อธิบดีดีเอสไอ เผยสำนวนคดีพัน คำกอง
ที่ศาลมีคำสั่งไต่ส่วนการเสียชีวิตว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่
พยานเอกสาร หลักฐานและคำให้การพยาน
เบื้องต้นเพียงพอต่อการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้สั่งการ ศอฉ. แล้ว ประชุมหารือ 6
ธันวานี้
2 พ.ย.55 มติชนออนไลน์
รายงานว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)
กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของเจ้า
หน้าที่รัฐและประชาชน จากเหตุการณ์ชุมนุม 2553 จำนวน 99 ศพ
ว่ายอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นแนวทางที่จะเกิดขึ้นภายหลังจาก
พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ
ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม
เพราะจะทำให้พ้นจากหัวหน้าพนักงานสอบสวนตามกฎหมาย
เพราะตำแหน่งผู้ตรวจราชการจะไม่มีอำนาจการสอบสวนคดีตามพ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ
ทั้งนี้คงไม่มีผลต่อรูปคดี เพราะดีเอสไอทำงานในรูปแบบของคณะพนักงานสอบสวน
มีอัยการ ตำรวจ ดีเอสไอ ร่วมกันทำงาน
อีกทั้งที่ผ่านมาตนได้รับรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องว่ามีการดำเนินการ
ส่วนใดบ้าง หลังจากนี้คดีจะมีความรวดเร็วและลดขั้นตอนทางการสั่งคดีได้
นายธาริต กล่าวต่อว่า ได้เข้าไปตรวจสอบรายละเอียดสำนวนของนายพัน คำกอง
ผู้เสียชีวิต รายแรกที่ศาลมีคำสั่งไต่ส่วนการเสียชีวิต
ว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งพยานเอกสาร หลักฐานและคำให้การพยาน
เบื้องต้นเชื่อได้ว่ามีหลักฐานเพียงพอต่อการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้สั่งการใน
การออกคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไข้สถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)
ซึ่งหมายถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศอฉ.
และนายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ อดีตนายกรัฐมตรี
รายงานข่าวแจ้งว่าการประชุมหารือคณะพนักงานสอบสวนในวันพฤหัสบดีที่ 6
ธันวาคม นอกจากประเด็นการนำรายชื่อนายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์
เสนอให้มีประชุมพิจารณาเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ตามกฎหมาย มาตรา 83, 84 และ 288
ยังจะมีหารือในเรื่องแนวทางการแจ้งข้อกล่าวหา
เป็นรายคดีตามที่ศาลมีคำสั่งไต่ส่วนการเสียชีวิต
เพื่อความรวดเร็วในการแจ้งข้อกล่าวหา
ทั้งนี้หากมีการแจ้งข้อกล่าวในคดีของนายพัน คำกอง
จะส่งผลให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในพื้นบริเวณที่นายพัน คำกอง เสียชีวิต
ที่เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดในข้อหาพยายามฆ่า และทำร้ายร่างกาย
สามารถดำเนินการได้ตั้งสำนวนการสอบสวนได้ทันที
ทั้งนี้นอกจากคดีนายพัน คำกอง
ที่ศาลได้มีคำสั่งว่าการเสียชีวิตเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว
เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมาศาลก็ได้มีคำสั่งในคดีการตายของนายชาญณรงค์ พลศรีลา คน
ขับรถแท็กซี่เสื้อแดงที่ถูกยิงและเสียชีวิตบริเวณหน้าปั้มเชลล์ ถนนราชปรารภ
ช่วงบ่ายวันที่ 15 พ.ค.53
ว่าเป็นการเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร เช่นเดียวกัน
รวมทั้งยังมีอีก 2 คดีที่ศาลเตรียมมีคำสั่งอีก วันที่17 ธ.ค. นี้ คดีของนายชาติชาย ชาเหลา
อายุ 25 ปี ที่ถูกยิงเสียชีวิตคืนวันที่ 13 พ.ค.53 ที่บริเวณหน้าบริษัท
กฤษณา มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ถนนพระราม 4 ตรงข้ามสวนลุมพินี และ 16 ม.ค.นี้
คดีของนายบุญมี เริ่มสุข อายุ
71 ปี ซึ่งถูกยิงที่ย่านบ่อนไก่ บริเวณท้อง
ด้านซ้ายกระสุนตัดลำไส้เล็กขาดตอน เมื่อวันที่ 14 พ.ค.53 และเสียชีวิตเมื่อ
วันที่ 28 ก.ค.53
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น