นายจิรายุ ห่วงทรัพย์
สส.กทม.และ รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า
ในช่วงการปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร
นั้นพรรคได้ขอความร่วมมือไปยังผู้แทนราษฎรทุกเขตของพรรคให้นำผลงานในรอบปี
ที่ผ่านมาและนโยบายที่จะทำต่อในปีต่อไปตามที่ได้เคยแถลงผลงานไว้
ให้เข้าถึงประชาชนตามที่ได้รับการไว้วางใจให้มากที่สุดโดยจัดทำเป็น VCD ความยาว ๑๕ นาที เพื่อให้สส.นำไปอธิบายต่อประชาชนนอกจากนี้พรรคจะทำการแถลงผลงานในรอบ ๑ ปี ผ่านทางสถานีวิทยุ
และโทรทัศน์ ทุกช่องในวันที่ ๑๕ ธันวาคมนี้ ในเวลาประมาณ ๑๗ นาฬิกา
เป็นต้นไป โดย เนื้อหาสาระจะเป็นการทำงานที่ได้ทำไปแล้วตามนโยบาย
เช่นด้านเศรษฐกิจ สังคม และการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และยาเสพติด
เพื่อให้ประชาชน ทั่วประเทศได้รับทราบ ถึงผลการดำเนินการ
จากนั้นก็จะนำเข้าสู่การแถลงผลงานต่อรัฐสภาในการเปิดสมัยประชุมหน้าที่จะมี
ขึ้นในสิ้นเดือนธันวาคมนี้
“ เนื้อหา
ที่แถลงผลงาน ที่พรรคได้ประเมินนั้น
พบว่ามีความคืบหน้าในการทำนโยบายไปแล้วตามที่ได้ให้ไว้ต่อรัฐสภากว่าร้อยละ
๗๐ ซึ่งพรรคได้ประเมินข้อดีข้อด้อย
ของนโยบายแต่ละข้อจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และ
จากการรับฟังรายงานสรุปจากรัฐมนตรีที่รับผิดชอบแต่ละกระทรวงแล้ว
ซึ่งนโยบายไหนที่ดีแล้วก็จะให้
รัฐมนตรีเร่งดำเนินการให้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์โดยไม่ต้องรอให้ครบเทอม ๔ ปี
เพราะหากทำได้ ในช่วง ๒-๓ ปีแรกก็ถือว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ส่วน
นโยบายใดที่มีมีปัญหา
หรือมีช่องว่างติดขัดอะไรอันอาจให้เกิดความไม่ชอบมาพากล
ก็ให้เร่งหาทางแก้ไขและป้องกันโดยทันที เพื่อให้นโยบายของพรรคเพื่อไทย
ที่ประชาชนให้ความไว้วางใจ เป็นประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
นาย
จิรายุ
กล่าวว่าวันนี้ขอเรียกร้องให้พรรคฝ่ายค้านปรับท่าทีทางด้านการเมืองให้มา
เป็นฝ่ายค้านที่ มีความเป็นประชาธิปไตยสูงเช่นเดิม
เพราะวันนี้บางเมืองเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว
การทำงานนอกสภาเริ่มตกยุคไปแล้วประชาชนไม่เห็นด้วยและเริ่มเบื่อหน่ายกับ
ความวุ่นวายของประเทศ และวันนี้ประเทศเข้าสู่ ช่วงเวลา “อยู่ดีกินดี มีความสุข”
และต่างประเทศก็ให้ความสนใจ ค้าขาย ลงทุน และให้เกียรติประเทศไทยมาก
ดูจากผู้นำระดับโลกที่ไม่เคยมาเยือนไทยเลย ตั้งแต่ ปฎิวัติ ๔๙
วันนี้ก็มากันมากมายอุตสาหกรรมเติบโต ข้าวไทยขายดีมูลค่าเป็นอันดับ๑
และวันนี้หากมีฝ่ายใดไปสนับสนุนให้บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยไม่ว่าจะการ
สนับสนุน แช่แข็งประเทศไทยหรืออยู่เบื้องหลังในการดันรถถังออกมา ปฎิวัติ
ย่อมไม่เป็นผลดีต่อประเทศไทย
วันนี้เราอยากเห็นการจับมือกันพัฒนาและทำงานเพื่อประเทศ ไม่ใช่วันๆ
จ้องล้มรัฐบาลกันอย่างเดียว และหากพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ปรับท่าที
คงจะถูกโดดเดี่ยวในสังคม ดูได้จากกรณีที่พรรคฝ่ายค้านแทบทุกพรรคยัง
ยกมือให้ กับนายกรัฐมนตรี บริหารประเทศต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น