ถอด (บท) ความ จากข้อคิดเห็นของ
ม้าร์ค อาร์ แร้งค์ เรื่อง 'Poverty
in America is Mainstream'
ใน น.ส.พ. เดอะนิวยอร์คไทม์
วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ (โดยระยิบ เผ่ามโน)
มีไม่กี่เรื่องในสังคมอเมริกันที่ห้อมล้อมไปด้วยมายาคติ
และลักษณะสูตรสำเร็จมากเท่าเรื่องความยากจน มันเป็นหลักการผิดๆ
ที่บิดเบือนทั้งในทางการเมือง และการวางนโยบายสาธารณะของเรา
นี่รวมถึงแนวคิดที่ว่าความยากจนในอเมริกากระทบถึงคนเพียงส่วนน้อย
ว่าผู้ยากไร้พบกับความอดอยากครั้งละหลายๆ ปี
ว่าคนที่ยากจนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดของเขตเมือง
ว่ามีการให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการมากเกินไป
และว่าความยากจนเป็นผลของการไม่ขยันหมั่นเพียรมากพอ เหล่านี้แม้ว่าจะมีอยู่หลากหลาย
หากว่าแต่ละอันล้วนผิดสุดๆ ทั้งนั้น
ตรงข้ามกับที่คนส่วนใหญ่เชื่อกัน
อัตราส่วนมวลชนที่ต้องเผชิญกับความยากจนโดยตรงกลับสูงมากจนเกินไป
จากการค้นคว้าของผู้เขียนเองพบว่าเกือบ ๔๐ เปอร์เซ็นต์ของประชากรอายุระหว่าง ๒๕
ปีถึง ๖๐ ปีจะเจอกับสภาพความเป็นอยู่ต่ำกว่าขีดความยากจนตลอดระยะเวลาอย่างน้อยหนึ่งปีหนึ่งครั้ง
(ขีดความจนของครอบครัวอเมริกันที่มีสี่คน –คือพ่อ แม่ และลูกสองคน- เท่ากับรายได้ ๒๓,๔๙๒
เหรียญต่อปี)*1 และ๕๔ เปอร์เซ็นต์จะตกอยู่ในสภาพที่ขีดความจน
หรือใกล้เคียงขีดความจน (คือต่ำกว่าอัตรา ๑๕๐ เปอร์เซ็นต์ของขีดความจน)
น่าทึ่งไปยิ่งกว่านั้น
ถ้านับรวมสภาวะที่เกี่ยวพันกันอย่างเช่นการพึ่งพาสวัสดิการ สภาพใกล้ยากจน
และการตกงานเข้าไปด้วย พบว่าชาวอเมริกันจำนวน ๔ ใน ๕ จะต้องเจอสภาพดังกล่าวหนึ่งครั้ง
หรือมากกว่านั้น
(ภาพข่าวเอพี) |
นอกเหนือ
ไปกว่านี้
ครึ่งหนึ่งของเด็กอเมริกันทั้งมวล
ในช่วงหนึ่งของชีวิตวัยเด็กต้องอยู่อาศัยในครัวเรือนที่พึ่งพาความช่วยเหลือ
ของบัตรแลกอาหารสำหรับคนยากจน
พูดง่ายๆ
ความยากจนเป็นเรื่องหลักที่คนส่วนใหญ่ในอเมริกาต้องเผชิญ
คำถามสำหรับพวกเราส่วนมากนั้นไม่ใช่ว่าจะต้องพบกับความยากจนกันไหม หากแต่ว่าจะต้องพบกับมันเมื่อไรต่างหาก
ขณะที่ความยากจนเกิดกับประชากรอเมริกันเป็นส่วนมาก
แต่ระยะเวลาเฉลี่ยของการตกอยู่ในภาวะเช่นนั้นกลับสั้น
ภาพพจน์ของความจนโดยมาตรฐานทั่วไปอยู่ที่การจมปลักในสภาพชนชั้นต่ำ มีไม่พอกินคราวละหลายๆ
ปี โดยที่ภาพพจน์นี้แสดงให้เห็นถึงส่วนย่อยๆ ของความยากจน แต่ว่าสำคัญ
มันก็เป็นภาพที่บิดเบือนอย่างยิ่งต่อธรรมชาติเป็นจริงอันแผ่กว้าง และไม่คงที่
ในแบบแผนทั่วๆ
ไปสำหรับบุคคลนั้นเป็นการประสบกับความยากจนครั้งละปีสองปี แล้วฟื้นคืนไปสู่ระดับเหนือขีดความจนเป็นเวลายาวนาน
จากนั้นอาจกลับไปเจอสภาพต้องคำสาปอีกก็ได้ภายหลัง ภาวะการณ์อย่างเช่นตกงาน
ถูกตัดชั่วโมงทำงาน เกิดการแยกทางในระหว่างคู่ครอง
หรือว่ามีอาการป่วยไข้ร้ายแรงเกิดขึ้น
ล้วนเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวโถมลงสู่ความยากจนได้
แม้นว่าความจนแพร่กระจายไปได้ด้วยกำหนดแห่งกาลเวลา
มันก็แผ่ขยายไปได้ด้วยมิติแห่งพื้นที่เช่นกัน มีเพียง ๑๐
เปอร์เซ็นต์ของคนยากจนที่อาศัยอยู่ในท้องที่สุดแสนยากไร้ในเมือง
ครัวเรือนที่ข้นแค้นยังอาจพบได้ตามท้องที่ของเขตนคร และชานเมือง
เช่นเดียวกับเมืองเล็กๆ และชุมชนขนาดย่อมทั่วทั้งชนบทสหรัฐ
การแพร่ขยายความจนออกไปเช่นนี้เกิดขึ้นมาเป็นเวลานับยี่สิบปี
โดยเฉพาะตามพื้นที่ชานเมือง
พร้อมๆ
ไปกับภาพของความยากจนในท้องที่ใจกลางมหานคร
ยังมีความเชื่อที่ว่าคนยากจนส่วนใหญ่นั้นไม่ใช่ชนผิวขาว นี่ก็เป็นมายาคติอีกอย่าง
ตามตัวเลขล่าสุดของสำนักงานสำรวจประชากรปรากฏว่าผู้ที่เปิดเผยตนเป็นคนยากจนจำนวนสองในสามแจ้งด้วยว่าพวกเขาเป็นคนผิวขาว
