เวทีเสวนาแนะรัฐตั้งกรรรมการตรวจสอบ หากมีเหตุรุนแรงช่วงเดือนรอมฏอน
ทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคมมาเป็นกรรมการ
เสนอโอนอำนาจผู้ว่าด้านวัฒนธรรมและอัตลักษณ์แก่นายก อบจ.
ย้ายผู้ต้องขังคดีความมั่นคงมาอยู่เรือนจำภูมิลำเนา
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2556 ที่ห้องประชุมขวัญจุฑา 1 โรงแรมปาร์ควิว
ปัตตานี สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล
จัด“สานเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนปัญหาและทางออกระหว่างนักการเมืองจังหวัดชายแดน
ภาคใต้ ครั้งที่ 13” โดยมีนักการเมืองในพื้นที่จำนวน 20
คนเข้าร่วมเสนาครั้งนี้ เช่นนายเด่น โต๊ะมีนา นายนัดมุจดีน อูมา
สมาชิกพรรคมาตุภูมิ นายบูราฮานูดิน อุเซ็ง สมาชิกพรรคเพื่อไทย
พ.ต.ท.เจะอิสมาแอ เจ๊ะโมง พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน นางตัสนีม เจะตู
สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส เป็นต้น
หลังจากเสร็จเวทีมีการออกแถลงการณ์ข้อสรุปและข้อเสนอแนะ จำนวน 4 ข้อ โดยนายเด่น โต๊ะมีนา เป็นผู้อ่านแถลงการณ์
ประเด็นที่ 1
ที่ประชุมมีความยินดีและขอสนับสนุนการลดความรุนแรงในช่วงเดือนรอม
ฎอนอันศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลา 40 วัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นจริงได้
และจะส่งผลดีต่อการพูดคุยสันติภาพต่อไป
ประเด็นที่ 2
อาจมีบางฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยและก่อเหตุรุนแรงในช่วงดังกล่าวได้
จึงขอเสนอให้รัฐบาลแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ
และที่ทำหน้าที่อย่างเป็นอิสระและเป็นกลาง
เพื่อให้เป็นไปตามคำแถลงความเข้าใจร่วมกันเรื่องความริเริ่มสันติภาพของตัว
แทนรัฐบาลมาเลเซีย โดยให้มีองค์ประกอบที่เป็นตัวแทนภาครัฐ ได้แก่
จากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคที่ 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.)
ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ฝ่ายนิติวิทยาศาสตร์
เป็นต้น
ส่วนตัวแทนภาคปะชาสังคมได้แก่ ตัวแทนจุฬาราชมนตรี
คณะกรรมการอิสลามประจำ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดละ 1 คน สภาทนายความ
สื่อมวลชน และผู้ทรงคุณวุฒิที่ประชาชนไว้วางใจ
ประเด็นที่ 3 เสนอให้สร้างบรรยากาศที่ดีและเอื้อต่อการพดคุยสันติภาพ
ดังนี้ 3.1 ให้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของจุฬาราชมนตรี พ.ศ. 2556
ว่าด้วยแนวทางปฏิบัติของส่วนราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในเดือนรอมฎอน เช่น
การสนับสนุนอาหารในการละศีลอดแก่ผู้ด้อยโอกาสในชุมชนอย่างทั่วถึง
3.2 การผ่อนปรนเวลาปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มุสลิม
ให้ปฏิบัติงานระหว่าง 08.30 – 15.00 น.เพื่อให้ปฏิบัติศาสนกิจอย่างมีคุณค่า
ในการนี้ ขอเสนอให้ ศอ.บต.กวดขัน
และหากจำเป็นก็ลงโทษผู้ที่ไม่ถือปฏิบัติด้วย
3.3
ดำเนินการให้มีการอภัยโทษแก่นักโทษคดีความมั่นคงในกรณีที่จะช่วยเสริมสร้าง
ความผ่อนปรนซึ่งกันและกัน พยายามลดความรุนแรงที่แฝงอยู่ในโครงสร้าง เช่น
การให้ความยุติธรรมในคดีความมั่นคงอย่างสม่ำเสมอ
การเพิ่มสัมฤทธิผลของการจัดการศึกษา เป็นต้น
4. ส่วนเรื่องของการกระจายอำนาจ ที่ประชุม
มีความเห็นว่าควรริเริ่มในส่วนนี้ ด้วยการปฏิบัติให้เห็นผลในเบื้องต้นก่อน
เช่น
การโอนย้ายอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดไปให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
(อบจ.) ในส่วนของวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของคนในพื้นที่
การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2556
ในส่วนให้ ศอ.บต.ให้มีอำนาจให้ครอบคลุม 5 จังหวัดเป็น 3 จังหวัดกับ 4
อำเภอของสงขลา
นายบูราฮานูดีน กล่าวระหว่างแถลงข่าวว่า
ความเป็นจริงการเจรจามีมานานแล้ว ก่อนหน้านี้อีก
ดังนั้นการที่จะยุติความรุนแรงในพื้นที่ ต้องใช้เวลานาน
นอกจากนี้รัฐไม่ควรที่ปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมดของบีอาร์เอ็น
รัฐควรที่จะพิจารณาก่อนว่า ข้อใดสามารถรับได้หรือข้อใดไม่สามารถรับได้
“อยากให้อภัยโทษต่อนักโทษคดีความมั่นคงในพื้นที่
เพื่อที่จะให้บุคคลเหล่านี้กลับไปอยู่ที่บ้าน
เพื่อที่ร่วมพัฒนาชาติบ้านเมืองต่อไป ตามข้อเสนอแนะในข้อที่ 3.3
ส่วนเรื่องของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม
ให้ดำเนินการย้ายผู้ต้องขังคดีความมั่นคงที่อยู่ในเรือนจำในกรุงเทพมหานคร
กลับมาอยู่เรือนจำในภูมิลำเนา
ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีทีทางรัฐบาลควรดำเนินการ” นายบูราฮานูดีน กล่าว
นายนัดมุดดีน กล่าวว่า ที่ผ่านมากลุ่มนักการเมืองชายแดนใต้
ได้นำผลสรุปของเวทีสานเสวนาของนักการเมืองในพื้นที่จากเวทีทั้งหมด 12 ครั้ง
เสนอต่อรัฐบาลจำนวนมาก แต่ไม่ได้รับการตอนรับจากรัฐบาลเท่าที่ควร
ดังนั้นทางกลุ่มนักเมืองในพื้นที่จึงอยากให้รัฐบาลรับเสนอของกลุ่มบ้าง
เพราะพวกของตนเป็นกลุ่มที่เป็นตัวแทนของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่อย่างแท้
จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น