วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 (go6TV) จากกรณีที่ทางการกัมพูชาได้ประกาศพระราชกำหนดพระราชทานอภัยโทษให้แก่
น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์
หนึ่งในคนไทยที่ถูกกัมพูชาจับกุมตัวในข้อหาบุกรุกแผ่นดินในช่วงปลายปี 2553 และถูกจำคุกที่เรือนจำเปรซอร์ ประเทศกัมพูชาเป็นเวลานานกว่า 2 ปี โดย น.ส.ราตรีได้เดินทางกลับถึงเมืองไทยในช่วงค่ำของวันศุกร์ที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ)
สื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการได้ออกมาให้ความเห็นถึงกรณีดังกล่าวโดยระบุว่า
ตนเห็นว่าคุณราตรีไม่ใช่นักโทษการเมืองธรรมดา แต่เป็นผู้ที่เสียสละและประกอบคุณงามความดีระดับวีรสตรีของชาติ
“ผมติดตามข่าวที่คุณราตรีได้รับการปล่อยตัวกลับเมืองไทย
โดยเฉพาะเมื่อมีคำถามจากคุณฐปนีย์ (เอียดศรีไชย)
ช่องสามยื่นไมค์ไปสัมภาษณ์เธอตอนที่กลับมาว่า ‘ทำไมถึงไม่ได้รับการปล่อยตัวออกมาพร้อมกับคนไทยชุดแรก’
เมื่อฟังแล้วรู้สึกสะท้อนใจมาก
ไม่อยากให้คุณราตรีที่กลับมาเมืองไทยได้แล้ว
และคุณวีระที่ยังติดคุกเขมรอยู่ต้องติดคุกฟรีๆ และทุกอย่างก็เลือนหายไป
“ผมอยากให้คนไทยจดจำคุณราตรีในฐานะวีรสตรีของชาติ
คุณงามความดีและความเสียสละของเธอที่มีต่อชาติไทยไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าวีรสตรีใดๆ
ในประวัติศาสตร์ที่เราเรียนมาเลยนะครับ
เมื่อเทียบกับนักกีฬาหญิงที่ได้เหรียญทองของไทยแล้วก็ยังต้องยกนิ้วให้เธอ” นายจิตตถาถกล่าว
ผู้บริหารสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการกล่าวต่อว่า
คนไทยส่วนใหญ่คงทราบข่าวการถูกจำคุกของ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี
จากการโดยทหารกัมพูชาจับตัว 29 ธันวาคม 2553 ทั้งๆ ที่ยืนอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ทว่า
คนไทยหลายคนคงจะไม่เข้าใจเช่นเดียวกับที่คุณฐปนีย์ นักข่าวช่อง 3 ว่าทำไมเธอกับคุณวีระไม่ได้รับการปล่อยตัวกลับมาพร้อมกับ นายพนิช
วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในเวลานั้น และ ร.ท.แซมดิน เลิศบุศย์
จากสันติอโศกที่ไปด้วยกัน นั่นก็เพราะ น.ส.ราตรีและนายวีระ
ยอมเอาชีวิตและอิสรภาพเข้าแลก เพื่อยืนยันว่าพวกตนถูกจับตัวในพื้นที่ประเทศไทย
ไม่ได้ถูกจับในพื้นที่เขมร ดังที่เขมรกล่าวอ้าง
“เรื่อง
ที่ทุเรศที่สุดนายกสมัยนั้นคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง
พากับรับลูกเขมรขายคนไทยด้วยกันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย
คุณราตรีปฏิเสธที่จะยอมรับข้อหาจากฝ่ายเขมรและขอพระราชทานอภัยโทษจาก
กษัตริย์เขมร
และทำให้เธอต้องสิ้นอิสรภาพอยู่ในคุกเขมรราวสองปี
ขณะที่คุณวีระก็ยังติดอยู่ที่นั่น” นายจิตตนาถกล่าว และว่า
“สำหรับ
เรือโทแซมดินที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกับคุณราตรีและวีระนั้นได้ทำเรื่อง
เพื่อกลับมาประสานงานให้ทั้งสองคนจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะได้มีการพูด
คุยกันแล้วถึงหน้าที่ของแต่ละคน
แต่ที่น่าตลกและไม่อยากให้คนไทยลืมก็คือเขมรยัดข้อหาให้ทั้งสองคนเป็นสปาย
ทั้งๆ ที่คุณวีระและราตรีเป็นแค่ประชาชนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง แต่กับกรณีของนายพนิชที่มีตำแหน่งเป็นถึง
ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รัฐบาลในขณะนั้น ที่เบื้องหลังก็คือนายอภิสิทธิ์ส่งไป
ซึ่งน่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของเขมรมากกว่ากลับได้รับการปล่อยตัวกลับมา”
ต่อมานายจิตตนาถ ได้กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนจากช่อง 3 คือ น.ส.ฐปณีย์ ซึ่งในวันศุกร์ (1) ถาม
น.ส.ราตรีว่า ครั้งก่อนมีโอกาสได้รับการปล่อยตัวพร้อมกับ 5
คนไทย แค่ทำไมเลือกที่จะไม่ออกมา น.ส.ราตรีจึงตอบกลับว่า
รู้ได้อย่างไรว่าจะถูกปล่อยตัวเหมือนอีก 5 คน
สิ่งที่ตนยืนยันต่อสู้มาตลอด คือ ไม่ได้ทำผิดหรือรุกล้ำแผ่นดินกัมพูชา
และแนะนำว่านักข่าวจากช่อง 3 แทนที่จะถาม น.ส.ราตรีอย่างนั้น
ควรจะไปทำสกู๊ปเพื่อค้นหาเบื้องหน้า-เบื้องหลังของเหตุการณ์ดังกล่าวมากกว่า
“ผมหวังว่าคุณฐปณีย์
ซึ่งเป็นสื่อมวลชนเหมือนกันและเกือบจากซวยเพราะไปทำท่าทางไม่เหมาะสมที่เขมรมาครั้งหนึ่งจะได้หายโง่เสียที
(กรณีวางภาพสมเด็จนโรดมสีหนุ
อดีตกษัตริย์กัมพูชาไว้บนพื้นใกล้กับเท้าตัวเองเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 55) และอยากให้เธอไปทำสกู๊ปเพิ่มด้วยว่าคุณราตรีและคุณวีระโดนรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์สมัยนั้นหลอกให้ไปติดคุกหรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น