แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เบื้องหลังการถ่ายทำ "มาร์คพิมพ์มือ"

ที่มา Thai Free News

 

 กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ หลังภาพถ่ายพิมพ์ลายนิ้วมือ
"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" อดีตนายกรัฐมนตรี กับ "สุเทพ เทือกสุบรรณ"
อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
หลุดสู่โลกออนไลน์

ทำให้ "อภิสิทธิ์" เรียกร้องให้"ธาริต เพ็งดิษฐ์" อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยทางดีเอสไอมอบหมายให้

พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผบ.สำนักงานคดีการเงินและการธนาคาร รับหน้าที่คลี่คลายข้อเท็จจริง

ย้อนกลับไปดูบรรยากาศการรับทราบข้อกล่าวหาของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา

สื่อมวลชน ทั้งนักข่าว ช่างภาพจำนวนมากมารอทำข่าวคดีประวัติศาสตร์

ไม่นับรวมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายสนับสนุน กองเชียร์ และฝ่ายไม่พอใจ

พอถึงเวลา 13.25 น. นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ พร้อมทีมทนายความ

และคณะแขกผู้มีเกียรติจากฟากพรรคประชาธิปัตย์ กว่า 20 ชีวิต เดินทางมาตามเวลานัดหมาย

ดีเอสไอจัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษชุดใหญ่ รักษาความปลอดภัยครบสูตร

หลังทักทายสวัสดีแบบไทยๆ ด้านหน้าตึกดีเอสไอเรียบร้อย

"ธาริต เพ็งดิษฐ์" อธิบดีดีเอสไอ นำทั้งคณะขึ้นลิฟต์ ไปยังชั้น 1 ห้องประชุมใหญ่ดีเอสไอ

เปิดแอร์เย็นเฉียบ รอรับอดีตนายกฯ

โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนตามขึ้นไปบันทึกภาพ ให้รออยู่เพียงชั้นล่าง

ห้องประชุมใหญ่ของดีเอสไอ ถูกปรับเปลี่ยนจากห้องประชุมเป็นห้องสอบสวน

ภายในห้องตระเตรียมอุปกรณ์สำนักงานคอมพิวเตอร์ พรินเตอร์

และเครื่องมือ อุปกรณ์ การรับแจ้งข้อหาครบถ้วน รวมถึงแผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือพร้อมหมึก

และกระดาษเช็ดมือ...

เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเล่าบรรยากาศภายในห้องประชุมว่า โต๊ะภายในห้องประชุมเป็นรูปตัวยู

ทีมงานฟากพรรคประชาธิปัตย์ กว่า 20 คน นั่งฟากติดประตูทางเข้า - ออก

ทุกเก้าอี้ถูกจับจองเต็มจำนวน ฟากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกว่า 20 คน ก็นั่งเต็มจำนวน

รวมๆ แล้วในห้องมีคนกว่า 40 ชีวิต

ซึ่งสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ"ธาริต" บอกว่า
เป็นครั้งแรกที่อนุญาตให้บุคคลเข้าร่วมฟังการสอบสวนมากขนาดนี้
ทั้งนี้เพราะต้องการให้เกียรติอดีตผู้นำและผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์
จึงมิได้ขัดข้องหรือจำกัดบุคคลทุกคนเข้าได้หมด

เวลา 13.35 น. นายธาริตเปิดฉากกล่าวทักทายอย่างเป็นทางการ
ก่อนจะให้ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ พนักงานสอบสวน
อ่านพฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหา จำนวน 10 หน้ากระดาษ เอ 4 ของนายอภิสิทธิ์เป็นคนแรก

แต่ยังมิทันพูดจบ "อภิสิทธิ์" กดไมค์ขอพูดก่อน ว่า เรื่องแรกก่อนแจ้งข้อหา
จากนั้นอภิสิทธิ์ขอร่ายที่มาของ ศอฉ.ระบุว่านายธาริตทราบที่มาที่ไปดี
เพราะเป็นกรรมการ ศอฉ.

เมื่อนายอภิสิทธิ์พูดจบ พนักงานสอบสวนเริ่มอ่านข้อหาและพฤติการณ์
ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาอ่านรายละเอียดของทั้งสองคน ประมาณ 30 นาที
จากนั้น "อภิสิทธิ์" กดไมค์ขอพูดอีกครั้งเชิงต่อว่า
ว่าทำไมไม่ระบุเหตุการณ์อื่นใส่ไปในพฤติการณ์ด้วย แต่พนักงานสอบสวนไม่ได้พูดอะไร

จากนั้นพนักงานสอบสวนเริ่มสอบถามเพื่อบันทึกปากคำเบื้องต้น
โดยนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพให้การปฏิเสธ

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้แจ้งเงื่อนไขเป็นลายลักษณ์อักษร โดยอ่านให้ทั้ง 2 รับทราบ
แต่ทั้งนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพไม่ยอมเซ็นชื่อ ระหว่างนั้นมีการโต้เถียงกัน

