ที่มา Thai Free News
กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ หลังภาพถ่ายพิมพ์ลายนิ้วมือ
"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" อดีตนายกรัฐมนตรี กับ "สุเทพ เทือกสุบรรณ"
อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
หลุดสู่โลกออนไลน์
ทำให้ "อภิสิทธิ์" เรียกร้องให้"ธาริต เพ็งดิษฐ์" อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยทางดีเอสไอมอบหมายให้
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผบ.สำนักงานคดีการเงินและการธนาคาร รับหน้าที่คลี่คลายข้อเท็จจริง
ย้อนกลับไปดูบรรยากาศการรับทราบข้อกล่าวหาของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา
สื่อมวลชน ทั้งนักข่าว ช่างภาพจำนวนมากมารอทำข่าวคดีประวัติศาสตร์
ไม่นับรวมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายสนับสนุน กองเชียร์ และฝ่ายไม่พอใจ
พอถึงเวลา 13.25 น. นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ พร้อมทีมทนายความ
และคณะแขกผู้มีเกียรติจากฟากพรรคประชาธิปัตย์ กว่า 20 ชีวิต เดินทางมาตามเวลานัดหมาย
ดีเอสไอจัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษชุดใหญ่ รักษาความปลอดภัยครบสูตร
หลังทักทายสวัสดีแบบไทยๆ ด้านหน้าตึกดีเอสไอเรียบร้อย
"ธาริต เพ็งดิษฐ์" อธิบดีดีเอสไอ นำทั้งคณะขึ้นลิฟต์ ไปยังชั้น 1 ห้องประชุมใหญ่ดีเอสไอ
เปิดแอร์เย็นเฉียบ รอรับอดีตนายกฯ
โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนตามขึ้นไปบันทึกภาพ ให้รออยู่เพียงชั้นล่าง
ห้องประชุมใหญ่ของดีเอสไอ ถูกปรับเปลี่ยนจากห้องประชุมเป็นห้องสอบสวน
ภายในห้องตระเตรียมอุปกรณ์สำนักงานคอมพิวเตอร์ พรินเตอร์
และเครื่องมือ อุปกรณ์ การรับแจ้งข้อหาครบถ้วน รวมถึงแผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือพร้อมหมึก
และกระดาษเช็ดมือ...
เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเล่าบรรยากาศภายในห้องประชุมว่า โต๊ะภายในห้องประชุมเป็นรูปตัวยู
ทีมงานฟากพรรคประชาธิปัตย์ กว่า 20 คน นั่งฟากติดประตูทางเข้า - ออก
ทุกเก้าอี้ถูกจับจองเต็มจำนวน ฟากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกว่า 20 คน ก็นั่งเต็มจำนวน
รวมๆ แล้วในห้องมีคนกว่า 40 ชีวิต
ซึ่งสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ"ธาริต" บอกว่า
เป็นครั้งแรกที่อนุญาตให้บุคคลเข้าร่วมฟังการสอบสวนมากขนาดนี้
ทั้งนี้เพราะต้องการให้เกียรติอดีตผู้นำและผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์
จึงมิได้ขัดข้องหรือจำกัดบุคคลทุกคนเข้าได้หมด
เวลา 13.35 น. นายธาริตเปิดฉากกล่าวทักทายอย่างเป็นทางการ
ก่อนจะให้ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ พนักงานสอบสวน
อ่านพฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหา จำนวน 10 หน้ากระดาษ เอ 4 ของนายอภิสิทธิ์เป็นคนแรก
แต่ยังมิทันพูดจบ "อภิสิทธิ์" กดไมค์ขอพูดก่อน ว่า เรื่องแรกก่อนแจ้งข้อหา
จากนั้นอภิสิทธิ์ขอร่ายที่มาของ ศอฉ.ระบุว่านายธาริตทราบที่มาที่ไปดี
เพราะเป็นกรรมการ ศอฉ.
