แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ข่าวเก่าเล่าใหม่ หึ่ง!โรงพักหมื่นล้านหวานคอเทือก

ที่มา Thai E-News



หึ่ง!เทือกคุมโปรเจ็กต์กู้หมื่นล้านสร้างโรงพัก-แฟลตตร. ตะลึงเปิดช่องงาบผลประโยชน์ก้อนโต


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
19 ธันวาคม 2552
*ข่าวต่อเนื่อง:อย่าปล่อยโปรเจ็กต์หมื่นล้านหวานคอเทือก


*โปรเจ็กต์หมื่นล้านในมือเทพเทือก กำหนดดึงอำนาจมาคุมไว้ที่ส่วนกลาง



กระตุ้นเศรษฐกิจใคร?-โครงการก่อสร้างโรงพักและแฟลตตำรวจ หมื่นล้านที่สตช.เสนอนายกฯอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯเป็นผู้อนุมัติให้ประมูลหนเดียว ผูกขาดรับเหมาก่อสร้างทั่วประเทศ ทำให้มีข้อกังขาว่าเปิดช่องให้นักการเมืองคอรัปชั่น


*เทพเทือกผุดแฟลตตร.-โรงพักหมื่นล้าน พิลึกกู้มาสร้าง แต่ขอเก่ายังใช้งานได้ไม่ให้รื้อ

นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ และแฟลตตำรวจทั่วประเทศในวงเงิน10,007.88ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณจากเงินกู้ อ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนายสุเทพได้ระบุในการอนุมัติว่า
"
ให้กำชับห้ามรื้อทุบทิ้งอาคารเดิม ให้เก็บไว้เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป เพราะในอนาคตของบฯสร้างใหม่ยาก"

*โปรเจ็คต์หมื่นล้านภายใต้เงื้อมมือของเทพเทือกส่อไม่โปร่งใส
โครงการ ก่อสร้าง1หมื่นล้านบาทในเงื้อมมือนายสุเทพนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า นำไปสู่การตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใส เนื่องจากการจัดซื้อจัดจ้างกันด้วยวงเงินสูงเกินปกติจากส่วนกลาง ทำเป็นสัญญาเดียวทั่วประเทศ โดยความร่วมมือของสำนักงบประมาณ ชงลูกเป็นงบประมาณผูกพันหลายปีงบประมาณ เพื่อให้หน่วยงานอ้างว่าจะต้องจ้างรวมรายเดียว สัญญาเดียวทั่วประเทศ

โครงการ ที่นายสุเทพอนุมัตินี้ อ้างว่าเป็นการโครงการก่อสร้างกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบด้วยการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนทั่วประเทศ 396 แห่ง วงเงิน6,298 ล้านบาท และการสร้างแฟลตตำรวจขนาด 30 ครอบครัว 163 แห่ง วงเงิน 3,709.88 ล้านบาท

ทั้งที่นายสุเทพ ได้อนุมัติให้ สตช.ทำการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้าง งานสองโครงการข้างต้นโดยวิธีประมูลทางอิเล็คทรอนิกส์ แบบโครงการเดียว ทุกสถานที่ก่อสร้างทั่วประเทศให้หน่วยงานหนึ่งของสตช.จัดจ้างทุกอาคารรวมกัน ในครั้งเดียว ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายสุเทพอาจจะมีเจตนารวบอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง และมีการกล่าวหาว่าโครงการเช่นนี้อาจจะเปิดช่องให้มีการแสวงหาผลประโยชน์ ส่วนลดจากผู้รับเหมารายใหญ่ได้ง่ายขึ้น

