11 มกราคม, 2013 - 03:19 | โดย kasian
ถ้าคุณทำธุรกิจส่งออกไปตลาดประเทศทุนนิยมศูนย์กลางที่ประสบวิกฤต
เศรษฐกิจถดถอยใหญ่มาย่างเข้า 5 ปีแล้วอย่างอเมริกา, ยุโรปตะวันตก,
ญี่ปุ่นเป็นหลัก ไม่พึ่งพาตลาดในประเทศ
คุณวางความสามารถในการแข่งขันของสินค้าออกของคุณตรงราคาถูก และที่สินค้าส่งออกของคุณถูก เพราะคุณอิงอาศัยแรงงานราคาถูกเป็นหลัก
คุณพบว่า 5 ปีหลังนี้
ใบสั่งสินค้าจากประเทศทุนนิยมศูนย์กลางเดิมหายากขึ้นทุกที
และลูกค้าของคุณไม่สู้ราคา มีแต่ขอให้ลดราคาลง
ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าคุณปรับราคาของคุณแพงขึ้นตามค่าแรงขั้นต่ำที่ขึ้นไป
เขาจะยอมซื้อ
และคุณไม่สามารถแบกรับต้นทุนการปรับเปลี่ยนการผลิตไปสู่สินค้าแบบอื่นที่อัตรากำไรสูงกว่าได้
แน่นอนว่าอัตรากำไรที่ต่ำลงจากค่าแรงแพงขึ้นทำให้คุณมีทางเลือกน้อย
1) หากจะคงอัตรากำไรส่วนแบ่งของคุณไว้ให้เท่าเดิม ไม่ลดลง
ก็ต้องหาทางเพิ่มผลิตภาพของฝ่ายแรงงานให้สูงขึ้น
อย่างน้อยที่สุดเท่ากับอัตราค่าแรงที่เพิ่มขึ้น
2) ยอมลดอัตรากำไรส่วนแบ่งของเจ้าของทุนลง ยอมให้ส่วนแบ่งของรายได้ฝ่ายแรงงานเพิ่มขึ้น
3) ปิดกิจการ, หรือมิฉะนั้นก็
4) ชักชวนคนงานของคุณให้เข้าถือหุ้นในกิจการของคุณ
โดยจ่ายส่วนต่างของค่าแรงเดิมกับค่าแรงขั้นต่ำอัตราใหม่ให้แก่คนงานของคุณ
ที่รวมตัวกันเป็นสหกรณ์ในรูปหุ้นบริษัท
นั่นหมายความว่าคุณจะต้องแบ่งส่วนกรรมสิทธิ์
อำนาจบริหารและดอกผลกำไรตอบแทนแก่พวกเขาตามสัดส่วนหุ้นที่พวกเขาถือร่วมกัน
ด้วย
ส่วนเรื่องให้ฝ่ายรัฐควักเงินหลวงมาจ่ายส่วนต่างค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับ
เพิ่มจากเดิมนั้น เป็นไปไม่ได้ ฝันลม ๆ แล้ง ๆ
ไม่มีเยี่ยงอย่างที่ไหนในโลกทำกันครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น