ที่มา Thai E-News
โดย Jarupan Kuldiloke
1 ธันวาคม 2555
ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตแช่แข็งมาไม่ทันสะเด็ดน้ำ
วัน
รุ่งขึ้นก็เจอศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีอีกสองท่าน (ท่านเฉลิมกับสุกำพล) โดนยื่นถอดถอนในประเด็น
ละเมิดรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ส่วนอีกท่านหนึ่ง โดนเรื่อง
ทุจริตต่อหน้าที่ในกรมเจ้าท่า ประเด็นงบฟื้นฟูน้ำท่วม (ท่านชัจจ์)
ทั้ง 4 ท่านอธิบายได้ฉลุย เพราะ ไม่มีการละเมิดกฎหมายใด ๆ
ส่วน
ท่านชัจจ์ เรื่องกรมเจ้าท่าในงบน้ำท่วม
ท่านก็ผ่านฉลุยเพราะท่านเข้ามาดูกรมเจ้าท่าในช่วงตรวจสอบ
คณะกรรมการตรวจสอบก็กำลังทำงานอยู่ ยังไม่มีการเบิกจ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
การกล่าวหาว่าทุจริตเป็นเรื่องที่เลื่อนลอย
หลาย
คนสงสัยว่าที่ท่านชัจจ์ถูกอภิปราย
น่าจะเป็นการสมคบคิดจากคนที่เคยโดนท่านปราบปรามทุจริตนั่นแหละ
ซึ่งเรื่องนี้มีเวลาจะต้องเล่าให้ลูกหลานฟัง
เมื่อครั้งท่านชัจจ์ปราบโกงยางพารา
ภายใต้นโยบายปราบทุจริตยางพาราของท่านนายกฯทักษิณ
ในขณะที่มีกระบวนการโกงยางพารานั้น ราคายางพาราอยู่ที่ 13 บาท
ภายหลังเมื่อท่านชัจจ์ปราบปรามแก๊งโกงบ้านกินเมืองเสร็จ
ราคายางพาราดิบขึ้นมาถึง 100 บาท จนถึง 150 บาท ในทันที
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่ชาวบ้านได้ขายยางพาราตามราคาจริงของท้อง
ตลาด มีชาวบ้านจำนวนมากเขียนจดหมายมาขอบคุณท่านเต็มไปหมด
พวก
เราในพรรคเพื่อไทยก็คุยกันว่า
คนที่แค้นฝังหุ่นจากการที่โดนท่านชัจจ์ปราบปรามนั่นแหละ มาแก้แค้นในวันนี้
ทั้ง ๆ ที่กรมเจ้าท่ายังไม่มีการเบิกจ่ายก็มายื่นถอดถอนเสียแล้ว
เป็นข้อหาที่รุนแรงเลื่อนลอยมาก
ในที่สุด ที่โบราณเขาว่า "ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง" ก็เป็นจริง
ใน
เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ถึงแม้จะเป็นเวทีที่ออกแบบให้ฝ่ายค้านมีบทบาทมากที่สุด
มีการเปิดอภิปรายโดยฝ่ายค้าน ปิดอภิปรายโดยฝ่ายค้านก็ตาม
แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความตกต่ำสุดขีดของเวทีนี้ ที่ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
คือตลอดการอภิปราย ฝ่ายค้านได้ละเมิดรัฐธรรมนูญเสียเอง คือมีการกล่าวเท็จ
มีการเปิดประเด็นใหม่ ที่ไม่ได้อยู่ในเรื่องถอดถอน
มีการละเมิดข้อบังคับการประชุม เสียดสี ใส่ร้าย หยาบคาย ตลอดเวลา
ข้อมูลที่นำมาก็เป็นการตัดต่อคลิปที่เอาแต่ประโยชน์แต่ตนเอง
ไม่มีความเป็นธรรม ไม่มีวุฒิภาวะ ไม่มีจริยธรรม ทุกประเด็นของคุณภาพการค้าน
สอบตกหมด
เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่คุณภาพต่ำมาก คนฟังแล้วเครียดกันทั้งบ้านทั้งเมือง
จน
ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องเข้าชื่อกันถอดถอนบุคคลเหล่านี้
เพราะละเมิดรัฐธรรมนูญเสียเอง
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ต้องใช้มาตรการนี้กับฝ่ายค้าน
เพราะจะปล่อยให้เสียงข้างน้อยลากรัฐสภาเวทีอันทรงเกียรติของประเทศไปสู่การ
ละเมิดรัฐธรรมนูญ ละเมิดข้อบังคับการประชุม
นำพาทั้งประเทศไปสู่ความตกต่ำสุดขีดได้อย่างไร
และที่น่าตกใจกว่านั้นคือทราบมาว่า เขาก็ทำงานกันมาอย่างนี้ เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น
เราจำเป็นต้องตัดวงจรอุบาทว์นี้ให้หมดไป
การ
ทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นเวทีที่สำคัญมาก ประเทศจะได้ประโยชน์มาก
หากฝ่ายค้านจะนำข้อมูลที่รัฐบาลไม่สามารถมองเห็นได้อย่างทั่วถึงมาอภิปราย