วงการรับเหมาก่อสร้างได้ กล่าวหาว่า ราคากลางโครงการก่อสร้างแฟลตตำรวจทั่วประเทศ ได้ตั้งไว้สูงกว่าราคากลางที่ผู้รับเหมาทำอยู่ปัจจุบัน 20 % จึงน่าสงสัยว่าอาจจะเป็นเจตนาแอบแฝงที่สำนักงบประมาณรวมกับ สตช. และนายสุเทพ วางแผนไว้ หรือ ไม่ ? เนื่องจากการก่อสร้างสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่งทั่วประเทศ และสร้างอาคารแฟลต 30 ครอบครัว ที่อยู่กระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ นั้นไม่มีผู้รับเหมารายหนึ่งรายใดทำได้แน่นอน เพราะต้องใช้กำลังมหาศาล ในทางปฏิบัติ จึงต้องจ้างเหมาช่วงแก่ผู้รับเหมาช่วงในพื้นที่ เป็นทอดๆ กันไป โดยผู้รับเหมาที่ถือสัญญาชนะประมูลได้ก็คงจะเอาเปรียบสารพัด ผู้รับเหมารายย่อยมีโอกาสล้มละลายสูง เพราะถูกโกงกันเป็นทอดๆ

ดังนั้นจึงน่าตั้งข้อสงสัยว่า ประการแรก หาก นายสุเทพแทงหนังสืออนุมัติว่า อาคารเก่ายังใช้งานได้ให้เก็บไว้ใช้งาน แล้วทำไมต้องกู้เงินมาทำโครงการถึง 10,000 ล้านบาทอีกให้ประเทศไทยแบกภาระหนี้

ประการที่สอง การ อ้างว่า กู้เงินมาทำโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น เจตนาการรวบอำนาจอนุมัติไว้ที่ส่วนกลาง และเจตนาจะป้อนงานให้ผู้รับเหมารายเดียว จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างไร นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจบริษัทรับเหมายักษ์ใหญ่ นายทุนของพรรคประชาธิปัตย์ และกระตุ้นเศรษฐกิจของนักการเมืองที่คุมโครงการ

ดังนั้น สังคมจึงควรต้องตรวจสอบโครงการนี้ให้รอบคอบ และเฝ้าระวัง เพราะตัวโครงการเองก็ส่อไปในทางเปิดช่องให้มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงได้ง่าย แล้ว

*******

วันพุธ, ธันวาคม 23, 2552

อย่าปล่อยโปรเจ็กต์10,000ล้านหวานคอเทือก



กระตุ้นเศรษฐกิจใคร?-โครงการก่อสร้างโรงพักและแฟลต ตำรวจ10,000ล้านบาท ที่สตช.เสนอนายกฯอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯเป็นผู้อนุมัติให้ประมูลหนเดียว ผูกขาดรับเหมาก่อสร้างทั่วประเทศ ทำให้มีข้อกังขาว่าเปิดช่องให้นักการเมืองคอรัปชั่น


โดย Terminator 09
23 ธันวาคม 2552

หึ่ง!เทพเทือกคุมโปรเจ็กต์10,000ล้าน สร้างโรงพัก-แฟลตตำรวจทั้งประเทศ รวบอำนาจกลับสู่เงื้อมมือสะท้อนผลประโยชน์ก้อนโตแฝง ทั้งที่กู้เงินมาอ้างกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เปิดช่องยกโครงการให้ผู้รับเหมาขาใหญ่รายเดียว แทนที่จะกระจายรายได้ไปถึงผู้รับเหมารายย่อยทั้งประเทศ แนะฟ้องศาลปกครองยุติหนทางงาบ ปลุกผู้รับเหมารายย่อย-รายกลางทั่วประเทศฮือต้าน


ตามที่ไทยอีนิวส์นำเสนอข่าว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ และแฟลตตำรวจทั่วประเทศในวงเงิน10,007.88ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณจากเงินกู้ อ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยวิธีการประกวดราคาทางอีเล็กทรอนิกส์ สัญญาเดียวทุกอาคาร ที่ส่วนกลาง ( อ่านข่าว:หึ่ง!เทือกคุมโปรเจ็กต์กู้หมื่นล้านสร้างโรงพัก-แฟลตตร. ตะลึงเปิดช่องงาบผลประโยชน์ก้อนโต )นั้น ขอนำเสนอข้อเท็จจริง และข้อสังเกตเพิ่มเติม ดังนี้

1. ในสมัยอดีตรัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้มีการกระจายอำนาจการจัดซื้อจัดจ้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไปยังส่วนภูมิภาค เป็นงบผู้ว่าซีอีโอ เป็นการกระจายอำนาจจากส่วนกลางสู่ส่วนภูมิภาค ผู้รับเหมาในจังหวัดมีโอกาสได้รับงาน ของแต่ละจังหวัด ทำให้เกิดการจ้างในท้องถิ่น สะดวกและรวดเร็วในการทำงาน การแก้ปัญหาจบที่ผู้ว่าราชการจังหวัด

แต่โครงการของนายสุเทพ มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารจัดการงบประมาณของ สตช. และหน่วยงานราชการหลายแห่ง เปลี่ยนกลับมาเป็นการรวมศูนย์ มากขึ้นเป็นลำดับ ว่ากันเป็นก้อนใหญ่ๆ โตๆ เพื่อรายใหญ่ในเมืองกรุง อำนาจอยู่ที่ รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อย่างนี้เรียกว่าระบบอำมาตย์นิยมใช่หรือไม่ ?

2. งานก่อสร้างอาคารสถานีตำรวจ, บ้านพักอาศัย แฟลต เป็นการจัดจ้างเหมาก่อสร้าง อาคารที่กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ทั่วประเทศ อุตสาหกรรมก่อสร้าง จะเกิดขึ้นคล้ายโรงงานเล็กๆ ทั่วประเทศ ข้อเท็จจริงไม่อาจดำเนินการโดยผู้รับเหมารายเดียวได้

ไม่ใช่การจัด ซื้อครุภัณฑ์ ที่การจัดซื้อจำนวนวนมากๆ ซึ่งผลิตจากโรงงานแห่งเดียวกัน สามารถทำได้ในส่วนกลาง และอาจจัดซื้อได้ในราคาถูก ถ้าซื้อจำนวนมากๆ

การกล่าวอ้างให้เหตุผลเพื่อการจัดจ้างแบบรวมศูนย์จึงเป็นเรื่องเอาสีข้างเข้าถู ล้วนๆ

3. เมื่อประมาณ ปี 2537-2540 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เคยดำเนินการในลักษณะอย่างนี้มาแล้วกับโครงการก่อสร้างอาคารโรงรมยาง ทั่วประเทศ ของกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จำนวน 1,500 แห่ง โดยทำสัญญาเดียวทุกอาคารทั่วประเทศ กับบริษัทก่อสร้าง แห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่ อำเภอตันหยงมัส นราธิวาส อาคารโรงรมยางมูลค่าก่อสร้าง แห่งละ 3.7 ล้าน

ในการดำเนินการก่อสร้างมีการจ้างตัดตอน เป็นช่วงๆ หลายช่วง ผลลัพธ์คือ

-งาน ก่อสร้างล่าช้า ไม่แล้วเสร็จตามสัญญา เนื่องจากผู้รับจ้างตอนสุดท้าย เป็นเพียงผู้รับเหมารายแล็กๆ ในพื้นที่ ก่อสร้าง และได้ราคาที่ต่ำมากๆ จนทำไม่ได้

-โรงรมยางที่ตรวจรับกันมาใช้งานไม่ได้ตามวัตถุประสงค์ จำนวนมากมายถูกทิ้งร้างอยู่ทั่วประเทศ โดยนายสุเทพลอยนวล ประเทศชาติเสียหายหลายพันล้านบาท สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินออกมาให้ข่าวเล็กน้อยและเงียบหายไป

-ผู้รับเหมาที่ถือสัญญา ต่อมาก็เลิกกิจการเ พราะขาดทุนหนักจากค่าปรับตามสัญญา ผู้รับเหมาช่วงขาดทุนกันเป็นระนาว

ตัวอย่าง ความล้มเหลวของการบริหารจัดการ ของการจัดจ้างแบบรวมศูนย์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จัดจ้างผู้รับเหมารายเดียวทำทั้งจังหวัด ปรากฏให้เห็นหลายจังหวัด งานก็ไม่แล้วเสร็จตามสัญญา ผู้รับเหมาถูกปรับจนล้มละลาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหายยับ ก็ยังทำแล้วทำอีก