ตัวเลขนี้ไม่เปลี่ยนแปลงมาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว
แล้วประเด็นที่ว่ามีการให้ความช่วยเหลือแก่คนยากจนอย่างล้นเหลือด้วยล่ะ
นี่ก็เป็นวาทกรรมทางการเมืองที่ตรงข้ามกับความจริง
ความมั่นคงทางสังคมของอเมริกาไม่ได้เข้มแข็งอย่างว่า แถมยังเต็มไปด้วยรอยโหว่มากมาย
ยิ่งไปกว่านั้นมันกลับอ่อนแอลงไปตลอดสีสิบปีทีี่ผ่านมา
เนื่องจากการปรับเปลี่ยนระบบสวัสดิการ และมาตรการตัดงบประมาณเกื้อหนุน
เราเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่อยู่ในหมู่ผู้ใช้จ่ายเพื่อสวัสดิการน้อยที่สุดในด้านการฉุดผู้คนขึ้นมาจากความยากไร้
และในการป้องกันไม่ให้ประชาชนต้องหล่นลงสู่ห้วงแห่งความจน
สหรัฐเป็นหนึ่งในประเทศพัฒนาแล้วไม่กี่แห่งที่ไม่มีการอำนวยสุขภาพถ้วนหน้า ไม่มีสวัสดิการดูแลเด็กที่คนส่วนใหญ่สู้ราคาไหว
หรือที่อยู่อาศัยสำหรับคนที่รายได้น้อย
ผลทำให้อัตราความยากจนของเราสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของยุโรปถึงสองเท่า
ไม่ว่าเราจะสำรวจความยากจนในหมู่เยาวชน
ความจนของผู้ใหญ่วัยทำงาน ความจนในครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่เพียงคนเดียว
และอัตราความยากจนโดยรวม ผลออกมาเหมือนกันหมดก็คือ
สหรัฐอเมริกามีภาวะอดอยากยากไร้สูงมากเกินกว่าที่ควร
คนจำนวนมากที่ต้องตกอยู่ในสภาพยากจนได้พบกับอาการตลึงงันว่าที่จริงแล้วรัฐบาลมิได้ช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากความลำบากสักเท่าไรนัก
(ภาพข่าวรอยเตอร์) |
ท้ายที่สุด
คำอธิบายถึงสาเหตุของความยากจนที่มักเน้นกันแพร่หลายว่าเป็นเพราะการขาดแรงจูงใจ
ความล้มเหลวที่ไม่บากบั่นกับงานหนัก และการตัดสินใจผิดพลาดต่อวิถีทางดำเนินชีวิต
แต่นี่อีกแหละ จากการค้นคว้าของผู้เขียน
และนักวิจัยอื่นๆ พบเหมือนกันซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า ความประพฤติ
และเจตจำนงของผู้ที่ตกอยู่ในภาวะยากไร้สะท้อนให้เห็นสภาพเช่นเดียวกับคนอเมริกันในสายหลักอื่นๆ
ทั้งสิ้น ในทำนองเดียวกันพวกคนจนส่วนมากเป็นผู้ทำงานหนัก และยังคงมุ่งมั่นทำต่อไปเช่นนั้น
ความยากจนเป็นผลของความผิดพลาดอย่างที่สุดในระดับเศรษฐศาสตร์
และการเมืองการปกครอง ไม่ใช่อย่างแน่นอนที่จะเป็นความผิดพลาดในระดับบุคคล
หนทางแก้ไขความยากจนจะพบได้ในสิ่งที่มีความสำคัญยิ่งต่อการมีพลานามัยดีของครอบครัว
นั่นคือมีงานทำรายได้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ ได้รับความช่วยเหลือเรื่องสุขภาพ
กับการดูแลเด็ก และมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างดีเยี่ยม
นโยบายเช่นนี้จะเป็นไปได้ต่อเมื่อเราเริ่มทำความเข้าใจอย่างจริงจังว่า
ความยากจนเป็นเรื่องของพวกเรา มากเสียกว่าที่จะถือว่าใันเป็นเรื่องของพวกเขา
(ม้าร์ค อาร์ แร้งค์
เป็นโปรเฟสเชอร์ด้านสวัสดิการสังคม มหาวิทยาลัยวอชิงตัน
เป็นผู้ร่วมเขียนหนังสือฉบับใหม่เรื่อง “Chasing the American Dream: Understanding What Shapes our
Fortunes.”)
*(หมายเหตุผู้แปล)
และถ้าเป็นคนโสดผู้เดียวขีดความจนอยู่ที่ ๑๑,๔๙๐ เหรียญต่อปี ดูตารางได้ที่
http://aspe.hhs.gov/poverty/13poverty.cfm ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความยากจนในอเมริกา
หาอ่านได้จากรายงานข่าวรอยเตอร์เรื่อง U.S.
poverty rises despite economic recovery หรือรายงานของว้อยซ์ออฟอเมริกาเรื่อง
Unemployment,
poverty grow among Asian Americans in Los Angeles county และรายงานข่าวเอพีเมื่อปีที่แล้วเรื่อง
Millions
more American in poverty than previously estimated
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น