แต่สุดท้ายเหตุการณ์ก็คลี่คลาย

ความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเข้าสู่กระบวนการพิมพ์ลายนิ้วมือ

เมื่อทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ลุกขึ้นถอดเสื้อนอก พับแขนเสื้อ เตรียมพิมพ์ลายนิ้วมือ
ทีมงานผู้ติดตาม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ก็ลุกฮือล้อมตัวทั้งสองคนทันที

เจ้าหน้าที่ดีเอสไอยกกล้องถ่ายภาพเพื่อเก็บภาพบันทึกขั้นตอนดังกล่าว
และระหว่างนั้นก็มีทีมงานของพรรคประชาธิปัตย์
ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่าอย่าถ่ายภาพนะถ่ายไม่ได้

แล้วเดินมาจดชื่อเจ้าหน้าที่ทั้งสองคน

จากนั้นทีมงานประชาธิปัตย์อีกหลายคน ส่งเสียงห้ามปรามขึ้นมาอีก
และทีมงานหญิงได้เดินไปหาเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเพื่อให้ลบรูปภาพดังกล่าว
ซึ่งเจ้าหน้าที่รายนั้นก็ลบภาพทันที

หลังจากนั้นนายธาริตได้บอกกับเจ้าหน้าที่ไม่ต้องบันทึกภาพ

แต่ระหว่างนั้นหลายคนในห้องประชุมใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปกันอย่างต่อเนื่อง

นั่นคือสภาพที่เกิดขึ้น ในห้วงเวลาของการพิมพ์ลายนิ้วมือ

คดีแรกผ่านไปเรียบร้อย เริ่มต้นคดีที่สอง
มี พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีอาญา 1 ระบุว่า
จะแจ้งให้มารับทราบข้อหา คดีเงินบริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 18 ธันวาคม
นายอภิสิทธิ์กดไมค์พูดกับพนักงานสอบสวนทันทีว่า "ไม่ต้องแจ้งวันที่ 18 ธันวาคม
เพราะมีการให้ข่าวไปแล้ว ว่าดีเอสไอจะแจ้งข้อหาผ่านสื่อไปแล้ว
และวันที่ 18 ธันวาคม ไม่สะดวก ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด
ถ้าผมไม่มาก็จะกล่าวหาว่าผมไม่ให้ความร่วมมือ วันนี้มาแล้วให้แจ้งเลยก็แล้วกัน"

พ.ต.อ.นิรันดร์ จึงอ่านข้อหาและรายละเอียดทันที
หลังจากรับฟังพฤติการณ์เสร็จสิ้น
นายอภิสิทธิ์กดไมค์พูดเชิงต่อว่าการทำงานของพนักงานสอบสวน

นายธาริตกดไมค์ตอบทันทีว่า ทุกอย่างผมรับผิดชอบเอง

ระหว่างการแจ้งข้อกล่าวหาคดีเงินบริจาค
นายอภิสิทธิ์ได้กดไมค์พูดตำหนิวิธีการทำงานของพนักงานสอบสวนคดี
ที่รับผิดชอบคดีนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการออกหมายเรียกผู้บริจาค

จนทำให้นายธาริตต้องกดไมค์ตัดบทหลายครั้ง

เบื้องลึกความนัยของเหตุการณ์ในวันนั้น
นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์
เล่าบรรยากาศว่า "เขาบอกจะแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 2 คดี
และก็ได้อธิบายคดีต่างๆ ให้เรารับทราบ ซึ่งทางเราก็ยินดีจะแจ้งก็แจ้งมา
จากนั้นเขาก็ให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพพิมพ์ลายนิ้วมือ
ผมก็เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเป็นผู้ถ่ายรูป เราก็ได้ถามว่าจะถ่ายทำไม
และในขณะนั้นผมเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจ ก็เลยถ่ายรูปเจ้าหน้าที่คนนั้นไว้ในโทรศัพท์มือถือด้วย"

"จะเห็นว่านี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นจากการที่เอาหน่วยงานข้าราชการ มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
เชื่อได้ว่า เขามีวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการทำให้เกิดความเสื่อมเสียในมุมมองทางการเมือง
และเพื่อให้เกิดความสะใจแก่พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม
ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่อธิบดีดีเอสไอ จะต้องดำเนินการตรวจสอบ
เพราะอย่างน้อยก็ผิดวินัยของราชการ ซึ่งโทษสูงสุดคือ การไล่ออก
และคงไม่น่าจะเกินความสามารถของอธิบดี ในการเอาจริงเอาจังเรื่องนี้
เว้นแต่รู้เห็นเป็นใจไปกับเขาด้วย"

เหล่านี้คือเบื้องหลังเลนส์ของภาพถ่าย "มาร์คพิมพ์ลายนิ้วมือ" ที่กำลังเป็นข่าวครึกโครม

หน้า 9,มติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม 2555


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1355629007&grpid=03&catid=&subcatid=

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น