4. การดำเนินการจัดจ้าง สัญญาเดียว ทุกอาคารและทุกสถานที่ ทั่วประเทศ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และสำนักงบประมาณ จะเป็นการทุบหม้อข้าวของผู้รับเหมารายขนาดกลางในต่างจังหวัด ทั้งประเทศ เป็นการก่อวินาศกรรมบ่อนทำลายเศรษฐกิจการรับเหมาทั่วประเทศ เนื่องจากโครงการในลักษณะสถานีตำรวจทดแทน หรือบ้านพักแฟลตตำรวจ เป็นโครงการที่มีเจตนาทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั่วประเทศ พร้อมๆกัน ด้วยเม็ดเงินจำนวนมากเป็น หมื่นล้านบาท ต่อเนื่องสามปี ถึงปี 2554 แต่อาคารมีมูลค่าประมาณ 10-20 ล้านบาท ซึ่งจะเหมาะกับการประกอบการของผู้รับเหมาขนาดกลาง ในต่างจังหวัด ให้มีงานทำต่อเนื่องได้ 2-3 ปี ในระหว่างที่เศรษฐกิจถดถอย การลงทุนภาครัฐเป็นแหล่งรายได้เดียวที่มั่นคงของผู้รับเหมา

เมื่อไม่มีงานทำจะเกิดหนี้เสียของผู้ประกอบการรับเหมาอาจล้มเป็นโดมิโน ในระบบเศรษฐกิจตามมาในที่สุด

5. การกระทำของนายสุเทพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงบประมาณ มีเจตนาแอบแฝง สวนทางกับแนวนโยบายของรัฐบาลที่ปรากฏต่อสาธารณชน คำโฆษณาประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานรัฐ ทุกแห่ง เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ อย่างไม่คำนึงถึงประเทศชาติแต่อย่างใด คิดแต่เรื่องผลประโยชน์แอบแฝงของตนเอง และกลุ่มเป็นที่ตั้ง บนความเสียหายของผู้อื่น และประเทศชาติ

6. ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ประกอบการเกือบทุกสาขา ประสบปัญหาอย่างหนักและต่อเนื่องจากเหตุการณ์ก่อการร้าย รัฐบาลทุกรัฐบาลพยายามประคับประคองให้ผู้ประกอบการพออยู่ได้ โดยออกมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนเป็นกรณีพิเศษ กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกิจการรับเหมาก่อสร้าง อาทิเช่น มาตรการเพิ่มเงิน 5% ของราคากลาง. การต่อสัญญาจ้างให้โดยไม่ต้องเสียค่าปรับ เป็นกรณีพิเศษ สำหรับงานในสามจังหวัด , การจัดจ้าง โดยวิธีพิเศษ นายสุเทพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับกระทำการสวนทาง กับนโยบายและเจตนารมณ์ของคณะรัฐมนตรี อย่างน่าละอาย หรือ รัฐบาลนี้เข้าทำอย่าง พูดอย่าง

7. ถ้าโครงการนี้ยังเดินหน้าต่อไปตามแผนของนายสุเทพ และสตช. แสดงว่าบ้านเมืองของเรานี้หมดหวังกับระบบตรวจสอบ และระบบตุลาการแล้ว

จึง ขอเรียกร้องให้ผู้รับเหมาทั่วประเทศร่วมตัวกันคัดค้านโครงการนี้ของพรรคประ ชาธิปัตย์ และ ระบบ อำมาตย์นิยม ในการเลือกตั้งครั้งหน้าและครั้งต่อๆไป ไม่ให้พรรคการเมืองแบบนี้มาผุดเกิดในสังคมไทยอีกต่อไป นอกจากนั้นนักกฎหมายก็ต้องพยายามหาช่องทางฟ้องร้องการปฏิบัติหน้าที่ของ รัฐบาลแบบไม่ชอบอย่างนี้ ต่อศาลปกครองด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น