เมื่อนายอภิสิทธิ์พูดจบ พนักงานสอบสวนเริ่มอ่านข้อหาและพฤติการณ์
ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาอ่านรายละเอียดของทั้งสองคน ประมาณ 30 นาที
จากนั้น "อภิสิทธิ์" กดไมค์ขอพูดอีกครั้งเชิงต่อว่า
ว่าทำไมไม่ระบุเหตุการณ์อื่นใส่ไปในพฤติการณ์ด้วย แต่พนักงานสอบสวนไม่ได้พูดอะไร
จากนั้นพนักงานสอบสวนเริ่มสอบถามเพื่อบันทึกปากคำเบื้องต้น
โดยนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพให้การปฏิเสธ
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้แจ้งเงื่อนไขเป็นลายลักษณ์อักษร โดยอ่านให้ทั้ง 2 รับทราบ
แต่ทั้งนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพไม่ยอมเซ็นชื่อ ระหว่างนั้นมีการโต้เถียงกัน
แต่สุดท้ายเหตุการณ์ก็คลี่คลาย
ความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเข้าสู่กระบวนการพิมพ์ลายนิ้วมือ
เมื่อทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ลุกขึ้นถอดเสื้อนอก พับแขนเสื้อ เตรียมพิมพ์ลายนิ้วมือ
ทีมงานผู้ติดตาม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ก็ลุกฮือล้อมตัวทั้งสองคนทันที
เจ้าหน้าที่ดีเอสไอยกกล้องถ่ายภาพเพื่อเก็บภาพบันทึกขั้นตอนดังกล่าว
และระหว่างนั้นก็มีทีมงานของพรรคประชาธิปัตย์
ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่าอย่าถ่ายภาพนะถ่ายไม่ได้
แล้วเดินมาจดชื่อเจ้าหน้าที่ทั้งสองคน
จากนั้นทีมงานประชาธิปัตย์อีกหลายคน ส่งเสียงห้ามปรามขึ้นมาอีก
และทีมงานหญิงได้เดินไปหาเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเพื่อให้ลบรูปภาพดังกล่าว
ซึ่งเจ้าหน้าที่รายนั้นก็ลบภาพทันที
หลังจากนั้นนายธาริตได้บอกกับเจ้าหน้าที่ไม่ต้องบันทึกภาพ
แต่ระหว่างนั้นหลายคนในห้องประชุมใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปกันอย่างต่อเนื่อง
นั่นคือสภาพที่เกิดขึ้น ในห้วงเวลาของการพิมพ์ลายนิ้วมือ
คดีแรกผ่านไปเรียบร้อย เริ่มต้นคดีที่สอง
มี พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีอาญา 1 ระบุว่า
จะแจ้งให้มารับทราบข้อหา คดีเงินบริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 18 ธันวาคม
นายอภิสิทธิ์กดไมค์พูดกับพนักงานสอบสวนทันทีว่า "ไม่ต้องแจ้งวันที่ 18 ธันวาคม
เพราะมีการให้ข่าวไปแล้ว ว่าดีเอสไอจะแจ้งข้อหาผ่านสื่อไปแล้ว
และวันที่ 18 ธันวาคม ไม่สะดวก ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด
ถ้าผมไม่มาก็จะกล่าวหาว่าผมไม่ให้ความร่วมมือ วันนี้มาแล้วให้แจ้งเลยก็แล้วกัน"
พ.ต.อ.นิรันดร์ จึงอ่านข้อหาและรายละเอียดทันที
หลังจากรับฟังพฤติการณ์เสร็จสิ้น
นายอภิสิทธิ์กดไมค์พูดเชิงต่อว่าการทำงานของพนักงานสอบสวน
นายธาริตกดไมค์ตอบทันทีว่า ทุกอย่างผมรับผิดชอบเอง
ระหว่างการแจ้งข้อกล่าวหาคดีเงินบริจาค
นายอภิสิทธิ์ได้กดไมค์พูดตำหนิวิธีการทำงานของพนักงานสอบสวนคดี
ที่รับผิดชอบคดีนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการออกหมายเรียกผู้บริจาค
จนทำให้นายธาริตต้องกดไมค์ตัดบทหลายครั้ง
เบื้องลึกความนัยของเหตุการณ์ในวันนั้น
นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์
เล่าบรรยากาศว่า "เขาบอกจะแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 2 คดี
และก็ได้อธิบายคดีต่างๆ ให้เรารับทราบ ซึ่งทางเราก็ยินดีจะแจ้งก็แจ้งมา
จากนั้นเขาก็ให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพพิมพ์ลายนิ้วมือ
ผมก็เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเป็นผู้ถ่ายรูป เราก็ได้ถามว่าจะถ่ายทำไม
และในขณะนั้นผมเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจ ก็เลยถ่ายรูปเจ้าหน้าที่คนนั้นไว้ในโทรศัพท์มือถือด้วย"
"จะเห็นว่านี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นจากการที่เอาหน่วยงานข้าราชการ มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
เชื่อได้ว่า เขามีวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการทำให้เกิดความเสื่อมเสียในมุมมองทางการเมือง
และเพื่อให้เกิดความสะใจแก่พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม
ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่อธิบดีดีเอสไอ จะต้องดำเนินการตรวจสอบ
เพราะอย่างน้อยก็ผิดวินัยของราชการ ซึ่งโทษสูงสุดคือ การไล่ออก
และคงไม่น่าจะเกินความสามารถของอธิบดี ในการเอาจริงเอาจังเรื่องนี้
เว้นแต่รู้เห็นเป็นใจไปกับเขาด้วย"
เหล่านี้คือเบื้องหลังเลนส์ของภาพถ่าย "มาร์คพิมพ์ลายนิ้วมือ" ที่กำลังเป็นข่าวครึกโครม
หน้า 9,มติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม 2555
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1355629007&grpid=03&catid=&subcatid=
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น