วันที่ 6 มิ.ย.56 ชมรมแพทย์ชนบทเผยแพร่เอกสาร
‘เหตุผลที่เครือข่ายเพื่อความเป็นธรรมในระบบสุขภาพขอให้นายกรัฐมนตรี ปลด
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข’
ในการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มแพทย์ชนบท นำโดย นพ.เกรียงศักดิ์
วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท
จากปัญหาความขัดแย้งประเด็นการจ่ายค่าตอบแทนตามภาระงาน (P4P) กับ
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข (สธ.) โดยมีนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นคนกลางในการเจรจาหาทางออก วันนี้ (6 มิ.ย.56)
เอกสารดังกล่าวมีรายละเอียด ดังนี้
เหตุผลที่เครือข่ายเพื่อความเป็นธรรมในระบบสุขภาพขอให้นายกรัฐมนตรี
ปลด นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
1.ไม่มีความสามารถและประสบการณ์ในการบริหารภาครัฐ
บริหารกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่ตนเองดูแลเป็นบริษัทส่วนตัว
สั่งการตามอำเภอใจ ทำให้เกิดปัญหาและความเสียหายมากมาย
ตัวอย่างสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า เป็นการบริหารตามอำเภอใจก็เช่น
การมีนโยบายสั่งการบังคับให้โรงพยาบาลทุกแห่งทำ P4P
และลดและเลิกระบบแรงจูงใจเดิมในการทำให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานในชนบทอย่าง
เช่นมาตรการเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย คิดว่าข้าราชการเป็นเหมือนพนักงานบริษัท
บังคับให้ทำก็ต้องทำ ทำให้เกิดแรงต้านอย่างกว้างขวาง
2.กรณีของนโยบาย P4P นั้น เป็นการนำแนวทาง P4P มาใช้อย่างผิดๆ
ไม่มีความเข้าใจต่อเรื่อง P4P อย่างแท้จริง
ไม่มีการเตรียมการและไม่มีการศึกษาผลดีผลเสียอย่างถ่องแท้แล้วจึงมาดำเนิน
การ
เมื่อนำมาดำเนินการแล้วเกิดแรงต้านคัดค้านกว้างขวางทั่วประเทศก็ยังดันทุรัง
เดินหน้า ไม่คิดจะทบทวนยอมรับผิด แนวคิด P4P ที่สำคัญคือต้อง win win win
กล่าวคือ ผู้ป่วยได้ วิชาชีพสุขภาพได้ และองค์กรก็ได้ประโยชน์
แต่กรณีกลับตรงกันข้าม ไม่มีใครได้ มีผลเสียมากกว่าผลดี และที่สำคัญ
สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขผลักดันนั้นไม่ใช่ P4P แต่เป็น workpoint
ซึ่งไม่สามารถนำมาทดแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายได้ คนละหลักการกัน
แต่กระทรวงนำมาปะปนกันจนเลอะเทอะ และหากมีการนำ P4P มาใช้ในโรงพยาบาลชุมชน
ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในชนบทจะรุนแรงขึ้น
นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะได้รับความเสียหาย
เป็นการทำลายระบบสุขภาพที่สำคัญยิ่งโดยเฉพาะในเขตชนบท
3.เมื่อเกิดแรงค้าน
อารยะขัดขืนจากโรงพยาบาลชุมชนเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศ แทนที่
รมต.ประดิษฐจะตรวจสอบนโยบายตนเอง
ตรวจสอบแนวปฏิบัติในนโยบายที่มีปัญหามากมาย ทำหน้าที่หาทางออก
