แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

บทความ: จากเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ เห็นคุณภาพอันตกต่ำสุดขีดของรัฐสภา

ที่มา Thai E-News



โดย Jarupan Kuldiloke
1 ธันวาคม 2555

ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตแช่แข็งมาไม่ทันสะเด็ดน้ำ

วัน รุ่งขึ้นก็เจอศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีกสองท่าน (ท่านเฉลิมกับสุกำพล) โดนยื่นถอดถอนในประเด็น ละเมิดรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ส่วนอีกท่านหนึ่ง โดนเรื่อง ทุจริตต่อหน้าที่ในกรมเจ้าท่า ประเด็นงบฟื้นฟูน้ำท่วม (ท่านชัจจ์)

ทั้ง 4 ท่านอธิบายได้ฉลุย เพราะ ไม่มีการละเมิดกฎหมายใด ๆ 

ส่วน ท่านชัจจ์ เรื่องกรมเจ้าท่าในงบน้ำท่วม ท่านก็ผ่านฉลุยเพราะท่านเข้ามาดูกรมเจ้าท่าในช่วงตรวจสอบ คณะกรรมการตรวจสอบก็กำลังทำงานอยู่ ยังไม่มีการเบิกจ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

การกล่าวหาว่าทุจริตเป็นเรื่องที่เลื่อนลอย

หลาย คนสงสัยว่าที่ท่านชัจจ์ถูกอภิปราย น่าจะเป็นการสมคบคิดจากคนที่เคยโดนท่านปราบปรามทุจริตนั่นแหละ ซึ่งเรื่องนี้มีเวลาจะต้องเล่าให้ลูกหลานฟัง เมื่อครั้งท่านชัจจ์ปราบโกงยางพารา ภายใต้นโยบายปราบทุจริตยางพาราของท่านนายกฯทักษิณ ในขณะที่มีกระบวนการโกงยางพารานั้น ราคายางพาราอยู่ที่ 13 บาท ภายหลังเมื่อท่านชัจจ์ปราบปรามแก๊งโกงบ้านกินเมืองเสร็จ ราคายางพาราดิบขึ้นมาถึง 100 บาท จนถึง 150 บาท ในทันที เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่ชาวบ้านได้ขายยางพาราตามราคาจริงของท้อง ตลาด มีชาวบ้านจำนวนมากเขียนจดหมายมาขอบคุณท่านเต็มไปหมด

พวก เราในพรรคเพื่อไทยก็คุยกันว่า คนที่แค้นฝังหุ่นจากการที่โดนท่านชัจจ์ปราบปรามนั่นแหละ มาแก้แค้นในวันนี้ ทั้ง ๆ ที่กรมเจ้าท่ายังไม่มีการเบิกจ่ายก็มายื่นถอดถอนเสียแล้ว เป็นข้อหาที่รุนแรงเลื่อนลอยมาก

ในที่สุด ที่โบราณเขาว่า "ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง" ก็เป็นจริง 

ใน เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ถึงแม้จะเป็นเวทีที่ออกแบบให้ฝ่ายค้านมีบทบาทมากที่สุด มีการเปิดอภิปรายโดยฝ่ายค้าน ปิดอภิปรายโดยฝ่ายค้านก็ตาม แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความตกต่ำสุดขีดของเวทีนี้ ที่ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง คือตลอดการอภิปราย ฝ่ายค้านได้ละเมิดรัฐธรรมนูญเสียเอง คือมีการกล่าวเท็จ มีการเปิดประเด็นใหม่ ที่ไม่ได้อยู่ในเรื่องถอดถอน มีการละเมิดข้อบังคับการประชุม เสียดสี ใส่ร้าย หยาบคาย ตลอดเวลา ข้อมูลที่นำมาก็เป็นการตัดต่อคลิปที่เอาแต่ประโยชน์แต่ตนเอง ไม่มีความเป็นธรรม ไม่มีวุฒิภาวะ ไม่มีจริยธรรม ทุกประเด็นของคุณภาพการค้าน สอบตกหมด

เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่คุณภาพต่ำมาก คนฟังแล้วเครียดกันทั้งบ้านทั้งเมือง

จน ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องเข้าชื่อกันถอดถอนบุคคลเหล่านี้ เพราะละเมิดรัฐธรรมนูญเสียเอง เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ต้องใช้มาตรการนี้กับฝ่ายค้าน เพราะจะปล่อยให้เสียงข้างน้อยลากรัฐสภาเวทีอันทรงเกียรติของประเทศไปสู่การ ละเมิดรัฐธรรมนูญ ละเมิดข้อบังคับการประชุม นำพาทั้งประเทศไปสู่ความตกต่ำสุดขีดได้อย่างไร

และที่น่าตกใจกว่านั้นคือทราบมาว่า เขาก็ทำงานกันมาอย่างนี้ เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น

เราจำเป็นต้องตัดวงจรอุบาทว์นี้ให้หมดไป

การ ทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นเวทีที่สำคัญมาก ประเทศจะได้ประโยชน์มาก หากฝ่ายค้านจะนำข้อมูลที่รัฐบาลไม่สามารถมองเห็นได้อย่างทั่วถึงมาอภิปราย กัน หากพบการทุจริต ผิดกฎหมายก็ช่วยกันดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์สูงสุดในการใช้ภาษีของราษฎรให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่นหรือการละเมิดกฎหมาย

