ผมเข้าใจว่าคุณสุชาดา ก็มองจากอคติตัวเองเช่นกัน
(ซึ่งแน่นอนว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ) และมองแบบหยุดนิ่งมากๆ
(น่าจะศึกษาจากอ.นิธิให้มากนะครับ)
ผมไม่รู้ว่าตั้งแต่ออกไปคุณได้กลับไปอ่านข่าวของสำนักข่าวประชาธรรมหรือ
เปล่า ซึ่งในสมัยนั้นอาจจะเป็นอย่างที่คุณสุชาดาพูดก็เป็นได้
แต่การเหมารวมว่าทุกอย่างต้องหยุดนิ่งไม่มีการปรับตัวและวิจารณ์เป็นฉากๆ
อย่างนี้ (ไม่ทำการบ้านเลยนะครับ) เช่น รายงานแต่ปรากฎการณ์บ้าง
อยู่ในพื้นที่เอ็นจีโอบ้าง ผมคิดว่ามันไม่แฟร์ การเอาเรื่องที่เป็นส่วนตัว
(personalize)
มาโยงกับสิ่งที่มันเป็นข้อวิจารณ์ทำให้น้ำหนักของข้อวิจารณ์ที่น่าจะถกเถียง
กันต่อด้อยค่าไปเลยครับ...
ขอวิจารณ์ที่คุณสุชาดาได้กล่าวมาดังนี้
ข้อเท็จจริงแรก ที่ผิด (ซึ่งก็น่าจะผิดพลาดกันได้) คือ ความจริงแล้วระดมทุนได้ สามแสนบาท ไม่ใช่สามหมื่นบาท
สอง เรื่องคอนเซ็ปการทำธุรกิจเพื่อเลี้ยงองค์กร
เป็นสิ่งที่ผมเห็นว่าเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก ครับ แต่เรื่องการปฏิบัติ
ไม่รู้ว่ามันติดขัดตรงไหนบ้างและอะไรเป็นเหตุให้ไอเดียนี้ไปไม่รอด
ซึ่งเป็นเรื่องที่คุยถกเถียงกันได้
และผมไม่เชื่อว่ามันจะมีปัจจัยมาจากการทำงานแบบเอ็นจีโอเพียงอย่างเดียว
เพราะเท่าที่ไปตรวจสอบ เรื่องที่ทำให้ขัดแย้งกันเกิดจากการไปของบ
(ก็แบบเอ็นจีโอไม่ใช่ธุรกิจ) ที่ใหญ่มากแล้วไม่บอกกัน
(เข้าใจว่าเป็นความหวังดีของคนที่ไปขอเพื่อทำให้องค์กรเติบโตอย่างแข็งแรง)
ซึ่งต้องกับข้อ 3ที่วิจารณ์มา ซึ่งผมไม่เห็นด้วยเนื่องจากว่า
โอเคเรื่องบางเรื่องของฝ่ายบริหารไม่ต้องบอกให้คนทำงานทราบก็ได้
แต่ถ้ามันเกี่ยวข้องกับคนที่ทำงาน แผนงานที่ต้องทำ
การปรึกษาหรือทำให้รับรู้ร่วมกันก่อนเพื่อหาแนวทางการทำงานในอนาคตก็เป็น
สิ่งที่ควรทำไม่ใช่หรือ
จะบอกว่าถ้าเป็นแบบองค์กรธุรกิจแล้วต้องฟังฝ่ายบริหารอย่างเดียว
มันก็คงไม่ต่างจากสิ่งที่บริษัททุน
(ที่เราเฝ้าเรียกร้องให้มันฟังแรงงานบ้าง)
หรืออิเล็กทรอลักซ์ทำอยู่ตอนนี้หรอก
แล้วจะเรียกตัวเองว่าสื่อทางเลือกไปทำไม
ความจริงก็ตั้งสื่อกะแสหลักทำเรื่องนี้ก็ได้ แต่ก็มีข้อจำกัดอีก
จริงไหมครับ
ฉะนั้น ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ ขอทุนแบบเอ็นจีโอ หรือทำแบบธุรกิจ
แบบไหนโอเคกว่ากัน แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าแบบไหนที่จะทำให้องค์กรอยู่รอด
โดยคงแนวทางหรืออุดมการณ์ ที่อ.นิธิ พี่สุชาดา
ร่วมถึงเอ็นจีโอที่ร่วมก่อตั้งได้สร้างขึ้นมาในช่วงก่อตั้ง
ผมจึงไม่เห็นว่าจะขอทุนแบบเอ็นจีโอ หรือจะหาเลี้ยงแบบธุรกิจ
หรือเปิดรับสมาชิก ขายของที่ระลึก อย่างที่ประชาไททำมันจะเสียหายตรงไหน
