วันนี้ (16 ธ.ค.) นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ค ส่วนตัว
ถึงกรณีที่มีภาพ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
และ นายสุเทพ เทือกสุบบรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี
และผู้อำนวยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
พิมพ์ลายนิ้วมือระหว่างการเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกัน
ก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ที่ดีเอสไอ ว่า
ภาพนายอภิสิทธิ์ ที่หลุดมาเห็นเพียงแค่หูข้างซ้ายเท่านั้น
ถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครดูออก ไม่น่าจะต้องถึงขั้นโกรธ
ซึ่งถือเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
คนที่โกรธควรจะเป็น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เห็นหน้าชัดเจนมากกว่า
และการกล่าวหาว่า ภาพดังกล่าวหลุดมาจากเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ ก็ถือว่าไม่แฟร์
---------------
ข้อความในเฟซบุ๊ค Oak Panthongtae Shinawatra
ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่DSI ที่ได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาครับ
หลักการทั้งหลายทั้งปวงที่บางพรรคชอบอ้างกันนักหนา ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา อย่าไปเกรงกลัวอิทธิพลของนักการเมือง
มาครั้งนี้ไม่มีใครพูดถึงเลยครับ ข่าวที่ออกมามีแต่การพูดแฝงด้วยการข่มขู่ประมาณว่า
ทำอย่างนี้แน่ใจแล้วหรือ ก่อนที่จะทำอะไรไม่ว่าจะกรอกเอกสาร, พิมพ์ลายนิ้วมือ
จะต้องมีการถามชื่อ,จดชื่อเจ้าพนักงานที่กำลังหน้าที่สอบสวนทั้งหมด
พร้อมทั้งพูดจาประมาณว่า ถ้าเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว เจ้าหน้าที่ตามรายชื่อเหล่านี้เหล่านี้
อาจจะถูกเช็คบิลได้
ยิ่งพอมีข่าวว่ามีรูปขณะพิมพ์มือหลุดออกมา ยิ่งไปกันใหญ่เลยครับ
โดยเวป Sanook ถึงกับลงว่า"อภิสิทธิ์ปรี๊ด! ภาพพิมพ์มือหลุดว่อนเน็ต"
ทั้งๆที่จริงต้องขอบอกว่าคนถ่ายช่างเกรงอกเกรงใจอดีตนายกฯมาร์คเสียจริงๆ
จนผมเกือบจะคิดว่าเป็นพวกเดียวกันจงใจ "ปล่อยของ"
เพื่อดีสเครดิตเจ้าหน้าที่รัฐหรือเปล่าด้วยซ้ำ
มีอย่างที่ไหนจะแพร่ภาพหลุดทั้งทีถ่ายมาแค่ "หูซ้าย" ถ้าไม่บอกว่าเป็นใครก็ดูแทบไม่ออกครับ
ไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ ไม่น่าจะต้องออกอาการกันถึงขั้น "อภิสิทธิ์ปรี๊ด!" ตามที่พาดหัวข่าว
ผมดูข่าวแล้วก็ไม่ทราบว่าจะต้องทำเรื่องเล็ก ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่
ไปคิดเล็กคิดน้อยกันเพื่ออะไรนะครับ ทั้งๆที่จริงสื่อควรจะพาดหัวว่า
"อภิสิทธิ์ปรี๊ด! ภาพหูข้างซ้ายหลุดว่อนเน็ต" มากกว่าด้วยซ้ำ
เพราะไม่มีใครรู้หรอกครับว่ากำลังพิมพ์มือพิมพ์ไรกันอยู่
เห็นว่าตอนนี้มีการไล่จี้ให้หาตัวคนปล่อยรูปให้ได้
โดยพุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ได้ถ่ายรูปไว้แต่ข่าวออกมาว่า
ได้ถูกคนของปชป.บังคับให้ลบรูปทิ้งไปแล้ว
แลัวแบบนี้จะเหมาเอาว่าคนที่ถ่ายรูป(แต่ลบไปแล้ว)
จะเป็นคนเดียวกับคนที่ถ่ายแล้วเอาไปว่อนเน็ต ผมว่าไม่แฟร์ครับ ไม่แฟร์
จริงๆน่าจะเป็นท่านอดีตรองนายกฯสุเทพมากกว่านะครับ
ที่ควรจะออกมาโวยวายปรี๊ดแตก เพราะในรูปเห็นใบหน้าท่านดำทะมึน
เห็นลักษณะเฉพาะที่บ่งบอกความเป็น "สุเทพ เทือกสุบรรณ" ชัดเจน
มองแว๊บเดียวก็ทราบว่าเป็นท่าน แต่ท่านก็ไม่เห็นพูดอะไรเลยครับ
สปอร์ต ใจดี สุราษฎร์ธานี เงียบ ไม่ชอร์ต พิมพ์มือเสร็จท่านก็เดินทางกลับ
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของโฆษกฯ ปชป.
ได้เคยให้สัมภาษณ์ชมเชยท่านสุเทพฯไว้ เมื่อ5เดือนที่แล้วอย่างน่าฟังทีเดียว
ในอีกคดีนึงที่ ปปช.ครับว่า
ปชป.เปรียบ “สุเทพ” เจ็บอย่างเสือ แต่ไม่ครางแบบหมา
เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด
อดีตรองนายก สุเทพ เทือกสุบรรณ ฐานจงใจใช้อำนาจหน้าที่
แต่งตั้ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 19 คน เข้าช่วยราชการในกระทรวงวัฒนธรรม
ตนอยากบอกว่า เสือเวลาบาดเจ็บ มักจะไม่ร้อง จะเงียบ อดทน และต่อสู้
ผิดกับหมา ที่ร้องครวญคราง ขอแก้ตัว แถมลงท้ายไว้เท่ๆด้วยว่า
ใครจะเป็นหมา ขอให้ไปคิดเอาเอง
ตั้งแต่ชวนนท์เป็นโฆษกฯมา ผมพึ่งเห็นพูดเข้าท่า น่าจะเป็นความจริง ก็ครั้งนี้แหละครับ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ท่านสุเทพฯแกไม่เคย "ครางอย่างหมา"จริงๆ
มาถึงวันนี้ผมว่า ท่านสุเทพฯแกเป็นเสือแน่นอนครับ
หลายเรื่องที่ทำๆไว้ ไม่เห็นแกออกมาโวยซักคำ
แต่ตอนลงท้ายที่ปลาบู่เขาให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "ใครจะเป็นหมา ขอให้ไปคิดเอาเอง" นั้น
ผมพึ่งจะ ซ.ต.พ. คิดออกวันนี้เอง ว่าพี่ปลาบู่แกหมายถึงใครครับ
ฮิ้ววววววว...!!!
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1355643743&grpid=01&catid=&subcatid=
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น