ปรับทางการเมืองของตน
        ทำไปได้อย่างไร?        เขามีจิตใจที่ผิดปกติหรือไม่ จึงสามารถปฏิบัติการชั่วร้ายร่วมกับผู้อื่นกับคนอื่น ได้กว้างขวางเช่นนี้!?

        ปรากฏว่า บางคนในพวกนี้ มีจิตที่ปกติ แต่เขาเชื่อในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวอย่างไม่หวั่นไหว อย่างไม่ได้เกลียดชังหรือมีอารมณ์ เพียงแต่ชาชินกับความชั่วร้าย
        จนเห็นมันเป็นเรื่อง...ธรรมดา!

content/picdata/435/data/photo_00097.jpg
        ตรงนี้ผมชอบความเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ Hannah Arendt (ฮานนาห์ อาเรนด์) เธอเป็นนักปรัชญาและนักทฤษฎีการเมือง ชาวเยอรมันเชื้อสายยิว ที่มีชีวิตน่าตื่นเต้น เพราะเธอต้องหลบหนีจากเยอรมัน ในยุคฮิตเลอร์เรืองอำนาจ ไปอยู่ฝรั่งเศส แล้วถูกจับกุม แต่หนีจากค่ายกักกัน ไปตั้งหลักปักถ่อสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยสหรัฐ และกลายเป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียงมาก
        เรื่องราวของธอถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ ชื่อ Hannah Arendt ซึ่งตอนนี้มีหนังตัวอย่าง มาให้คนไทยชมกันแล้ว คงจะได้ดูหนังเรื่องไม่ช้านี้

        Hannah Arendt ให้ความเห็น ต่อเรื่องคนที่ฆ่าคนตายมากมายอย่างพวกนาซี เช่นไอช์มานน์ หรือผู้เผด็จการทั้งหลาย ว่า การฆ่ามนุษย์ลักษณะนี้ คือ Banality of Evil แปลเป็นไทยว่า ความเป็นธรรมดา ของความชั่วร้าย หรือแปลให้กระชับ คือ
        ธรรมดาของความชั่วร้าย (Banality of Evil)
        การที่คนจิตปกติ สามารถฆ่าคนเพียงเพราะได้รับคำสั่งให้กระทำ โดยไม่มีวิจารณญาณป็นของตัวเอง แต่ทำลงไปเพราะคำสั่งเท่านั้น อย่างพวกทหารเยอรมัน ที่รับคำสั่งจากฮิตเลอร์ให้ฆ่าคนอย่างไร้ความปราณี
        ทหารนาซีเหล่านี้ ต้องเดินขึ้นศาลระหว่างประเทศ ในฐานะอาชญากรสงคราม หลายคนต้องคำพิพากษาประหารชีวิต จนต้องตายตกไปตามกัน
        สำหรับผู้นำ ผู้จะสั่งการ แม้เวลาผ่านไปนาน แต่เมื่อกฏหมายเอื้อมไปถึง เขาก็ต้องถูกนำกลับมา พิจารณาในศาล ในฐานะก่อกรรมฆ่าคนตาย หรือฆ่าล้างเผ่าพันธ์ อย่างจอมเผด็จการ เอฟราน ริออสมอนต์ ที่ผมยกเป็นตัวอย่างมาให้ดู

        ารสังหาร หมู่นั้น หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Massacre ปกติที่เราพบเห็นเป็นเรื่องของคนต่างเชื้อชาติ เช่น การที่เยอรมันสังหารหมู่ชาวยิว ญี่ปุ่นสังหารหมู่ชาวจีนที่นานกิง การสังหารหมู่ของเผ่าต่างๆในอัฟริกา
        การสังหารหมู่ไม่ใช่เฉพาะเรื่องต่างเผ่าพันธ์ แต่เรื่องต่างศาสนา ก็ฆ่ากันมากมาย เช่น มุสลิมสังหารชาวพุทธในประเทศ
บัง คลาเทศ ฮินดูสังหารมุสลิมในอินเดีย หรือแม้แต่ต่างนิกาย ก็สังหารหมู่กันในดินแดนอาหรับ เช่น ชาวชีอะห์สังหารหมู่ชาวสุหนี่ หรือกลับกัน ชาวสุหนี่ก็ลงมือสังหารหมู่ชาวชีอะห์ เป็นต้น
        ที่น่าแปลกคือการสังหารหมู่ในประเทศไทย ที่สื่อต่างประเทศ เรียกการสังหารหมู่ที่กรุงเทพว่า Rajprasong Massacre บ้าง Bangkok Massacre บ้าง แปลกจากการสังหารหมู่ที่ผมเล่ามา เพราะเป็นเรื่องที่...

