แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

จากบางขวางสู่ชายแดนใต้ อิสรภาพในโลกของพ่อลูกและสามี

ที่มา ประชาไท


บรรยากาศการเยี่ยมผู้ต้องขังคดีความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ต้องโทษแดนประหารในคุกบางขวาง เมื่อครอบครัวของเขาเดินทางมาจากบ้านเกิดเพื่อเข้าเยี่ยมพวกเขาเป็นเวลา สั้นๆ 
 
บรรยากาศที่เต็มไปด้วยผู้คนนับร้อย ทั้งพ่อ แม่ ภรรยา ลูกสาว ลูกชาย ญาติ ที่เดินทางกันมาด้วยความหวังจากชายแดนใต้ได้ทิ้งความเศร้าไว้ชั่วขณะ ขณะผ่านระยะทางกว่าพันกิโลสู่จุดหมายปลายทางที่ล้อมรอบไปด้วยกำแพงสูง นัยว่าจะเป็นการเยี่ยมครั้งสุดท้ายสำหรับที่นี่
 
ที่นี่เสรีภาพถูกปิดกั้นและถูกกดทับด้วยข้อระเบียบต่างๆ มากมาย ฉันหันไปดู เห็นทุกคนชะเง้อหน้ารอคอยผู้ที่เป็นพ่อ ลูกชายหรือสามี ที่อยู่ในสถานะผู้ต้องขังในคดีความมั่นคง ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา ที่มีโอกาสได้พบบุคคลอันเป็นที่รักอีกครั้งหนึ่ง
 
ด้วยเวลาแสนสั้น ที่พวกเขาแสดงถึงความรักที่มีให้กันอย่างเต็มหัวใจ หลังจากต้องแยกจากกัน ซึ่งอาจเป็นการรับเคราะห์แทนคนอื่นทำผิดจริง แล้วถูกซักทอดมายังบุคคลที่เป็นความหวังหรือเสาหลักของครอบครัว ทำลายความหวังที่จะได้อยู่ด้วยกัน
 
เมื่อทุกคนได้เจอคนอันเป็นที่รัก น้ำตาที่เริ่มรินไหล เป็นน้ำตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักที่ไม่อาจห้ามไม่ให้มันหยุดไหลได้ และอยากจะหยุดเวลานั้นไว้ หลังจากนับวันรอให้ข้ามไปวันต่อวัน จนถึงวันที่รอคอยที่จะได้สัมผัสมือลูกชาย สามีหรือพ่อ
 
ฉันเห็นภาพเหล่านี้แล้วรู้สึกปลื้มไปด้วย ที่เห็นต่างคนต่างเล่าเรื่องราวที่ตัวเองพบเจอให้อีกฝ่ายได้ฟัง ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าโอกาสแบบนี้จะมีอีกเมื่อไร
 
 
คนเป็นสามี
 
ชายหนุ่มคนหนึ่งพอได้เห็นหน้าภรรยากับลูกชาย ฉันเห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที เหมือนเขาอยากบอกทุกคนว่า “ผมดีใจมาก ที่ได้กอดลูกชายและภรรยา”
 
ฟังดูเหมือนธรรมดา ทว่า...“ผมจากภรรยาตอนกำลังตั้งครรภ์ 8 เดือน วันนี้ผมเห็นลูกชายวิ่งมาหาผม ทั้งที่เขาไม่เคยเห็นหน้าผมมาก่อนเลย และผมไม่รู้ว่าจะมีโอกาสนี้อีกไหม”
 
“สิ่งเดียวที่จะทำให้ผมมีโอกาสแบบนี้อีก คือ ขอความยุติธรรมให้ผมด้วย ผมจะได้กลับไปอยู่กับลูกชาย ภรรยา และครอบครัวผม ผมจะไม่ขออะไรมาก ผมขอแค่นี้”
 
คนเป็นพ่อ
 
ภาพที่ฉันเห็นเบื้องหน้า เป็นภาพของหัวหน้าครอบครัวคนหนึ่งกำลังโอบกอดลูกสาวด้วยความรัก โดยไม่รู้ว่าตัวเองจะได้ทำหน้าที่นี้ได้อีกครั้งเมื่อไหร่ ส่วนลูกสาวที่อยู่ในอ้อมกอดพ่อเริ่มมีน้ำไหลรินออกมา เหมือนกับว่าไม่ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นแบบนี้มาแสนนาน
 