กัน หากพบการทุจริต ผิดกฎหมายก็ช่วยกันดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์สูงสุดในการใช้ภาษีของราษฎรให้มีประสิทธิภาพ
ประสิทธิผล ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่นหรือการละเมิดกฎหมาย
แต่
ฝ่ายค้านก็ไม่ควรโอเวอร์จนกระทั่งทำผิดข้อบังคับ ด่าทอ เสียดสี ใส่ร้าย
ซึ่งเป็นการแสดงวุฒิภาวะที่ต่ำ ไม่ควรทำผิดรัฐธรรมนูญเสียเอง คือกล่าวเท็จ
เปิดประเด็นใหม่ที่ไม่ได้ยื่นถอดถอน ที่เขาเรียกกันว่า "ตีกิน" คือ
อาศัยเป็นเวทีใส่ร้าย
หาเสียงกับประชาชนที่อยู่ทางบ้านให้เกิดการเข้าใจผิดกับฝ่ายรัฐบาล
คราวนี้พรรคเพื่อไทยก็จำเป็นต้องทำหน้าที่ควบคุมข้อบังคับ และรัฐธรรมนูญ เพราะมีการกระทำผิดซ้ำซากของฝ่ายค้านตลอดเวลา
เป็นเรื่องที่น่าขันมาก ที่ฝ่ายค้านบอกว่า สส.ฝ่ายรัฐบาล มีการประท้วงซ้ำซาก
ต้องถามประชาชนทุกท่านว่าเป็นเรื่องที่น่าขันไหม หากคนที่ขับรถฝ่าไฟแดงซ้ำซาก จะต่อว่าตำรวจจราจรว่า มีการแจกใบสั่งซ้ำซาก
หรือโจรที่ปล้นซ้ำซาก จะมาต่อว่าตำรวจว่าจับกุมซ้ำซาก
ก็เหตุเกิดแต่ปัจจัย ถ้าไม่มีการทำผิดข้อบังคับ ผิดรัฐธรรมนูญ ก็จะไม่มีการประท้วงแต่อย่างใด
ประชาชนทั้งบ้านทั้งเมือง ก็ไม่ต้องเครียดกันขนาดนี้
อย่าง
ไรก็ตาม ต้องขอบอกว่า สส.ฝ่ายรัฐบาล ทำหน้าที่ด้วยความยากลำบาก
เพราะนอกจากจะต้องคอยควบคุมกติกาให้ศักดิ์สิทธิ์
ยังต้องเผชิญกับความเป็นสุภาพบุรุษของท่านประธานสภา
ซึ่งเป็นตัวแทนของคนไทยที่มีความอดทนมากต่อคนหน้าด้าน จนเกินเหตุ
ก็เพราะเกิดจากโดนใส่ข้อมูลผิด ๆ จากฝ่ายค้านกรอกหูทุกวัน
ทำให้ท่านประธานสภาและรองประธานรัฐสภา เกรงกลัวต่อคำว่า เผด็จการรัฐสภา
จนเกินเหตุ และในที่สุดปล่อยปละละเลยให้เกิดการแหกกฎระเบียบรายวัน
อย่างไม่เกรงกลัวฟ้าดิน
เรา
ต้องบอกออกอากาศว่า สังคมไทยได้เปลี่ยนไปแล้ว
ประชาชนต้องการรัฐสภาที่มีคุณภาพ เราต้องการการทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์
เราต้องการให้ข้อบังคับมีความศักดิ์สิทธิ์
เราอับอายกับคุณภาพของรัฐสภาไทยมามากแล้ว เราไม่ต้องการความสุภาพที่ทำให้กฎระเบียบ "เสื่อม"
วันนี้
เราขอเรียกร้อง Accountability
จากรัฐสภาและเป็นหน้าที่ของประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาทุกคน
ที่ต้องทำให้สาธารณชนได้ซาบซึ้งกับคำ ๆ นี้ ซึ่งผลของรัฐสภาที่ Accountable
ก็คือได้รับความเคารพนับถือจากปวงชน ในฐานะผู้ออกกฎกติกาของบ้านเมือง
ไม่ใช่โดนดูถูกเหยียดหยามแบบไร้เกียรติเช่นนี้ จนชาวบ้านเขา ยี้..
นักการเมือง กันทั้งบ้านทั้งเมือง
เป็น
เรื่องที่ทั้งประธานและสมาชิกรัฐสภาต้องรับผิดชอบอย่างจริงจัง
หากนักการเมืองยังโดนดูถูกเหยียดหยามอย่างที่เป็นอยู่นี้
ในฐานะที่รัฐสภาเป็นสถานที่ที่รวมอธิปไตยจากประชาชนเป็นด่านแรกในการทำ
หน้าที่นิติบัญญัติ ออกกฎกติกา เพื่อให้ฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ
ได้ใช้กติกาในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า
โดย
อันดับแรก นับหนึ่ง คือ การมีวุฒิภาวะในการเคารพระเบียบข้อบังคับ
และรัฐธรรมนูญ อย่างเคร่งครัดของรัฐสภา อย่าปล่อยให้ความคิด
"อยากเอาชนะเกมส์"
นำพาประเทศไปสู่ความตกต่ำที่หาทางออกให้สาธารณชนรุ่นหลังต่อไปไม่ได้
เพราะรัฐสภา ไม่ใช่ที่ของพวกกระหายการแข่งขัน ไม่ใช่เวทีมวย
แต่เป็นที่ที่ประชาชนฝากความหวังว่าจะออกแบบตัดเย็บกติกาให้เหมาะสมกับความ
ต้องการของประชาชน ที่จะแก้ไขความทุกข์ยากของประชาชนอย่างแท้จริงได้อย่างไร
!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น