แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

"สุเทพ-พัชรวาท-ปทีป-วิเชียร" เข้าปิ้งทุจริตสร้างโรงพัก 6 พันล้าน!

ที่มา go6tv



วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556 (go6TV) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อนุมัติรับโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง วงเงิน 5,848 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจ (แฟลต) จำนวน 163 แห่ง จำนวนเงิน 3,709,880,000 บาท เป็นคดีพิเศษตามฐานความผิด พ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้วประมูล) และได้อนุมัติให้มีสืบสวนโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนทั้ง 396 แห่ง ในความผิดการฉ้อโกงด้วย เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ดังนี้
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ กล่าวว่า มีข้อมูลที่ทางศูนย์ป้องกันปราบปรามการทุจริตดีเอสไอ เสนอขึ้นมาในกรณีการเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ฮั้ว มีตัวเลขที่น่าใจคือ โครงก่อสร้างโรงพักทดแทน คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณก่อสร้าง เป็นเงิน 6,672 ล้านบาท ส่วนราคากลางตั้งไว้ 6,388 ล้านบาท และโดย บริษัทพีซีซี
ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ชนะการประกวดราคา 5,848 ล้านบาท ซึ่งต่ำที่สุดในจำนวนบริษัทที่เข้าประกวดราคาต่ำกว่าราคากลาง 540 ล้านบาท ต่ำกว่าห้างหุ้นส่วนบริษัทสามประสิทธิ์ ที่เข้าร่วมเสนอราคา โดยเสนอราคาสู้ที่ 6,095 ล้านบาท จะพบว่าเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคากลางเพียง 293 ล้านบาท จะเห็นว่าบริษัทพีซีซีฯเสนอราคาต่ำกว่าบริษัทสามประสิทธิ์ถึง 247 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่ผิดปกติ เพราะตัวเลขไม่ควรจะห่างมากเท่านี้ ทั้งในมุมของราคากลางและการชนะผู้ประมูล
นี่คือข้อผิดปกติที่หนึ่งและสอง
ประเด็นที่ 3 เรื่องการยกเลิกสัญญารายภาคเปลี่ยนมาเป็นรวบสัญญา ทำให้บริษัทอื่นไม่มีสิทธิเข้ามาประมูลแข่ง หรือสู้ราคาได้ ทำให้บริษัทพีซีซีฯชนะการประมูล
ประเด็นที่ 4 เมื่อบริษัทพีซีซีฯได้โครงการแล้วมีการทำสัญญา โดยระบุให้จ่ายเงินล่วงหน้า ในสัญญาแบบเต็มเพดานที่กำหนดคือ 15 เปอร์เซ็นต์ ทำให้บริษัทพีซีซีฯได้เงินล่วงหน้าไปถึง 877.2 ล้านบาท ซึ่งปกติเรตของการอนุมัติจ่ายเงินล่วงหน้าทำได้ตั้งแต่ 1-15 เปอร์เซ็นต์ หลักทั่วไปก็ประมาณ 7-8 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าโครงการ
ประเด็นที่ 5 เมื่อได้โครงการบริษัทพีซีซีฯไม่ได้ลงมือสร้างเอง แต่มีการจ้างช่วงโดยให้ผู้รับรายอื่น มารับงานและจ่ายเงินน้อยมากประมาณหลักแสนบาท จากนั้นมีการตั้งเบิกเงินงวดที่หนึ่ง จำนวน 656.6 ล้านบาท
และ ประเด็นที่ 6 คือการทิ้งงานทั้งหมด
เมื่อเห็นข้อมูลพิรุธทั้ง 6 กรณี จะเห็นว่าพฤติการณ์เรื่องนี้เข้าข่ายการกระทำความผิดตามกฎหมายฮั้วประมูล มาตรา 11, 13 และ 8 ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ จะเกี่ยวข้องกับมาตรา 11 ประเด็นเรื่องการกำหนดเงื่อนไข คือ มีเพียงบริษัทเดียว ไม่มีการแข่งขันกัน 9 ภาค ส่วนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้าข่าย มาตรา 13
ทั้งนี้ หากมีการอนุมัติเป็นคดีพิเศษแล้ว จะมีผู้เกี่ยวข้องเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายฮั้วประมูล 2 ฝ่าย คือ ข้าราชการประจำซึ่งหมายถึงผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในขณะนั้น และฝ่ายการเมืองซึ่งหมายถึงรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น หากมีการลำดับเรื่องราวทั้งหมดที่กล่าวมาจะทำให้เห็นว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทพีซีซีฯอย่างไร ต้องดูหนังทั้งซีรีส์ อย่าดูแค่การอนุมัติเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้การอนุมัติให้มีการสืบสวนในเรื่องของการฉ้อโกง เนื่องจากวิเคราะห์จากการกระทำทั้ง 6 ขั้นตอน ที่ผ่านมา ตั้งข้อสังเกตว่าทางบริษัทพีซีซีฯ รู้อยู่แล้วว่าสร้างไม่ได้ไม่เสร็จ ทำไมรู้ว่าสร้างไม่เสร็จเพราะสัญญาเดียว ทำคนเดียวทั่วประเทศ ทุนจดทะเบียนแค่ 500 ล้านบาท ไม่เคยรับงานใหญ่ขนาดนี้แล้วบิดราคาต่่ำมาก เพราะต้องการแค่ชนะ ให้ได้สัญญา เพื่อต้องการแค่สัญญา เบิกเงินล่วงหน้า ความมุ่งหวังของบริษัทพีซีซีฯตั้งข้อสังเกตว่าต้องการทำสัญญาเพียงเงินงวด และถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นจะสู้ว่าเป็นความผิดทางแพ่ง เพราะมีการประมูลตามขั้นตอน เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัย สร้างไม่ได้ ไม่ทัน ก็ปล่อยบริษัทล้มละลายผู้บริหารไม่ผิดทางอาญา ดังนั้น จึงสงสัยว่ามีเจตนาทุจริตหลอกลวงมาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่ทำสัญญาทางแพ่งตามปกติ ทั้งนี้ คดีฉ้อโกงเป็นคดีเกี่ยวพัน พ.ร.บ.ฮั้ว ดีเอสไอทำได้ทันทีถือเป็นการอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรง โดยการฉ้อโกงทำให้เกิดความเสียหายมาก
จากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลพบว่าบริษัทมีการจ้างช่วงผู้รับเหมาในพื้นที่หลายจังหวัด ยกตัวอย่าง สถานีตำรวจมีวงเงินสัญญาก่อสร้าง 27 ล้านบาท แต่บริษัทพีซีซีฯไปจ้างช่วงต่อเพียง 20 ล้านบาท หักหัวคิว 7 ล้านบาท
จากนี้จะทำหนังสือเชิญอดีต ผบ.ตร. 3 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญาดังกล่าวเข้าให้ปากคำในสัปดาห์หน้า ประกอบด้วย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ และ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี จากนั้นจะออกหมายเรียกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง โดยขีดเส้นให้พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนทั้ง 2 คดี ภายใน 30 วัน และขยายระยะเวลาได้ใน 50 วัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น