สร้างการมีส่วนร่วม
ชวนผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุยอย่างเป็นมิตรอย่างพี่อย่างน้อง
(ไม่ใช่อย่างเจ้านายลูกน้อง) รมต.ประดิษฐ กลับทำในสิ่งที่ตรงข้ามคือ
สั่งการให้มีการจัดเวทีชี้แจง P4P ทั่วประเทศแบบชี้แจงฝ่ายเดียว
เสี้ยมหรือส่งสัญญาณให้เกิดการชนกันระหว่างโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป
กับโรงพยาบาลชุมชน ซึ่งเป็นสิ่งที่แย่มาก
ทั้งๆที่ชมรมแพทย์ชนบทก็พูดไว้ชัดเจนแล้วว่า ข้อเสนอคือหนึ่งกระทรวงสองระบบ
รพศ./รพท.ก็ทำ P4P ไป ส่วน รพช.ขอกลับไปใช้เบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายเหมือนเดิม
แต่ รมต.ประดิษฐ ปลัดณรงค์ และรองปลัดสุพรรณ
กลับจงใจเจตนาทำให้เกิดการเข้าใจผิดและผิดใจกันระหว่าง รพศ./รพท.กับ
โรงพยาบาลชุมชน
ทำให้ระบบส่งต่อผู้ป่วยที่เดิมเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมีปัญหาและความ
แตกแยกมากขึ้น ผู้ป่วยคือคนที่รับเคราะห์กรรม
4.กรณีองค์การเภสัชกรรม
ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่ประสบความสำเร็จสูงยิ่ง ในปี 2550
ที่คุณหมอวิทิต อรรถเวชกุล เข้ามาเป็นผู้อำนวยการนั้นมียอดขายปีละ 5,449
ล้านบาท และเพิ่มปีละนับพันล้านจนปี 2554 เพิ่มขึ้นมาเป็น 11,455 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้น 2 เท่าในเวลาเพียง 5 ปี การที่บอร์ดสั่งปลดคุณหมอวิทิต
อรรถเวชกุล ซึ่งเป็นคนดี
มีประสิทธิภาพนั้นสะท้อนชัดเจนว่าองค์กรเภสัชกรรมกำลังโดนแทรกแซง
เพราะผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมคือคุณหมอวิทิต อรรถเวชกุล
อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านแพ้ว
เป็นคนเก่งบริหารที่ซื่อตรงและไม่สยบยอมต่อคนคด
ปฏิบัติการจึงเริ่มด้วยการที่รัฐมนตรีประดิษฐสั่งตรงให้ นายกมล บันไดเพชร
เลขานุการ รมว.สาธารณสุข แจ้งความส่งเรื่องไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (
ดีเอสไอ)
เพื่อสอบสวนข้อมูลโรงงานวัคซีนสร้างล่าช้าและวัตถุดิบยาพาราเซตามอล
เพื่อดิสเครดิตคุณหมอวิทิต และหาเหตุปลดให้ได้
การปลดคุณหมอวิทิตอย่างไม่เป็นธรรม
คือฟางเส้นท้ายๆที่สะท้อนความไม่มีธรรมาภิบาลของ รมต.ประดิษฐ
5.กรณี สปสช. ได้ถูกแทรกแซง โดย รมต.ประดิษฐมีการบังคับให้ นพ.วินัย
สวัสดิวร เป็นผู้ขอตั้งรองเลขาธิการเพิ่มเองอีก 2 ตำแหน่ง
เพื่อเอาคนขอตนเข้าไปเสียบ เพราะเดิมรองเลขาธิการที่มีอยู่แล้วทั้ง 3
ตำแหน่งนั้นการเมืองสั่งซ้ายหันขวาหันไม่ได้
เมื่อบีบจนหมอวินัยหน้าเขียวจนยอมทำตามที่การเมืองขอ
รมต.ประดิษฐก็ส่งคนของตนเข้ามา เป็นรองเลขาธิการ 2 คน แต่งตัวคอยท่า
รอเวลาขึ้นตำแหน่งเลขาธิการในอนาคต รองเลขาธิการใหม่หนึ่งในสองคนชื่อ
นพ.อรรถสิทธิ์ กาญจนสินิทธ์ อดีต สส.พรรคไทยรักไทยนั่นเอง
ที่แต่งตัวรอท่าจะได้ทำหน้าที่เลขาธิการ สปสช.คนต่อไป
