25 มกราคม 2556
ที่มา ประชาไท " นักกิจกรรมทางสังคมเผาตำรากฎหมายประท้วงหน้าศาล"
นักวิชาการ นักกิจกรรมทางสังคม ญาติผู้เสียชีวิตในปี53 รณรงค์หน้าศาลเผาตำรากฎหมายจำลอง ชี้ มาตรา112 กระบวนยุติธรรมไทยมีปัญหา
ใน กิจกรรมดังกล่าวได้มีการกล่าวปราศัยถึงความเป็นเผด็จการของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ ความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรม ทั้งในเรื่องการริดรอนสิทธิการให้ประกันตัว จนถึงกระบวนการในการพิจารณาคดี โดยได้ยกกรณีของดารณี ชาญเชิงศิลปกุล นายธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล นายอำพล ตั้งนพกุล และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข โดยผู้ปราศัยได้ประกาศว่ากิจกรรมที่ได้ทำร่วมกันนี้เป็นการแสดงออกเชิง สัญลักษณ์ด้วยการเผาตำราเรียนกฎหมาย
แถลงการณ์กิจกรรม “เผาตำรากฎหมายเชิงสัญลักษณ์”
25 มกราคม 2555 หน้าศาลอาญา รัชดาฯ
ไม่ว่าจะเป็น การพิจารณาคดีของนางสาวดารณี หรือ ดา ตอร์ปิโด ที่ศาลอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีในทางลับโดยไม่ถือว่าเป็นการขัดต่อ รัฐธรรมนูญ หรือกรณีการถูกตัดสินว่ามีความผิด แม้ว่าจะไม่สามารถพิสูจน์ได้จนสิ้นสงสัย ดังเช่นในกรณีของนายธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล หรือ หนุ่มเรดนนท์ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเว็บมาสเตอร์ของเว็บไซต์ นปช.ยูเอสเอ หรือกรณีของนายอำพล หรือ อากงเอสเอ็มเอสที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ส่งเอสเอ็มเอสหมิ่นประมาทกษัต ริย์ฯ ปัจจุบัน นางสาวดารณีต้องโทษจำคุก 15 ปี นายธันย์ฐวุฒิ ต้องโทษจำคุก 13 ปี และนายอำพล ต้องโทษจำคุก 20 ปีก่อนต้องจบชีวิตลงในเรือนจำเมื่อปีที่ผ่านมา วันที่อากงเสียชีวิต พวกเราหลายคนมาอยู่ที่นี่ หน้าศาลอาญารัชดาแห่งนี้ เรียกร้องความเป็นธรรมให้อากง แต่สิ่งที่พวกเราได้รับกลับกลายเป็นการดาหน้าออกมาพูดความจริงเพียงครึ่ง เดียวของบรรดาบุคคลในแวดวงตุลาการ ล่าสุด การพิพากษาลงโทษนายสมยศ พฤกษเกษมสุข นักกิจกรรมสายแรงงานและบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin เป็นเวลา 10 ปี โดยผลักภาระความรับผิดให้นายสมยศ โดยไม่มีการพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยในเรื่องเจตนากระทำผิด อันเป็นพื้นฐานของคดีอาญา ยังไม่ต้องพูดถึงสิทธิในการประกันตัว อันเป็นสิทธิพื้นฐานตามหลักสากล แต่สำหรับประเทศไทยเรานี้ ต้องเป็นอภิสิทธิชนเท่านั้นจึงจะเข้าถึงสิทธินี้ได้ กรณีทั้งหมดที่กล่าวมานี้ และอีกหลายกรณีที่ไม่ได้กล่าวถึง สะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมไทยล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการผดุงไว้ซึ่ง หลักนิติธรรม อันเป็นหัวใจของการปกครองระบอบประชาธิปไตย… หากบุคคลให้สถาบันตุลาการที่ได้ชื่อว่าเป็นคนดี