ฝ่ายค้านเสนอตัดลดวงเงินกู้
ตามร่างพระราชบัญญัติกู้เงิน 2 ล้านล้าน เหลือเพียง 2 แสนล้านบาท
พร้อมตีกรอบไม่ให้รัฐบาลใช้เงินกู้ นอกเหนือจากโครงการที่เห็นชอบจากสภา
เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ
ด้านรัฐบาลยืนยันการใช้เงินกู้ต้องเดินตามแผนแม่บทเท่านั้น
ที่ประชุมกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระ
ราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
ด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท
เริ่มแปรญัตติร่างกฎหมายเป็นวันแรก โดยกรรมาธิการซีกฝ่ายค้าน
นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน เสนอแปรญัตติ ตัดลดวงเงินกู้ 2
ล้านล้านบาท ให้เหลือเพียง 2 แสนล้านบาทเท่านั้น
เนื่องจากมีโครงการที่มีความพร้อมและมีรายละเอียดโครงการชัดเจนเพียงเท่านี้
นอกจากนี้ ผู้นำฝ่ายค้าน
ยังเสนอแปรญัตติให้ระบุเนื้อหาในร่างพระราชบัญญัติให้ชัดเจนว่า
โครงการที่จะใช้เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท
ต้องเป็นโครงการที่รัฐบาลแนบรายละเอียดส่งรัฐสภาเท่านั้น
ป้องกันไม่ให้รัฐบาลนำเงินกู้ไปใช้ลงทุนอะไรก็ได้นอกเหนือจากโครงการที่
รัฐสภาเห็นชอบ
ผู้นำฝ่ายค้านยังเห็นด้วยว่าการวางแผนลงทุน
ด้านโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว 7 ปี โดยใช้เงิน 2 ล้านล้านบาทนั้น
เฉลี่ยแล้วหากใช้วิธีการตามระบบงบประมาณปกติ ก็ใช้เงินเพียง 3-4
แสนล้านต่อปี ซึ่งแปลว่ารัฐบาลสามารถลงทุนโครงสร้างพื้นฐานได้
โดยใช้วิธีการงบประมาณปกติ และไม่จำเป็นต้องกู้เงิน
อีกทั้งการออกกฎหมายกู้เงิน
ยังเปิดช่องให้รัฐบาลใช้เงินได้โดยไม่ผ่านการตรวจสอบจากรัฐสภาอีกด้วย
ขณะที่นายวราเทพ รัตนากร
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ
เห็นว่าไม่จำเป็นต้องระบุข้อเสนอของผู้นำฝ่ายค้านในร่างกฎหมาย
เพราะร่างพระราชบัญญัติ ผ่านการตรวจสอบชั้นต้น จากสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว
และเมื่อถึงขั้นตอนการบริหารงบประมาณ
รัฐบาลก็ต้องตรวจสอบการใช้งบประมาณของหน่วยงานเจ้าของโครงการอีกที
โดย ยืนยันว่าการออกกฎหมายกู้เงินนี้
รัฐบาลจะใช้จ่ายงบประมาณอย่างระมัดระวัง
และหากจะเปลี่ยนไปใช้งบประมาณตามระบบงบประมาณปกติ
เกรงว่าการเดินหน้าโครงการจะไม่ต่อเนื่อง หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล
ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองคณะกรรมธิการฯ
ยืนยันว่า รัฐบาลไม่สามารถนำเงินกู้ไปลงทุนด้านอื่นๆ
นอกเหนือจากโครงการที่แนบท้ายร่างพระราชบัญญัติได้ โดยโครงการต่างๆ
ที่รัฐบาลลงทุนต้องเป็นไปตามแผนแม่บทที่กำหนดไว้
ส่วนบางโครงการที่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน
นั้น นายจาตุรนต์ ชี้แจงว่า โครงการนั้น ๆ จะลงทุนในอีกหลายปีข้างหน้า
ตอนนี้จึงยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน
แตกต่างจากการออกพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ที่สามารถระบุรายละเอียดการใช้งบประมาณได้ชัดเจนกว่า
อย่างไรก็ตามโครงการที่รายละเอียดยังไม่ชัดเจน
ก็ยังต้องรออนุมัติโครงการอีก
และต้องมีการตรวจสอบโครงการก่อนการลงทุนอย่างแน่นอน
by
Siriwan
6 มิถุนายน 2556 เวลา 15:46 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น