ที่มา Thai Free News
บทบาท การนำ อ้าย-บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ HEGEMONY
(ที่มา:มติชนรายวัน 1 ธ.ค.2555)
สถานะ
ของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ก็ทำนองเดียวกับสถานะของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
บริพัตร ก็ทำนองเดียวกับสถานะของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
คือหมดสภาพ
คำว่าหมดสภาพในที่นี้เป็นบทสรุปในเชิงยุทธศาสตร์ อาจจะไม่ส่งผลสะเทือนในลักษณะฉับพลันทันใด
แต่ก็ยากที่จะฟื้นคืนได้ในเร็ววัน
คำว่าหมดสภาพในที่นี้มิได้หมายถึงตัวตน มิได้หมายถึงตำแหน่ง หากแต่กินความถึงสภาพในฐานะนำ
เป็นการนำทางการเมือง
คนคนหนึ่งซึ่งเคยมีสถานะเป็นผู้นำ เมื่อเผชิญปัญหาอันส่งผลให้หมดสภาพ ความหมายโดยพื้นฐานเท่ากับเป็นการสูญเสีย
นั่นก็คือ สูญเสียการนำ
หาก
ยึดตามหนังสือ ศัพท์รัฐศาสตร์ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พิมพ์ครั้งที่ 2 เมื่อ
พ.ศ.2536 พลิกไปยังหน้า 210 ตรงคำว่า การครองความเป็นใหญ่ และหน้า 214
ตรงคำว่าการใช้อำนาจครอบงำ
ก็จะพบคำว่า HEGEMONY
หากมองในทางยุทธศาสตร์ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร สูญเสียการครองความเป็นใหญ่ สูญเสียการใช้อำนาจครอบงำเมื่อใด
ตอบว่า 1 เมื่อประสบกับปัญหาอุทกภัยปลายปี 2554
ตอบว่า 1 เมื่อประสบกับปัญหาไม่สามารถสร้างสนามฟุตบอลที่หนองจอกได้ทันและเป็นที่ยอมรับของฟีฟ่า
นั่นเท่ากับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้สูญเสียการนำไปแล้วโดยพื้นฐาน
ม.ร.ว.
สุขุมพันธุ์ บริพัตร อาจยังดำรงอยู่ในสถานะผู้ว่าฯ กทม. ในทางนิตินัย
แต่ในทางการเมืองสังคมได้ค่อยๆ ปฏิเสธบทบาทไปแล้วเป็นลำดับ
ถามว่าแล้ว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เล่าได้สูญเสียสถานะนำไปตั้งแต่เมื่อใด
ตอบว่า 1 สูญเสียไปตั้งแต่สถาน การณ์สลายการชุมนุมในเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 แล้ว
เห็นได้จากความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554
ขณะ
เดียวกัน คำตอบ 1 สัมผัสได้อย่างเป็นจริงนับแต่ผลการสอบของกระทรวงกลาโหม
ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้เอกสารอันเป็นเท็จในการเข้ารับ
ราชการทหารในสังกัดโรงเรียนนายร้อย จปร.
ทันทีที่มีคำสั่งปลด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็สูญโญ
กล่าว
สำหรับ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์
สังคมสามารถรับรู้และตัดสินได้รวดเร็วยิ่งกว่ากรณีของ นายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร หลายเท่า
พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ อาจแลดูองอาจเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ณ สนามม้า นางเลิ้ง
แต่พลันที่มีการเสนอแนวทาง แช่เข็ง ปิดประเทศเป็นเวลา 5 ปีก็ได้สร้างความหวาดผวาเป็นอย่างสูงในทางการเมือง
หวาดผวาเพราะเป็นข้อเสนอประเภทไดโนซอรัส
และ
ยิ่งมีการเผยแพร่แนวทางแช่แข็ง ปิดประเทศ ออกไปกว้างขวางมากเพียงใด
ยิ่งทำให้การชุมนุมใหญ่ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน
เป็นความล้มเหลวมากกว่าความสำเร็จ มากเพียงนั้น
การจัดกองกำลังตำรวจ 112 กองร้อยดำเนินไปในลักษณะตั้งรับม็อบที่คุยโว ว่าอย่างต่ำต้อง 1 แสน อย่างสูงต้อง 1 ล้าน
ผลก็คือ มีมวลชนมาไม่ถึง 20,000 คน
ผล
ก็คือ แทนที่การชุมนุมจะไหลจากลานพระบรมรูปทรงม้า
ผ่านสะพานมัฆวานรังสรรค์ไปยังสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และไปเต็มท้องสนามหลวง
ด้วยระยะเวลา 2 วันกับ 1 คืน กลับกลายเป็นเวลา 17.30 น.
ก็ประกาศยุติการชุมนุม
อันเท่ากับตอกฝาโลงให้กับ พล.อ. บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์
ยากเป็นอย่างยิ่งที่เมื่อสูญเสียการนำไปแล้วจะสามารถพลิกฟื้นหวนกลับมาชูธงนำได้อย่างองอาจ
ไม่
ว่าจะเป็น พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
บริพัตร ไม่ว่าจะเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เพราะสภาพที่เคยครองอำนาจได้จบสิ้น สภาพที่ครองการนำได้ยุติ
ที่เหลือให้เห็นก็เป็นแต่เพียง "ซาก"
ที่มา:http://bit.ly/TB0s1S
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น