บรรยากาศวันสุดท้ายของงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โป2012 มีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมชมงานอย่างแน่นขนัด โดยผู้จัดงานคาดว่าจะมียอดจองรถยนต์ในงานกว่า 8 หมื่นคัน เงินสะพัดมูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านบาท เนื่องจากโครงการรถคันแรกของรัฐบาล
งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 ซึ่งจัดขึ้นในวันนี้ (10 ธ.ค.55) เป็นวันสุดท้าย ยังคงมีประชาชนสนใจเดินทางเข้ามาร่วมชมงานเป็นจำนวนมากตั้งแต่ในช่วงเช้า ซึ่งแต่ละค่ายรถยนต์ ต่างก็งัดกลยุทธ์ในการนำเสนอยนตรกรรม ที่ทันสมัย เพื่อดึงดูดและตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อรถในยุคปัจจุบัน
โดยสีสันหรือไฮไลท์ภายในงานยังคงเป็นรถยนต์ขนาดเล็กเหมาะสำหรับขับขี่ใน เมือง เพราะนอกจากจะมีราคาที่ไม่สูงมากนัก ก็ยังเข้าโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ที่มีการคืนภาษีสูงสุดถึง 1 แสนบาท ซึ่งจะหมดในสิ้นปีนี้
นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 กล่าวว่า ปีนี้มีผู้เข้าชมงานเบื้องต้นมากกว่า 1 ล้าน 6 แสนคน และคาดยอดการจองรถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้อยู่ทะลุถึง 8 หมื่นคัน จากที่ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะมียอดจองอยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นคัน และคาดว่าจะมียอดเงินสะพัดเฉียด 9 หมื่นล้านบาท โดยค่ายรถยนต์ที่ได้รับการตอบรับมียอดจองสูงสุดจนถึงตอนนี้ก็คือ ค่ายรถยนต์ฮอนด้า ตามด้วยโตโยต้า นิสสัน และอิซูสุ
ประธานการจัดงาน กล่าวด้วยว่า จากยอดการจองรถยนต์ที่ทำลายสถิติสูงที่สุดตั้งแต่เคยมีการจัดงานมา เนื่องจากประชาชนต้องการใช้สิทธิรับเงินคืนภาษี 1 แสนบาท ในโครงการรถคันแรกของรัฐบาลที่จะหมดอายุในสิ้นปีนี้ โดยในปีหน้า มองว่ายอดการจองรถยนต์อาจลดลงประมาณร้อยละ 20 เนื่องจากแรงซื้อส่วนใหญ่เทมาในปีนี้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หากค่ายรถยนต์นำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ และเทคโนโลยีทันสมัย ก็เชื่อว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ในปีหน้าก็จะไม่ลดลงรุนแรงมากนัก
ด้านประชาชนที่ตัดสินใจจองรถยนต์ในงานมอเตอร์เอ็กโปร์ 2012 หลายคนระบุว่า อยากให้รัฐบาลต่ออายุโครงการรถคันแรก และให้สิทธิพิเศษสำหรับประชาชนที่ซื้อรถประหยัดพลังงาน ตรึงราคาขายก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวี รวมถึงแก้ไขปัญหาการจราจรที่จะติดขัดมากขึ้นในอนาคตด้วย
นอกจากนี้ผลสำรวจวัตถุประสงค์การซื้อรถยนต์ของประชาชนในปีนี้ ยังพบว่า ประชาชนกว่าร้อยละ 40 ซื้อรถยนต์โดยใช้สิทธิรับเงินคืนภาษี 1 แสนบาท ในโครงการรถคันแรกของรัฐบาล ขณะที่ร้อยละ 20 ตัดสินใจซื้อรถยนต์ประหยัดพลังงาน หรือ ECO CAR ส่วนอีกร้อยละ 20 ซื้อรถกระบะและรถบรรทุกเพื่อการประกอบอาชีพ ขณะที่อีกร้อยละ 20 ซื้อรถหรู
by
Netruthai
10 ธันวาคม 2555 เวลา 16:13 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น