เป็นผู้ที่มีความเที่ยงตรง กลับไม่ปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานทางกฎหมายเหล่านี้ ความยุติธรรมที่แท้จริงจะบังเกิดได้อย่างไร? แล้วตำรากฎหมายที่วางกองอยู่ตรงหน้าที่เราได้ร่ำเรียนมานั้น จะยังมีความหมายอะไรต่อไปอีก? “พอกันที 112! พอกันทีความไร้หลักการของกระบวนการยุติธรรมไทย!” หมายเหตุ: กิจกรรม “เผาตำรากฎหมาย” จึงเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หนังสือที่นำมาเผาเป็นตำราเรียนกฎหมายที่ทำจำลองขึ้นมา |
ขวัญระวี วังอุดม จากสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้เข้าร่วมรณรงค์ กล่าวกับประชาไทหลังสิ้นสุดกิจกรรมรณรงค์ครั้งนี้ว่า เราต้องการจะสื่อให้เห็นว่าความไม่ยุติธรรมที่เกิดจากตัวกฎหมายกับกระบวนการ ยุติธรรมทั้งระบบตั้งแต่ตำรวจ อัยการ ศาล เห็นว่าสิ่งที่เล่าเรียนกันมามันใช้ไม่ได้อีกแล้ว กิจกรรมนี้ทำให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมถูกตั้งคำถามและท้าทายยมากขึ้น นับตั้งแต่คดีองกง หรือกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล
พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดาของ นายสมาพันธ์ ศรีเทพ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการสลายการชุมนุมเดือนพฤษภา 53 หนึ่งในผู้เข้าร่วมรณรงค์ กล่าวกับประชาไทว่า ในทางสาธารณะมันมีทัศนคติว่าผู้ต้องหาในคดีนี้ ที่เป็นผู้ถูกกล่่าวหากลายเป็นจำเลย ซึ่งถูกตัดสินไปแล้วและไม่สามารถหลุดออกจากคดีนี้ได้ โดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกเฉยๆ กับกระบวนการยุติธรรมไทยเมือเทียบกับกรณีการเสียชีวิตของลูกชาย แต่ก่อนเขาพูดกันว่าศาลเป็นที่พึ่งสุดท้าย แต่ตอนนี้ประชาชนต้องพึ่งอยู่บนตีนตนเอง และเชื่อว่ากิจกรรมนี้เป็นสิ่งที่คนตัวเล็กตัวน้อยทำอะไรได้บ้างเพื่อเรียก ร้องความยุติธรรม"
อนุสรณ์ อุณโณ คณะสังคมวิทยา ธรรมศาสตร์ ผู้เข้าร่วมกิจกรรม กล่าวถึงเหตุผลในการเข้าร่วมกิจกรรมว่า อย่างแรกสุด 112 เป็นกฎหมายที่มีปัญหาในหลายระดับ (อุดมการณ์ การบังคับใช้ การตีความ ฯลฯ) อย่างที่สองกรณีคุณสมยศมันมีความพิลึกพิลั่นในการตัดสินเพิ่มอีก อย่างที่สามที่สำคัญมากคือมันจำเป็นต้องมีการเคลื่อนไหว "บนท้องถนน" เพราะลำพังแต่เพียงการแสดงความเห็นหรือเคลื่อนไหวในวงเสวนาหรือสื่อออนไลน์ มันไม่พอ
นักวิชาการจาก มธ.ตอบเมื่อถูกตั้งคำถามว่ากิจกรรมอาจมีความคาบเกี่ยวกับการละเมิดอำนาจศาล ว่า “ผมไม่แน่ใจว่าในทางกฎหมายนิยามการละเมิดอำนาจศาลไว้อย่างไร แต่ผมไม่คิดว่าการแสดงความเห็นต่างหรือวิพากษ์วิจารณ์คำตัดสินของศาลบนฐาน ของเหตุผลและข้อเท็จจริงจะเป็นการละเมิดอำนาจศาล เพราะไม่แล้วศาลก็จะกลายเป็นอำนาจสูงสุดและเบ็ดเสร็จที่ไม่สามารถตรวจสอบ หรือถ่วงดุลได้ ซึ่งไม่น่าจะเป็นวิสัยของระบอบประชาธิปไตยอย่างที่ควรจะเป็น”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น