สาม ที่คุณสุชาดาอ้างว่า ชอบอ้างอ.นิธิ เพื่อเพิ่มราคา ผมก็ว่าไม่แฟร์
การอ้างอ.นิธิหากมองในสายตาของคนอีกมุมหนึ่งอาจจะเป็นการดิสเครดิตตัวเองก็
ได้ เพราะผมก็คิดว่าคนอีกส่วนหนึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะชื่นชมแก แถมด่าอีกต่างหาก
แต่หากมองด้วยความใจกว้าง และด้วยความรับผิดชอบ
เราไม่ควรจะปฏิเสธสิ่งที่อาจารย์นิธิ รวมถึงพี่สุชาดาเคยทำมา
ซึ่งในอดีตยุคหนึ่งมันก็ได้สร้างอะไรบางอย่าง (ดี-เลว อีกเรื่องนึง)
หรือถ้ากลับมามองในตอนนี้ในมุมพี่สุชาดาเองก็อาจจะเป็นความผิดพลาด
เป็นความเฮงซวยอย่างที่พี่ได้พูดมาก็ได้ใช่ไหมครับ ฉะนั้นจะปฏิเสธไปทำไม
และในมุมของสำนักข่าวผมก็คิดว่าเขาไม่ได้อ้างเพื่อสร้างเครดิตอย่างที่พี่
ว่า
แต่อ้างเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่งในการทำความเข้าใจสำนักข่าวประชาธรรมในบริบท
ของความเป็นมา
(คือหากจะเข้าใจประชาธรรมแล้วไม่อ้างสิ่งเหล่านี้จะเข้าใจมันได้อย่างไรละ
ครับ) และตอนนี้ อาจจะไม่ได้เดินตามไอเดียของอ.นิธิแล้ว
ก็เป็นได้ก็ควรเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันว่ามันผิดพลาดอย่างไร
ไม่ใช่ทำประหนึ่งว่าอาจารย์นิธิเป็นพระเจ้า
สี่ ส่วนข้อหนึ่ง ผมเห็นด้วยว่าไม่ควรคิดถึงพื้นที่แนวระนาบเพียงเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่า หนึ่ง เราก็ควรจะนึกถึงกลุ่มคนอ่าน
แน่นอนว่าเป็นเอ็นจีโอส่วนใหญ่
และแน่นอช่วงหนึ่งก็ถูกมองว่าเป็นคล้ายพีอาร์ให้กับพวกนี้เป็นส่วนใหญ่
แต่อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้น ว่าถ้าลองอ่านดูในช่วงห้าปีหลัง มีข่าวบทความ
ที่ตั้งคำถามกับการเอ็นจีโอเยอะมาก เช่น ซีรีย์
ทบทวนการเคลื่อนไหวภาคประชาชน เป็นต้น อย่างที่บอกต้องกลับไปอ่านดูบ้างครับ
นอกจากนี้ประเด็นข่าวในช่วงหลังก็มีการออกมานอกพื้นที่เอ็นจีโอมาก
และพยายามโยงกับการเมืองภาพใหญ่ด้วย เช่น ซีรีย์สัมภาษณ์คนเสื้อแดง
เรื่องเมือง ที่ไม่ได้ต่อมาจากเอ็นจีโอด้วยซ้ำไป เป็นต้น
ดังนั้นปัญหาที่คิดต่อจากที่พี่พูดมา คือ
จะทำอย่างไรให้สื่อมันสื่อสารในแนวดิ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยาก
และคงต้องมาออกแบบ
ห้า ข้อหา ผมเห็นด้วย และไม่ปฏิเสธว่าไม่มีจริง
ซึ่งผมก็สัมผัสมากับตัว แต่การเหมารวมสื่อทางเลือกต้องเป็นแบบนี้
มันไม่เมคเซ้นส์ และไม่มีสิ่งที่มายืนยันเป็นรูปธรรม
หก ข้อหก เหตุผลเหมือนข้อห้า และขอเสริมว่า
ไม่มีใครเป็นอิสระหรือปราศจากพันธนาการใดๆทางสังคมทั้งสิ้น
(นอกจากจะตายไปเท่านั้น) ดังนั้น เราจึงควรรู้ว่าเราจะทำอะไร
เลือกที่จะเป็นแบบไหน ใช่ไหมครับ
และแน่นอนว่าเราต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เราทำด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น