แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เผยชีวิตสุดเศร้า! "อีซา-คุณากร ศรีสุวรรณ" พ่อตายแม่สาบสูญ โดนสไนเปอร์ทหารยิง!

ที่มา go6tv



วันที่ 20 ธันวาคม 2555 (go6TV) ภายหลังจากศาลอาญา มีคำสั่งว่า “ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ” หรือ “อีซา” ถูกกระสุนปืนจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตระหว่างสลายการชุมนุม   ผู้สื่อข่าวได้รายงานเพิ่มเติมถึงประวัติของเด็กชายคุณากร โดยอ้างอิงจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด เดือนมิถุนายน 2553  ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านอัซซัยยิดะฮ นะฟีซะฮ ซัมสุ (บ้านสงเคราะห์และฝึกฝนวิชาชีพเด็กกำพร้า) ซอยรามคําแหง 2 เขตหัวหมาก กทม.หลังทราบว่าสถานที่ดังกล่าวเคยเป็นที่อยู่อาศัยของ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ หรือน้องอีซา หรือ น้องจู อายุ 13 ปีที่เสียชีวิตถูกสไนเปอร์ยิงบริเวณซอยรางน้ำ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา และถูกนําไปฝังที่สุสานสว่างประทีป จ.ชลบุรี โดยน้องอีซา มาอาศัยอยู่กับพี่ชายแท้ๆ คือนายเกรียงไกร โต๊ะสี หรืออาบูลัก อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นเด็กพิเศษ มีอาการสมาธิสั้น เมื่อไปถึงพบนายประเสริฐ ทับแล อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายการศึกษา และนายสมศักดิ์ วันแอเลาะ ฝ่ายปกครอง และกลุ่มเพื่อนๆ ของน้องอีซา ส่วนนายเกรียงไกร พี่ชายได้หลบหนีออกจากบ้านไปเมื่อวานนี้
นายประเสริฐ เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 8 ปีก่อนได้มีคนนําพี่น้องคู่นี้มาส่งที่บ้านเด็กกำพร้าให้ช่วยเลี้ยงดูแทน เนื่องจากนายสมญา ศรีสุวรรณ อายุ 60 ปี พ่อของเด็กทั้งคู่ ได้เสียชีวิตจากโรคประจําตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ส่วนนางกัญญา โต๊ะลี อายุ 18 ปี แม่ได้หายสาบสูญไปไม่ทราบชะตากรรม ทั้งนี้ ช่วง 1 เดือนแรกที่เรารับเด็กคนนี้เข้ามาอยู่พบว่ามีพฤติกรรมชอบคุ้ยเขี่ยขยะ จึงได้พยายามอบรมและส่งให้ไปเรียนที่โรงเรียนวิจิตรวิทยา ซ.นวลน้อย หลังจากที่พี่น้องคู่นี้ถูกส่งเข้าไปเรียนแล้วก็พบว่าเริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้น ส่วนผลการเรียนพอใช้ได้ ซึ่งน้องอีซาเรียนดีกว่านายเกรียงไกร พี่ชายเล็กน้อย ทั้งนี้ ช่วงที่ไปโรงเรียนมาทราบว่านายเกรียงไกรมักจะมีพฤติกรรมแปลกๆ อยู่เสมอ มีอยู่วันหนึ่งได้หนีเรียนออกมาเดินรอบโรงเรียน เหมือนเดินตรวจตราความเรียบร้อย ซึ่งทางโรงเรียนก็รายงานมาให้ทราบ และยังพบว่าพี่น้องคู่นี้ยังมีความจําและสมาธิสั้นด้วย มักทําอะไรไม่นานก็จะเบื่อ และเด็กที่อยู่ภายในบ้านหลังนี้เราจะดูแลจะสอนแบบให้เขาช่วยเหลือตัวเองมากที่สุด เพื่อให้เขาออกไปใช้ชีวิตต่อในสังคมได้ และกลุ่มน้องอีซานี้เป็นเด็กกลุ่มที่ 8 ที่เรารับเลี้ยงดู มีเด็กอยู่ทั้งสิ้น 53 คน
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการออกไปชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ทางบ้านไม่ทราบมาก่อนว่าเด็กออกไปร่วมชุมนุม เนื่องจากเด็กมักจะหนีออกไปหลายครั้ง และมีครั้งหนึ่งที่ขบวนผู้ชุมนุมเสื้อแดงเคลื่อนขบวนใหญ่ผ่านมาบริเวณปากซอยบ้าน ซ.รามคําแหง 2 มาทราบภายหลังว่านายเกรียงไกรได้กระโดดเกาะร่วมไปกับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย โดยนายเกรียงไกรได้มาเล่าให้ฟังทีหลังว่าได้ไปนั่งโบกธงแดงอยู่บนรถปราศรัย ซึ่งเราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็ได้พยายามบอกว่าอย่าหนีออกไปอีก ต่อมาเมื่อประมาณต้นปีพี่น้องคู่นี้ก็ได้หนีออกไปอีก ไม่ทราบว่าไปไหน และพยายามออกตามหาแต่ไม่พบ จนกระทั่งมาทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ข่าวสดที่ตีแผ่เรื่องราวของเด็กไร้ญาติที่ฝังอยู่ที่สุสานสว่างประทีป จ.ชลบุรี จึงได้หาข้อมูลและนําภาพที่ข่าวสดลงไปให้หลายๆ คนดูก็จําตําหนิรูปพรรณเด็กได้ คือน้องอีซา จากนั้นก็ได้ประสานไปยังสุสานว่าจะเดินทางไปรับศพ นําเด็กกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม ซึ่งก็ได้ดําเนินการไปแล้ว
นายสมศักดิ์ กล่าวเสริมว่า กรณีที่น้องอีซา เดินทางไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงในครั้งนี้ คงไม่ใช่เพราะชอบเสื้อแดง แต่อาจจะเป็นเพราะความสนุกตามประสาเด็กมากกว่า เพราะช่วงที่อยู่ที่นี้ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องชุมนุมเลยเป็นเด็กที่ร่าเริง สนุกสนาน อยู่ร่วมกับเพื่อนๆ ในบ้านได้ดี และเป็นเด็กที่เรียนดีพอสมควรดีกว่าพี่ชาย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางบ้านกำลังจัดเตรียมเอกสารเพื่อยื่นส่งไปยังพรรคเพื่อไทย เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือจากทางรัฐบาล ซึ่งเงินจํานวนดังกล่าวทางบ้านได้หารือกันแล้วหากได้มาก็จะนํามาปรับปรุงที่พักของเด็กๆ เหล่านี้ให้ดีขึ้น เพราะขณะนี้เริ่มทรุดโทรมมาก ทั้งนี้ หากผู้ใดต้องการช่วยเหลือเด็ก สามารถติดต่อมายังบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ได้ ตั้งอยู่เลขที่ 87/2 รามคําแหง 2 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม.หรือโทร 02-7172045
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เดินทางไปถึงพบว่าได้มีบรรดาเด็กกำพร้าจํานวนหลายคนที่รู้ว่ามาทําข่าวเรื่องน้องอีซา ต่างให้ความสนใจและพยายามให้ข้อมูลต่างๆ แต่ไม่มากนักเพราะเด็กส่วนใหญ่ยังห่วงเล่น และต่างบอกว่าน้องอีซาเคยอยู่ที่นี่ เล่นด้วยกันที่นี่และหายไป และบางคนยังบอกว่าเคยฝันเห็นอีซา มาหามาชวนเล่นด้วย แต่พอสอบถามต่อเด็กก็วิ่งหายไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น