ลูกสาวเริ่มก้มหน้าน้ำตานอง เธอไม่อยากให้พ่อเห็นว่ากำลังร้องไห้อยู่ ในขณะที่มือของพ่อกำลังโอบกอดอยู่ไม่ยอมปล่อย
 
“พ่อคือนักโทษประหาร” ที่อาจไม่มีโอกาสถูกย้ายไปขังในคุกบ้านเกิดอย่างคนอื่นๆในวันนี้
 
จนกระทั่งวินาทีสุดท้ายก็มาถึง เมื่อทั้งคู่ต้องแยกออกจากกัน ก็ได้แต่ส่งสายตากันไปมา ทุกการเคลื่อนไหว ไม่มีคำบอกลา ไม่มีคำพูดใดๆ ที่ออกจากปากทั้งสองคน มีเพียงสายตาที่จดจ้องกัน ฉันพยายามเก็บภาพทุกๆวินาทีให้มากที่สุดและให้นานที่สุด ดูเหมือนทั้งสองคนจะรู้แล้วว่าอีกไม่กี่อึกใจจะเกิดอะไรกับพวกเขา 
 
เสียงตะโกนดังมาแต่ไกล “หมดเวลาเยี่ยมแล้ว” สีหน้าอารมณ์ทุกคนเปลี่ยนไป ต่างตกใจกับเสียงนั้น เพราะได้ยินคำนี้ ทุกนัยน์ตาเริ่มมีน้ำไหลมาอีกครั้ง มันคงไม่ใช่น้ำตาแห่งความปลาบปลื้มอย่างในตอนแรก แต่เป็นน้ำตาแห่งความเสียใจที่ต้องพรากจากกันอีกครั้ง เมื่อไหร่หนอจะได้เจอกันอีก
 
เป็นลูกชาย
 
ณ เรือนจำบางขวางแห่งนี้ ที่ฉันได้สัมผัสถึงความรู้สึกของผู้เป็นแม่ที่มอบให้กับลูกที่สวมเสื้อสีน้ำตาล ด้านหลังมีข้อความ “แดน 2”
 
สายตาของแม่ มุ่งตรงไปยังสายตาของลูกชาย มือด้านขวาของแม่ ไปจับที่หัวไหล่ของลูก ผู้ที่เป็นแม่ “ต้องจากลูกไปแล้วน่ะ” ผู้ที่เป็นลูกก็ “ต้องจากแม่สุดที่รักไปเหมือนกัน”
 
การบอกลาครั้งนี้ ไม่ได้เป็นคำพูดออกมา แต่แสดงออกผ่านสายตาของแม่ลูกคู่นี้ “เราต้องจากกันอีกแล้ว” ด้วยเวลาที่สั้นมาก ถ้าฉันหยุดเวลานี้ได้ ฉันจะหยุดเวลาให้โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ
 
แล้วทุกคนก็ต้องทยอยเดินออกจากที่นั่นไป บางคนน้ำตายังนองหน้า จนกระทั่งต้องเดินผ่านประตูเหล็กบานแล้วบานเล่า แม้ฉันไม้ได้เกี่ยวข้องเป็นญาติอะไรกับพวกเขา แต่ทุกย่างก้าวของฉันเหมือนไร้ความรู้สึกใดๆ มันล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย....
 
สิ่งเดียวที่ฉันคิด คือ โลกของความเป็นพ่อ แม่ ลูกสาว ลูกชาย สามี ภรรยา แม้กระทั่งญาติ ต้องไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้น พวกเขาไม่สมควรอยู่ในสถานที่แบบนั้น ทุกคนออกมาพร้อมกับพวกเราด้วย แต่โลกความจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น แต่อย่างน้อย โลกของพวกเขาจะอยู่ใกล้กันมากขึ้นในเดือนรอมฎอนอันประเสริฐนี้
 
ฉันหวังว่า สันติภาพจะนำอิสรภาพและความยุติธรรมกลับคืนมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น