ตัวแทนรัฐบาลขึ้นเวทีชี้แจง ยังยืนยันคงเดิม ส่งให้กฤษฎีกาตรวจสอบ
และยังไม่กำหนดจะนำเข้าสภาเมื่อไร ท่ามกลางความไม่พอใจของชาวบ้าน
ด้านพนัส,สมศักดิ์ เจียมฯ, พวงทอง อัดรัฐบาล นปช. ไม่จริงใจช่วยคนธรรมดา
"ความเงียบของคุณเป็นสิ่งเลือดเย็น"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงตอนเย็นของการชุมนุมในการรณรงค์
"หนึ่งหมื่นเพื่อปลดปล่อย"
ซึ่งผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนมาปักหลักบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า
หลังจากยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรธน.ว่าด้วยเรื่องนิรโทษกรรมและการขจัดความ
ขัดแย้งแก่ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลาประมาณ
18.00น. พลตำรวจตรี ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการฝ่ายการเมืองนายกรัฐมนตรี
ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาขึ้นเวทีเโดยกล่าวว่า
ทางนายกรัฐมนตรีรับปากว่าจะผลักดันทั้งในเรื่องการประกันตัวผู้ต้องขังและ
การนิรโทษกรรมอย่างเต็มที่
แต่อำนาจในเรื่องการพิจารณาคดีเป็นของศาลไม่ได้เป็นของรัฐบาล
แต่โดยเบื้องต้น
นายกรัฐมนตรีได้มอบข้อเสนอของทางกลุ่มที่ยื่นให้เมื่อช่วงเช้า
ส่งให้สำนักงานกฤษฎีกาตีความแล้ว และเมื่อกฤษฎีกาตีความเสร็จ
ทางนายกรัฐมนตรีจะเร่งพิจารณาและนำสู่ที่ประชุมสภาโดยไว
หลังจากนั้น น.ส.สุดา รังกุพันธ์ แกนนำกลุ่ม 29 มกรา
กล่าวปราศัยเพื่อหาฉันทามติว่า
ทางกลุ่มมีเงื่อนไขให้รัฐบาลต้องนำร่างกฎหมายนิรโทษกรรม
เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา ก่อนปิดประชุมในสมัยนี้ คือ ในช่วงเดือนเมษายน
ในระหว่างการปราศัยได้มีผู้ชุมนุมโห่ร้องแสดงความไม่พอใจตลอดเวลา
จากนั้นเมื่อเวลาราว 20.30 น. ได้มีการเสวนาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมทางการเมือง
พนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์และอดีตอัยการ กล่าวว่า
การนิรโทษกรรมาสามารถทำได้
เพียงแต่รัฐบาลต้องมีความกล้าหาญทางการเมืองและความจริงใจที่จะทำเช่นนั้น
ในอดีตมีหลายคดีที่เมื่อถูกดำเนินคดีไปแล้วถึงชั้นอัยการ
แต่ก็สามารถถอนฟ้องได้ เช่นในคดีมาตรา 112 ของสุลักษณ์ ศิวรักษ์
และหากว่าคดีนั้นยังไม่ได้ถูกสั่งฟ้อง ก็สามารถถอนฟ้องได้เช่นเดียวกัน
เขากล่าวด้วยว่า นอกจากจะออกเป็นร่างรธน.
ว่าด้วยการนิรโทษกรรมและความขัดแย้ง ก็ยังสามารถออกเป็นพ.ร.ก.
ได้ด้วยเนื่องจากสามารถออกได้โดยรัฐบาลและกระทำได้รวดเร็วกว่า
เช่นเดียวกับในอดีตที่รัฐบาลได้ออกพ.ร.ก.
นิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดสมัยเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535
ด้านสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า
คำตอบของรัฐบาลเมื่อหัวค่ำที่ให้กับผู้มาชุมนุมในวันนี้เป็นเรื่องน่าผิด
หวัง ตนไม่อยากทำให้ตัวแทนรัฐบาลขายหน้า
แต่ตัวแทนรัฐบาลก็ยังไม่ยอมบอกว่าจะรับไปพิจารณาเมื่อไหร่
และไม่ได้รับปากว่าจะเอาไปเข้าสมัยประชุมครั้งนี้ด้วย
ถ้าหากคนเสื้อแดงยังไม่กดดันเรื่องนี้ต่อไป
แม้แต่การนำเรื่องเข้าสู่สมัยประชุมสภานี้ก็ยังคงไม่สำเร็จ
สมศักดิ์กล่าวว่า เขาสื่อสารไปถึงทักษิณหรือยิ่งลักษณ์ว่า
เชื่อว่าคนเสื้อแดงและคนที่เลือกรัฐบาลมีความปรารถนาดีต่อรัฐบาล
อยากให้รัฐบาลรับฟังเรื่องนี้ แต่ที่ผ่านมา ความช่วยเหลือจากจากนปช.