แต่ ฝ่ายค้านก็ไม่ควรโอเวอร์จนกระทั่งทำผิดข้อบังคับ ด่าทอ เสียดสี ใส่ร้าย ซึ่งเป็นการแสดงวุฒิภาวะที่ต่ำ ไม่ควรทำผิดรัฐธรรมนูญเสียเอง คือกล่าวเท็จ เปิดประเด็นใหม่ที่ไม่ได้ยื่นถอดถอน ที่เขาเรียกกันว่า "ตีกิน" คือ อาศัยเป็นเวทีใส่ร้าย หาเสียงกับประชาชนที่อยู่ทางบ้านให้เกิดการเข้าใจผิดกับฝ่ายรัฐบาล 

คราวนี้พรรคเพื่อไทยก็จำเป็นต้องทำหน้าที่ควบคุมข้อบังคับ และรัฐธรรมนูญ เพราะมีการกระทำผิดซ้ำซากของฝ่ายค้านตลอดเวลา

เป็นเรื่องที่น่าขันมาก ที่ฝ่ายค้านบอกว่า สส.ฝ่ายรัฐบาล มีการประท้วงซ้ำซาก

ต้องถามประชาชนทุกท่านว่าเป็นเรื่องที่น่าขันไหม หากคนที่ขับรถฝ่าไฟแดงซ้ำซาก จะต่อว่าตำรวจจราจรว่า มีการแจกใบสั่งซ้ำซาก

หรือโจรที่ปล้นซ้ำซาก จะมาต่อว่าตำรวจว่าจับกุมซ้ำซาก

ก็เหตุเกิดแต่ปัจจัย ถ้าไม่มีการทำผิดข้อบังคับ ผิดรัฐธรรมนูญ ก็จะไม่มีการประท้วงแต่อย่างใด

ประชาชนทั้งบ้านทั้งเมือง ก็ไม่ต้องเครียดกันขนาดนี้ 

อย่าง ไรก็ตาม ต้องขอบอกว่า สส.ฝ่ายรัฐบาล ทำหน้าที่ด้วยความยากลำบาก เพราะนอกจากจะต้องคอยควบคุมกติกาให้ศักดิ์สิทธิ์ ยังต้องเผชิญกับความเป็นสุภาพบุรุษของท่านประธานสภา ซึ่งเป็นตัวแทนของคนไทยที่มีความอดทนมากต่อคนหน้าด้าน จนเกินเหตุ ก็เพราะเกิดจากโดนใส่ข้อมูลผิด ๆ จากฝ่ายค้านกรอกหูทุกวัน ทำให้ท่านประธานสภาและรองประธานรัฐสภา เกรงกลัวต่อคำว่า เผด็จการรัฐสภา จนเกินเหตุ และในที่สุดปล่อยปละละเลยให้เกิดการแหกกฎระเบียบรายวัน อย่างไม่เกรงกลัวฟ้าดิน

เรา ต้องบอกออกอากาศว่า สังคมไทยได้เปลี่ยนไปแล้ว ประชาชนต้องการรัฐสภาที่มีคุณภาพ เราต้องการการทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ เราต้องการให้ข้อบังคับมีความศักดิ์สิทธิ์

เราอับอายกับคุณภาพของรัฐสภาไทยมามากแล้ว เราไม่ต้องการความสุภาพที่ทำให้กฎระเบียบ "เสื่อม"

วันนี้ เราขอเรียกร้อง Accountability จากรัฐสภาและเป็นหน้าที่ของประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาทุกคน ที่ต้องทำให้สาธารณชนได้ซาบซึ้งกับคำ ๆ นี้ ซึ่งผลของรัฐสภาที่ Accountable ก็คือได้รับความเคารพนับถือจากปวงชน ในฐานะผู้ออกกฎกติกาของบ้านเมือง ไม่ใช่โดนดูถูกเหยียดหยามแบบไร้เกียรติเช่นนี้ จนชาวบ้านเขา ยี้.. นักการเมือง กันทั้งบ้านทั้งเมือง

เป็น เรื่องที่ทั้งประธานและสมาชิกรัฐสภาต้องรับผิดชอบอย่างจริงจัง หากนักการเมืองยังโดนดูถูกเหยียดหยามอย่างที่เป็นอยู่นี้ ในฐานะที่รัฐสภาเป็นสถานที่ที่รวมอธิปไตยจากประชาชนเป็นด่านแรกในการทำ หน้าที่นิติบัญญัติ ออกกฎกติกา เพื่อให้ฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ ได้ใช้กติกาในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า

โดย อันดับแรก นับหนึ่ง คือ การมีวุฒิภาวะในการเคารพระเบียบข้อบังคับ และรัฐธรรมนูญ อย่างเคร่งครัดของรัฐสภา อย่าปล่อยให้ความคิด "อยากเอาชนะเกมส์" นำพาประเทศไปสู่ความตกต่ำที่หาทางออกให้สาธารณชนรุ่นหลังต่อไปไม่ได้ เพราะรัฐสภา ไม่ใช่ที่ของพวกกระหายการแข่งขัน ไม่ใช่เวทีมวย แต่เป็นที่ที่ประชาชนฝากความหวังว่าจะออกแบบตัดเย็บกติกาให้เหมาะสมกับความ ต้องการของประชาชน ที่จะแก้ไขความทุกข์ยากของประชาชนอย่างแท้จริงได้อย่างไร !!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น