กระทรวงการคลังเตรียมเสนอร่างพระราชบัญญัติกู้เงินเพื่อลงทุนระบบ
โครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท
คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในเดือนมีนาคม
โดยความคืบหน้าของร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวมีความชัดเจนมากกว่าร้อยละ 90
แล้ว
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาเชิงปฎิบัติการเพื่อการพัฒนาระบบรถไฟ
ไทย ซึ่งจัดขึ้นโดยธนาคารพัฒนาเอเชีย กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม ว่า
กระทรวงการคลังเตรียมเสนอร่างพระราชบัญญัติกู้เงินเพื่อลงทุนระบบโครงสร้าง
พื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท
เข้าสู่วาระการประชุมของคณะรัฐมนตรีในช่วงกลาวเดือนมีนาคมนี้เป็นอย่างช้า
และคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในช่วงปลายเดือนมีนาคม
หรือต้นเดือนเมษายน โดยความคืบหน้าของร่าง
พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวมีความชัดเจนมากกว่าร้อยละ 90
ที่เหลือเป็นรายละเอียดที่เกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบราง
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในขั้นตอนสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม การกำหนดเพดานการกู้เงินที่ 2
ล้านล้านบาท แต่ความต้องการลงทุนระบบรางในประเทศมีมากกว่า 2
ล้านล้านบาทนั้น
เนื่องจากรัฐบาลต้องการบริหารสัดส่วนหนี้สาธารณะไม่ให้ใกล้เคียงร้อยละ 60
ของจีดีพี ตามเพดานที่กำหนดไว้ ซึ่งการกู้เงิน 2
ล้านล้านบาทจะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะอยู่ที่ร้อยละ 50 ของจีดีพี
และเป็นวงเงินกู้ที่ระบบสถาบันการเงินในประเทศรองรับได้
อย่างไรก็ตาม เงินที่ได้จากการกู้เงิน 2
ล้านล้านบาท มากกว่าร้อยละ 50 ใช้ลงทุนระบบราง เช่น
โครงการรถไฟความเร็วสูง/ รถไฟทางคู่ และรถไฟฟ้า 10 สาย
ดังนั้นจึงต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ
ร.ฟ.ท.ใหม่ เพื่อรองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากขณะนี้
ร.ฟ.ท.มีปัญหาขาดทุนจำนวนมาก
ซึ่งอาจต้องแยกหนี้ที่มีอยู่ทั้งหมดออกจากการลงทุนใหม่ที่จะเกิดขึ้น
ทั้งนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาและ
ฟื้นฟูระบบรถไฟไทยเป็นอันดับต้นๆ
เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันของไทย
เนื่องจากระบบรางจะช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งได้จำนวนมาก
ซึ่งจะส่งผลให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าของลุ่มแม่น้ำโขง
by
Nalinee
8 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 11:43 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น