6.การจัดซื้อเครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดกว่า 80,000 เครื่อง แจก
อสม.เพื่อให้ไปคัดกรองเบาหวานนั้น ก็มีกลิ่นผิดปกติ ส่อทุจริตหลายประการ
ทั้งในเรื่องของการจัดซื้อเครื่องซึ่งมีราคาแพง
แทนที่จะจัดซื้อแถบตรวจน้ำตาลแล้วแถมเครื่อง
ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ทำโดยทั่วไปและได้แถบในราคาที่ถูกกว่า
อีกทั้งจำนวนเครื่องที่มีเป้าหมายจัดซื้อ 80,000
เครื่องก็เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณอย่างมาก
ทั้งๆที่ความจริงอาจจัดซื้อเพิ่มเพียง 8,000
เครื่องก็อาจจะเพียงพอต่อการคัดกรองตามโครงการและตามหลักวิชาการ
รัฐมนตรีประดิษฐเป็นรัฐมนตรีที่ได้รับการต่อต้านมากที่สุดในประวัติ
ศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข ความแตกแยกในกระทรวงจะเพิ่มขึ้นหาก
รมต.ประดิษฐยังอยู่
ความไร้ประสิทธิภาพจากการสั่งการบังคับบัญชาไม่ได้จะเกิดขึ้นต่อไปจากวิกฤต
ศรัทธาต่อผู้นำองค์กร วันนี้น่าจะสามารถกล่าวอย่างเต็มปากว่า “30
บาทรักษาทุกโรค ทักษิณสร้าง ประดิษฐทำลาย” ขอให้นายกรัฐมนตรี
ได้เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
เพื่อการเดินต่อไปข้างหน้าได้ของระบบสุขภาพไทย
สงบศึกชั่วคราว ให้เยียวยา รพ.กระทบจาก P4P
ในวันเดียวกัน ไทยโพสต์
รายงานผลการการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มแพทย์ชนบท
หลังจากเคยมีการเจรจารอบแรกเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา
แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ในวันนี้ (6 มิ.ย.56) จึงมีการเจาจาอีกครั้งว่า
ในช่วงเช้ายังไม่สามารถตกลงกันได้ จนนายสุรนันท์ต้องสั่งหยุดพักการเจรจา
ให้แต่ละฝ่ายรับประทานอาหารกลางวันพร้อมพูดคุยในวงเล็ก
ก่อนจะมาแถลงข้อสรุปในเวลา 14.00 น. รวมใช้เวลาพูดคุยกว่า 4 ชั่วโมง
นายสุรนันทน์แถลงว่า ดีใจที่มีการคุยกัน ซึ่งคงไม่จบในวันเดียว
เพราะไม่ได้แค่เรื่องเงินอย่างเดียว แต่มีเรื่องศักดิ์ศรีอยู่ด้วย
ส่วนรายละเอียดอื่นขอให้ไปคุยนอกรอบ
เวทีนี้ยังเปิดอยู่หากจำเป็นก็ยินดีเปิดเวทีให้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม
ต่อจากนี้
นพ.ประดิษฐต้องไปทำงานต่อโดยคณะทำงานหรือคณะกรรมการแล้วมีตัวแทนจากทุกภาค
ส่วนมาคุยกันด้วยบรรยากาศแบบนี้ และมีการกำหนดระยะเวลา ซึ่งนายกฯ
ไม่อยากให้ใช้เวลานาน ซึ่งอะไรที่เยียวยา ชดเชย ทาง
รมว.สธ.จะไปดำเนินและมีการรายงานให้ ครม.รับทราบในการประชุมสัปดาห์หน้า
นพ.ประดิษฐกล่าวว่า ข้อสรุปจากการเจรจาในวันนี้จะมีการเสนอเข้า
ครม.ในสัปดาห์หน้า
ซึ่งทุกเห็นฝ่ายด้วยกับความสำคัญในการดึงบุคลากรให้อยู่ในชนบท
ผ่านมาตรการสำคัญคือด้านการเงิน
เพื่อลดความแตกต่างและความเหลื่อมล้ำรายได้บุคลากรทางการแพทย์ โดยในการทำ
P4P เป็นเรื่องที่ต้องมีบริบทการทำงานของแต่ในละพื้นที่
ในระดับสถานพยาบาลที่แตกต่างกัน