หรือรัฐบาลก็ยังน้อยเกินไป นอกจากนี้สมศักดิ์ได้ตั้งคำถามต่อแกนนำนปช.
ว่าทำไมกิจกรรมแบบนี้ต้องปล่อยให้คนอย่างอ. สุดา รังกุพันธ์
ที่เป็นแกนนำกลุ่มย่อยออกมา และชี้ว่า ก่อนหน้านี้นปช.
ยังสามารถชุมนุมกดดันรัฐบาลอภิสิทธิ์ให้ปล่อยตัวแกนนำทุกอาทิตย์ได้
แต่เมื่อเป็นชาวบ้านคนเล็กน้อยกลับไม่ให้ความสนใจ
"ตอนที่มีการเสนอพรบ. ปรองดอง จากสนธิ บัง (บุญรัตกลิน)
ตอนนั้นก็เข้าใจกันว่าเพื่อช่วยทักษิณ
ผมเองก็ไม่ได้อะไรคิดว่าคุณทักษิณถูกดำเนินคดีอย่างไม่ชอบธรรมกลั่นแกล้งทาง
การเมือง ตอนนั้นนปช. และเพื่อไทยก็ยังหนุนพรบ. ปรองดองนั้นเต็มที่
แต่เมื่อเป็นระดับชาวบ้าน ก็มาอ้างว่าทำไม่ได้
กลัวรัฐบาลจะพังอย่างนู้นอย่างนี้ ทีตอนจะช่วยทักษิณยังไม่เห็นกลัว
มันต้องมีความเสมอภาคกันหน่อย
ความเดือดร้อนของคุณทักษิณไม่ได้หนึ่งในพันในร้อยของชาวบ้านเหล่านี้"
เขากล่าว
สมศักดิ์กล่าวว่า
ทำไมต้องรอจนกระทั่งนิติราษฎร์และปฏิญญาหน้าศาลบอกจะยื่น
ค่อยมีทีท่าจะมายื่นแย่งบ้าง
ทำให้ตั้งคำถามว่ามีความจริงใจแค่ไหนในการช่วยในระดับชาวบ้าน
ก่อนหน้านี้มาศาลว่าจะมีการถอนประกันจตุพร นปช.ก็จัดให้มีการเดินขบวน
แต่สำหรัยชาวบ้านที่ติดอยู่ในคุกมาสองสามปี ทำไมไม่มีการทำอะไรแบบนี้บ้าง
ถ้าจริงใจก็ต้องเสนอช่วยระดับชาวบ้านก่อน แล้วค่อยช่วยทักษิณ
มันขายหน้าขนาดไหนในระดับแกนนำขนาดนี้
สมศักดิ์ยังกล่าวถึงตัวอย่างของนักโทษการเมืองที่เป็นชาวบ้านและต้อง
ติดคุกยาวนานโดยไม่เป็นธรรม โดยยกกรณีของนายสนอง เกตุสุวรรณ์
จำเลยคดีเผาศาลากลางจังหวัดอุบล
ซึ่งในการสืบพยานนั้นพยานโจทก์มาให้การเองว่าสนองไปช่วยดับไฟแต่สุดท้ายเขา
ก็ยังโดนโทษจำคุกไป 33 ปี 12 เดือน
นางวาสนา มาบุตร อายุ 49 ปี มารดาของ น.ส.ปัทมา มูลมิล อายุ 24 ปี
ซึ่งศาลจังหวัดอุบลราชธานี พิพากษาให้จำคุก 33 ปี 4
เดือนในคดีร่วมกับพวกวางเพลิงเผาอาคารศาลากลางจังหวัด โดย นางวาสนา
ได้กล่าวว่าดีใจที่เห็นว่ามีคนมาร่วมชุมนุมจำนวนมากแต่เสียใจมากที่รัฐบาล
ไม่มีความชัดเจนในการช่วยเหลือผู้ต้องขังแต่อย่างใด
พวงทอง ภวัครพันธ์ อาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
และเป็นทีมวิชาการของศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุ
นฯ หรือ ศปช. กล่าวว่า งานนี้ถ้ารัฐบาลไม่ทำก็จะเสียมวลชนแน่
เพราะประชาชนจะไม่ยอม และจะตกเป็นเบี้ยล่างของฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา
ดังนั้นต้องยอมเผชิญหน้าและยอมให้เกิดความตึงเครียด
เชื่อว่ารัฐบาลจะมีมวลชนที่คอยปกป้องตลอด
สุดท้าย พวงทองกล่าวถึงรัฐบาลเพื่อไทยว่า
"ความเงียบของคุณที่ยังมีต่อคนเสื้อแดงและครอบครัวที่ยังร้องไห้อยู่ทุก
ครั้งเมื่อขึ้นเวที เป็นความเลือดเย็นเกินไป เกินกว่าจะรับได้"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น