แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

เหนือเมฆ 3 ละครซ้อนความจริงและความจริงที่ถูกบิดเบือน

ที่มา Thai E-News

 โดย รองศาสตราจารย์ ดร. วรพล  พรหมิกบุตร
คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

การ เผยแพร่ละครโทรทัศน์เรื่อง “เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 (บีอีซี) และการสั่งงดการเผยแพร่อย่างเฉียบพลันในช่วงท้ายของละครโทรทัศน์ชุดดังกล่าว เป็นปรากฏการณ์ทางสังคม-สื่อสารมวลชน-วัฒนธรรม-และการเมืองที่สาธารณชนจำ เป็นต้องทำความเข้าใจ  เพราะความไม่เข้าใจเรื่องนี้จะกลายเป็น “เหยื่อ” ของผู้ใช้ข่าวสารข้อมูลเป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์และอำนาจทางการ เมืองอย่างผิดทำนองคลองธรรมของกลุ่มคนจำนวนหนึ่งในการเมืองไทย

ละครโทรทัศน์เรื่องดังกล่าวเป็นชุดของข่าวสารข้อมูลที่เป็นนิยาย (เรื่องแต่ง) ซึ่งเล่าเรื่องการต่อสู้และความขัดแย้งทางการเมืองระดับชาติหรือระดับรัฐบาลผู้บริหารประเทศ  การต่อสู้และความขัดแย้งทางการเมืองในละครโทรทัศน์เรื่องดังกล่าวถูกกำหนด โดยผู้เขียนบทละครให้ผู้ชมรายการโทรทัศน์ (ในโลกทางสังคมที่เป็นจริงนอกจอโทรทัศน์) รับรู้และตีความได้เหมือน ๆ กันว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มคนและภูติผีปีศาจที่เป็นคนดี (ฝ่ายธรรมะ) ปะทะกับกลุ่มคนและภูตผีปีศาจที่เป็นคนเลว (ฝ่ายอธรรม)  และในการต่อสู้ดังกล่าวนั้นผู้เขียนบทละครได้สร้างเรื่องให้มีประเด็นการ ต่อสู้กันอีกอย่างน้อย 2 ประเด็น คือ หนึ่ง การต่อสู้กันระหว่างนักการเมืองคอรัปชั่น (คนโกงชาติ) กับคนที่ต้องการปราบคอรัปชั่น และ สอง การต่อสู้กันระหว่างกลุ่มที่เชิดชูความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ปะทะกับกลุ่มที่ไม่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์  ดังนั้นนิยายที่แต่งขึ้นเรื่องนี้จึงนำเอาประเด็นอุดมการทางการเมืองเรื่อง การต่อต้านคอรัปชั่นและอุดมการทางวัฒนธรรมเรื่องความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มาใช้ประโยชน์ในชุดข่าวสารข้อมูลของผู้แต่งละครเหนือเมฆ   ทั้งหมดที่ผู้เขียนกล่าวถึงนี้เป็นเรื่องแต่งในละครโทรทัศน์

ในโลกทาง สังคมที่เป็นเรื่องจริงของไทยในปัจจุบันมีชีวิตจริงของคน กลุ่มคน และองค์กรที่ต่อสู้และขัดแย้งกันทางการเมืองอย่างต่อเนื่องมาแล้วหลายปี  และมีการแบ่งฝ่ายเป็นคู่ขัดแย้งกันจริง เช่น ความขัดแย้งระหว่าง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปะทะกับคณะรัฐประหาร คปค./คมช. ซึ่งกล่าวหาว่า รัฐบาลของพ.ต.ท. ทักษิณโกงชาติ  ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปะทะกับรัฐบาลนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวชและต่อเนื่องปะทะกับรัฐบาลนายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และกล่าวหารัฐบาล 2 ชุดดังกล่าวว่าเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมทางสื่อสารมวลชนว่าเป็นรัฐบาลที่มีพวกล้มเจ้า เข้าร่วมบริหารประเทศ   ความขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคไทยรักไทย ที่นำไปสู่การใช้อำนาจของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุบพรรคไทยรักไทยและ ทำลายสิทธิทางการเมืองของแกนนำบริหารพรรคการเมืองดังกล่าวเป็นจำนวนถึง 111 คน เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2550  ความขัดแย้งต่อเนื่องระหว่างพรรคพลังประชาชนกับกลุ่มคนและองค์กรที่ใช้ อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการสั่งยุบพรรคพลังประชาชนในต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551  ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มบุคคลภายใต้การนำของพลเอกบุญเลิศ  แก้วประสิทธ์ (เสธ. อ้าย) ที่กล่าวหารัฐบาลพรรคเพื่อไทยด้วยประเด็นทางสื่อมวลชนว่าโกงชาติและล้มเจ้า ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2555 ที่ผ่านมาแต่ล้มเหลวในการเคลื่อนไหวมวลชนตั้งแต่วันแรกที่นัดชุมนุมใหญ่และ ถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ  เป็นต้น  ความขัดแย้งที่เป็นเรื่องจริงเหล่านี้เป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่ฝ่าย หนึ่งนำประเด็นอุดมการต้านคอรัปชั่นกับอุดมการรักชาติ  ศาสน์  กษัตริย์ มาใช้เป็นเครื่องมือข่าวสารกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งอย่างย้ำคิดย้ำทำต่อเนื่อง ตลอดมา   ทั้งหมดที่ผู้เขียนกล่าวนี้เป็นเรื่องจริงที่ประชาชนรับรู้ในชีวิตจริงทาง สังคม-วัฒนธรรม-และการเมืองของประชาชนในประเทศตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา

พล็อต เรื่องหรือเค้าโครงเรื่องรวมทั้งรายละเอียดสำคัญของเรื่องเล่าที่เป็นเพียง นิยายในละครโทรทัศน์ “เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์” ถูกจงใจให้เลียนแบบเรื่องราวในโลกทางการเมืองที่เป็นจริงของไทยในห้วงเวลา ที่ยังเป็นปัจจุบัน  แต่เนื้อหาในละครโทรทัศน์เรื่องดังกล่าวมีการบิดเบือนความจริงหรือมีการ เขียนเรื่องในบทละครที่พิสูจน์ได้ (แม้จะยากพอสมควร) ว่าเป็นการเขียนบทละครที่บิดเบือนความจริง 

ละคร เหนือเมฆเป็น “ละครซ้อนความจริง” ที่ถ้าหากปล่อยให้มีการเผยแพร่ออกอากาศจนจบครบทุกตอนตามปกติจะไม่มีผลสั่น สะเทือนทางการเมืองมากไปกว่าข่าวสารโฆษณาชวนเชื่ออีกชุดหนึ่งซึ่งมีกลุ่ม บุคคลและองค์กรจำนวนหนึ่งตามที่ระบุตัวอย่างข้างต้นได้พยายามใช้เป็นเครื่อง มือทำร้ายพ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตรและรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมาแล้วหลายครั้ง   การสั่งให้งดออกอากาศละครโทรทัศน์เรื่องดังกล่าวรวม 2-3 ตอนสุดท้ายคือกลไกจุดระเบิดให้ละครโทรทัศน์เรื่องดังกล่าวมีผลสั่นสะเทือน ทางการเมือง เท่าที่ปรากฏให้เห็นได้ในปัจจุบัน  และเป็นที่ชัดเจนว่าผลสั่นสะเทือนทางการเมืองดังกล่าวคือผลในทางการกล่าวหา ว่าร้ายและใส่ความพ.ต.ท. ทักษิณ  ชินวัตร และรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตรว่าเป็นฝ่ายอธรรมถ้าเปรียบเทียบกับบทละครที่เป็นนิยายอีกเรื่อง หนึ่งของสถานีโทรทัศน์ ช่อง 3  (บีอีซี)   ผู้เขียนขอย้ำว่าหากไม่มีคำสั่งงดออกอากาศละครโทรทัศน์ 2-3 ตอนสุดท้ายเกิดขึ้น (นั่นคิอ หากตัดปัจจัยเงื่อนไขนี้ออกไปจากชีวิตจริงของผู้ชมละครโทรทัศน์เรื่องเหนือ เมฆ 2)   ผลสัมฤทธิ์ที่จะไม่เกิดขึ้นได้อย่างรุนแรงเท่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้คือ ประชาชนทั้งผู้ที่เคยชมและผู้ที่ไม่เคยติดตามชมละครโทรทัศน์เรื่องดังกล่าว จะไม่ย้อนกลับมาคิดตริตรองประเด็นข้อกล่าวหาเดิมที่ใส่ร้ายกันซ้ำซากว่า พ.ต.ท. ทักษิณ  ชินวัตรเป็นคนโกงและรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตรเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรผู้อยู่แดนไกล อย่างกว้างขวางทั่วประเทศอีกครั้งเช่นที่เกิดขึ้นหลังการสั่งงดออกอากาศละคร เรื่องดังกล่าว 3 ตอนสุดท้าย