นพ.ประดิษฐ กล่าวด้วยว่า ได้พูดแต่ต้นแล้วว่าการทำ P4P
ต้องมีกติกากลางเพื่อให้แต่ละหน่วยงานทำร่วมกันได้
จึงมีข้อตกลงกันว่าจะมีการตั้งคณะทำงานประกอบด้วยแพทย์จาก รพ.ทุกระดับ
สัดส่วนแพทย์ชนบทอาจมากหน่อย มาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน
และระหว่างให้มีการเยียวยา
หน่วยบริการที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการและที่ไม่ได้ดำเนินการตาม
ระเบียบ P4P หวังว่าต่อจากนี้จะคุยกันด้วยเหตุผลพัฒนา P4P ที่มีประสิทธิภาพ
สอดคล้องกับแต่ละพื้นที่ โดยไม่มีทิฐิ
เผยตั้ง ดร.คณิต แสงสุพรรณ เป็นประธานออกระเบียบจ่ายค่าตอบแทนใหม่
ด้าน นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า
ประเด็นหลักคือเรื่องแรงจูงใจให้แพทย์ยังทำงานอยู่ในโรงพยาบาลชุมชน
โดยยึดหลักการในระเบียบการจ่ายเงินค่าตอบแทนฉบับที่ 4 และฉบับที่ 6
และใช้มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 มี.ค.2556
ให้มีการเยียวยาความเสียหายย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา
จนถึงวันที่จะสามารถออกระเบียบฉบับใหม่ในวันที่ 1 ต.ค.2556
ตามที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะกรรมการที่ประกอบไปด้วยตัวแทนโรงพยาบาล
ศูนย์/ทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชน โดยมี ดร.คณิต แสงสุพรรณ
ประธานอนุกรรมการการเงินการคลัง สปสช. เป็นประธานคณะ ทั้งนี้
ในส่วนของรายระเบียบการจ่ายเงินที่จะออกใหม่นั้นต้องเหมือนกับฉบับที่ 4 และ
6
“เรื่องระเบียบ P4P นั้น ทาง
สธ.เข้าใจว่าเกิดจากความไม่พร้อมของโรงพยาบาล
จึงได้สั่งให้ชะลอการบังคับใช้
ส่วนจะนำการจะนำกลับมาใช้ได้นั้นก็อยู่ที่ว่า
สธ.จะมีวิธีการทำให้โรงพยาบาลชุมชนใช้ในวันที่ 1 ต.ค. ได้อย่างไร
ส่วนจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อหรือไม่นั้นขอดูมติ
ครม.ในวันอังคารหน้าก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ถ้า ดร.คณิตมีความจริงใจ
รัฐบาลไม่หักหลังเรา ก็จะยุติการเคลื่อนไหว” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวด้วยว่าใน ส่วนข้อเรียกร้องให้ปลด
นพ.ประดิษฐออกจากตำแหน่งนั้นได้ยื่นข้อเสนอให้กับนายกฯ ไปแล้ว
เพราะฉะนั้นจึงอยู่ที่ดุลพินิจของนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ภายหลังการเจรจาสิ้นสุดลงพร้อมกับแถลงมติการเจรจาเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น
ทั้งฝ่ายเครือข่ายผู้บริหาร สธ.
และฝ่ายเครือข่ายเพื่อความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ
ต่างล้อมวงของตัวเองเพื่อปรึกษาหารือกันต่อ โดยในฝั่งของเครือข่ายฯ
เกิดความไม่เข้าใจในมติที่ออกมา ซึ่ง นพ.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า
เป็นการคุยกันเนื่องจากยังมีความไม่เข้าใจในบางคำพูดเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น