        ทหารไทย “สังหารหมู่” ชาวบ้านคนไทยด้วยกัน!
        ระยำ...หาที่เปรียบมิได้!
        นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นักการเมือง กลายเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหา จากทางราชการไทย ว่า         ทั้งสองเป็น “ฆาตกร” ที่ออกคำสั่ง ให้ทหารไทยออกไปฆ่าคนไทยด้วยกันเอง และไม่สามารถหลบหนีไปได้ยาวนาน เหมือนจอมเผด็จการจากอเมริกาใต้        ขณะนี้ ทั้งสองต้องเดินทางเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตามกรรมที่ร่วมกันก่อไว้ และอาจต้องมีผู้ร่วมก่อกรรมคนอื่น ติดตามมาในไม่ช้า ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
        ผมขอให้คนไทย อย่าเห็นเรื่องการที่ทหารไทย “ฆ่าคนไทยกลางเมือง” เพียงเพราะฟังคำสั่งของนักการเมือง ถึงกับจัดทัพ ยาตราเข้าฆ่าฟันคนไทยด้วยกัน กลายเป็นเรื่องธรรมดา และปล่อยให้เป็น ธรรมดาของความชั่วร้าย (Banality of Evil) ไม่ได้อีกแล้ว!
        พวก เราชาวไทย ต้องตระหนักถึง “สิทธิพลเมือง” และร่วมกันป้องกัน ไม่ให้ความชั่วร้ายนี้ กลายเป็นเรื่อง “ธรรมดา” ฝังรากลึกในสังคมไทยอีกต่อไป
        รวมใจกัน ถอนรากถอนโคน Banality of Evil ให้มันสิ้นไปจาก ผืนแผ่นดินของเรา!!!
...........................
ท้ายบท สำหรับความเห็นของแฟน ที่โพสต์ท้ายคอลัมน์สัปดาห์ก่อน ดาวตลก...วีรบุรุษ http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=434          
มีดังต่อไปนี้ครับ

ความคิดเห็นที่ 1
เกลือต้องจิ้มเกลือฉันใด...แมลงสาบต้องโดนไบกอนเหลืองฉันนั้น...เวรกรรมมีจริงครับท่านวาทฯ..ไม่เชื่อก็คอยดู         
โดยคุณ วาดฝัน ตะวันสุดเซ็ง  101.108.86.XXX 

ความคิดเห็นที่ 2                
พรรคเปรตทั้งหัวหงอกหัวดำอ้างแต่เชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา แต่การกระทำตรงกันข้าม               

โดยคุณ ใจดี  180.180.32.XXX
ความคิดเห็นที่ 3                
คน ที่มีสติสัมปชัญญะปกติน่าจะหันหน้าหนีพรรคนี้กันหมดไปนานแล้ว เพราะพบแต่ความปลิ้นปล้อนหาแก่นสารหรือสาระใด ๆ มิได้เลย มีแต่ วาทะกรรมสวยหรู คำพูดแสบ ๆ ใช้เหน็บแนมคนไปวัน ๆ และเป็นมานานแล้วด้วย แต่ก็ต้องแปลกใจที่คน กทม. ยังหน้ามืดตามัว เห็นชั่วเป็นดีอยู่ได้ ไม่เข้าใจจริง ๆ                                          
โดยคุณหมาไม่แดก  124.120.200.XXX 

ความคิดเห็นที่ 4                        
ได้ ทราบถึงน้ำจิตและหัวใจของซากานาร์ ตลก ...วีรบุรุษของพม่าแล้ว ทำให้ระลึกถึง หัวใจที่กล้าหาญและจิตใจที่แน่วแน่ต่อระบอบประชาธิปไตยที่ไม่เอาเผด็จการของ คุณลุงนวมทอง ไพรวัลย์ แท็กซี่ ...วีรบุรุษในความรู้สึกของคนไทยที่ไม่สนับสนุนการใช้อาวุธปล้นประเทศของ กลุ่มคนหน้าตัวเมีย โคตรหน้าด้าน คุณลุงนวมทอง บอกว่าจะขับรถแท็กซี่เข้าชนกลุ่มทหารที่ถือปืนรักษาการ ก็คิดได้ว่า ทหารเด็กๆเหล่านั้นนายเขาใช้มาไม่รู้เรื่องด้วย ก็เลยเปลี่ยนใจขับแท็กซี่เข้าชนรถถังแทน เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ให้เห็นว่ามีผู้ต่อต้านไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร ไม่เสียชีวิต แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ได้รับการปรามาสจากโฆษกคณะยึดอำนาจ(พันเอกเฮงซวย)ว่า ได้รับการจ้างมา ไม่มีใครหรอกที่มีอุดมการณ์ขนาดยอมเสี่ยงชีวิต เมื่อลุงนวมทอง ออกจากโรงพยาบาล ก็ได้มาแขวนคอตายที่สะพานลอยคนข้ามหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐถนนวิภา วดีรังสิต พร้อมทั้งเขียนจดหมายบอกถึงการต่อต้านรัฐประหารและชี้แจงที่พันเอกเฮงซวย กล่าวปรามาสไว้ด้วยว่าอย่าคิดว่าคนอื่นไม่มีอุดมการณ์ บอกว่าถ้าชาติหน้าเกิดมาประเทศไทยคงไม่มีรัฐประหารอีก          
โดยคุณ รินทร์  58.8.67.XXX 

ความคิดเห็นที่ 5                 
ท่านคะ เป็นห่วงจังเลย ทั้งหน้ากากขาวดำ ทั้งสลิ่ม ทั้งเหลือง แถมยังแพ้ ที่ดอนเมือง                             
โดยคุณ แฟนคลับวาทตะวัน  101.51.0.XXX 

ความคิดเห็นที่ 6                   
อาจารย์ต้องช่วยนายกฯปู ประคองรัฐบาลเอาไว้ให้ได้นะ ให้ไอ้พวกแมลงสาป ไอ้พรรคจังไร มันอกแตกตายไปเลย          
โดยคุณ หนุ่มบุรีรัมย์  180.183.251.XXX 

        (***คอลัมน์ ประจำสัปดาห์ ความเป็นธรรมดา ของความชั่วร้าย (Banality of Evil) ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 22 มิถุนายน 2556)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น