การ กระตุ้นให้ประชาชนคิดซ้ำซากเพื่อเชื่อมโยงประเด็นในละครเข้ากับเรื่องราวนอก บทละครโดยพยายามโน้มน้าวให้ประชาชนคิดอย่างเป็นปฏิปักษ์กับกับพ.ต.ท. ทักษิณ  ชินวัตรและรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือจุดมุ่งหมายและผลสัมฤทธิ์ของการสั่งงดออกอากาศละครโทรทัศน์ “เหนือเมฆ 2” จำนวน 2-3 ตอนสุดท้าย   ผู้เขียนมั่นใจว่าผู้บริหารผังรายการของสถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 มีประสบการณ์ยาวนานและมีความรู้ความเข้าใจเพียงพอที่จะคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ว่าการสั่งงดออกอากาศละครโทรทัศน์ของตนในลักษณะพิเศษเฉียบพลันเช่นที่ได้ลง มือกระทำไปนั้นไม่ใช่เรื่องปกติของการทำงานในระบบสื่อสารมวลชน  และไม่ใช่เรื่องปกติที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 “ทำอยู่ทุกวัน” ตามที่ผู้บริหารระดับสูงของสถานีโทรทัศน์ดังกล่าวแถลงด้วยความพยายามที่จะ ให้ประชาชนเชื่อเช่นนั้น

การแถลง ของผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ดังกล่าวว่าตนเองเป็นผู้สั่งงดออกอากาศละคร โทรทัศน์เรื่องดังกล่าวต่างหากที่เป็นเรื่องของคน “เหนือเมฆ” ในชีวิตจริง   ด้วยเหตุผลดังนี้  ประการแรกสุด พลังของมวลชนจำนวนนับสิบล้านคนทั่วประเทศที่สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณผู้ถูกละคร เหนือเมฆทำร้ายกลับมีความคิดในทางชื่นชมสนับสนุนและไว้วางใจสถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 ทั้ง ๆ ที่พ.ต.ท.ทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรถูกทำร้ายในโลกนอจอโทรทัศน์อีกครั้งจากการกระทำของผู้ร่วมกันเผยแพร่ ละครโทรทัศน์เรื่อง “เหนือเมฆ”  ประการที่สอง  รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ยังไม่สามารถรอดพ้นจากการตกเป็นเหยื่อทางการเมือง เพราะสังคมยังคงคลางแคลงใจว่าเป็นรัฐบาลที่ใช้อำนาจอยู่เบื้องหลังการสั่งงด ออกอากาศละครดังกล่าวทั้ง ๆ ที่ผู้บริหารช่อง 3 แถลงแล้วว่าผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 เป็นผู้สั่งงดออกอากาศละครโทรทัศน์เรื่องนี้ด้วยตนเอง  ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามในชีวิตจริงทางการเมืองก็พร้อม จะแถลงย้ำความคลางแคลงใจเช่นนั้นให้ปรากฏในระบบสื่อสารมวลชนต่อเนื่องไป  ประการที่สาม บาดแผลจากการทำร้ายพ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร  บาดแผลจากการทำร้ายพรรคไทยรักไทย  บาดแผลจากการทำร้ายพรรคพลังประชาชน  บาดแผลจากการทำร้ายนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและรัฐบาลพรรคเพื่อไทย  ยังคงถูกค้ำยันให้เป็นบาดแผลต่อไปในระบบความคิดทางการเมืองของสังคมไทย  โดยประชาชนจะยังคงถูกวางเงื่อนไขโน้มน้าวความคิดให้เชื่อเรื่องการโกงและ การล้มเจ้าตามที่ฝ่ายผู้กล่าวหาได้ใส่ความไว้ก่อนหน้านั้นอย่างต่อเนื่องและ การค้ำยันนั้นจะยังคงดำรงอยู่ต่อไปได้ ทั้ง ๆ ที่บาดแผลเหล่านั้นเกิดจากการใส่ความปั้นข่าวสารที่เป็นเท็จโจมตีใส่ร้ายผู้ ถูกกล่าวหาเกือบทั้งสิ้น

ประเด็น ข้อสังเกตและการวิเคราะห์หลายประการที่ผู้เขียนเสนอไว้ในที่นี้ควรถูกตรวจ สอบค้นหาความจริงรวมทั้งการพิสูจน์ความจริง (ซึ่งทำได้แม้จะยาก)  เช่น  พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรมในชีวิตจริง  คณะรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 (รวมทั้งคณะทำงานชุด คตส. และคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่คณะรัฐประหารแต่งตั้งขึ้น) เป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรมในชีวิตจริง  ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์และผู้ร่วมดำเนินการเผยแพร่และสั่งงดการออกอากาศ ละครเหนือเมฆเป็นผู้เหนือเมฆในชีวิตจริงหรือเป็นเพียงผู้เขลาเบาปัญญาไม่ ทราบล่วงหน้าว่าจะเกิดผลร้ายต่อรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตรและพี่ชาย เป็นต้น  ประเด็นเหล่านี้สังคมไทยควรร่วมกันพิจารณาเพื่อปกป้องสาธารณชนผู้รับข่าว สารทุก ๆ ฝ่ายที่ขัดแย้งกันและเพื่อนำไปสู่การให้ความเป็นธรรมต่อผู้ถูกใส่ความทางการ เมืองอย่างไม่เป็นธรรมตลอดหลายปีที่ผ่านมา

วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น