ที่มา
ประชาไท
เอฟทีเอ ว็อทช์ จี้กรมเจรจาฯ เปิดรับฟังความคิดเห็นร่
างกรอบเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู ตั้งข้อสงสัยอยากเริ่มเจรจาให้
ได้ภายในเดือนนี้ แต่ไม่ยอมเปิดเผยร่างกรอบฯ
ตามที่นางพิรมล เจริญเผ่า อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่
างประเทศ เปิดเผยว่า ในเดือนม.ค.นี้ ฝ่ายไทยจะสามารถประกาศเปิ
ดการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-อียู อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ได้จั
ดทำกรอบการเจรจาในการเปิดเสรี
เสร็จแล้ว เพื่อให้การเจรจาแล้วภายใน 2 ปี มีผลบังคับใช้ปี 2558 จะได้ช่วยทดแทน หากไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษี
ศุลกากร (จีเอสพี) ในปี 2557
นายจักรชัย โฉมทองดี ผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาข้
อตกลงเขตการค้าเสรี
ภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์) กล่าวว่า เมื่อกรมเจรจาฯชี้แจงว่า
กรอบเจรจาฯเสร็จสิ้นแล้ว ก็ควรเปิดเผยต่อสาธารณชน
เพราะตั้งแต่ผ่านคณะรัฐมนตรีเมื
่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ร่างกรอบเจรจาฯดังกล่าวยังถูกปิ
ดเป็นความลับ หากยังปิดเป็นความลับเช่นนี้ ใครจะไปให้ความเห็นหรือข้อกั
งวลตามที่กรมเจรจาฯประกาศได้
“เมื่อมีกรอบเจรจาฯแล้ว ก็ควรจัดรับฟังความคิดเห็นในส่
วนกลาง 1 ครั้งก่อนนำเสนอเข้าสู่การพิ
จารณาตามมาตรา 190 เพราะไม่ใช่ทุกภาคส่
วนจะสามารถเข้าถึงผู้ใหญ่
ในกรมเจรจาฯได้ จึงควรจัดเวทีรับฟังความคิดเห็
นต่อร่างกรอบเจรจาฯ ไม่ควรห่วงแต่ภาคธุรกิจ หากกรมเจรจาฯไม่เปิดเผยกรอบ ก็ไม่สามารถแสดงความกังวล-ข้อคิ
ดเห็นที่จะนำไปสู่การเตรี
ยมความพร้อมและพัฒนาท่าที
การเจรจาอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ สมาชิกรัฐสภาควรมีเวลาเพียงพอที
่จะศึกษาร่างกรอบเจรจาและการศึ
กษาที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเอฟทีเอกับสหภาพยุ
โรปนี้ ส่งผลกระทบต่อความมั่
นคงทางเศรษฐกิจสั
งคมของประเทศอย่างกว้างขวาง”
ด้าน น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุล สมาชิก เอฟทีเอ ว็อทช์ เปิดเผยว่า วันนี้ 14 องค์กรภาคประชาสังคมที่ติ
ดตามเรื่องการเจรจาการค้าระหว่
างประเทศที่ส่งผลกระทบด้านต่
างๆ ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยั
งคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบกระบวนการจั
ดทำการเจรจาเขตการค้าเสรีระหว่
างไทยกับสหภาพยุโรป (Thai-EU FTA)
“เครือข่ายประชาชน (ตามรายชื่อแนบท้าย) ได้ติดตามตรวจสอบเรื่องดังกล่
าวมาโดยตลอด พบว่า กระบวนการจัดทำการเจรจาเขตการค้
าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (Thai-EU FTA) ที่ดำเนินการโดยกรมเจรจาการค้
าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ไม่เป็นไปตามขั้นตอนการเจรจาหนั
งสือสัญญาระหว่างประเทศ ที่กำหนดไว้ใน มาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุให้คณะรัฐมนตรีจะต้องให้
ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟั
งความคิดเห็นของประชาชนก่
อนเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื
่อขอความเห็นชอบ อีกทั้งร่างกรอบเจรจาฯไม่เป็
นไปตามนโยบายที่รัฐบาลประกาศต่
อรัฐสภา ที่ระบุว่า ‘มีนโยบายขยายความเชื่
อมโยงทางเศรษฐกิจการค้า การลงทุน และการตลาดภายใต้กรอบความร่วมมื
อและข้อตกลงการค้าเสรีในระบบพหุ
ภาคีและทวิภาคี โดยเร่งรัดการใช้ประโยชน์
จากความตกลงที่มีผลบังคับใช้แล้
ว พร้อมทั้งวางแนวทางป้องกันผลเสี
ยที่จะเกิดขึ้น กำหนดมาตรการในการให้ความช่
วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่
ยวกับกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิ
จเพื่อเตรียมพร้อมในการพัฒนาสิ
นค้าและบริการให้สอดคล้องกับกฎ ระเบียบ และมาตรฐานต่าง ๆ’ ซึ่งจะนำไปสู่การไม่มีแนวป้องกั
น หรือการเตรียมมาตรการใดๆรองรั
บให้ความช่วยเหลือผู้ได้รั
บผลกระทบจากข้อตกลงการค้าเสรีที่จะมีขึ้น นอกจากนี้ยังไม่มีการวางแนวป้
องกันผลกระทบที่จะเกิดกั
บระบบสาธารณสุขของไทยดังที่
งานวิจัยของสถาบันวิจัยหลายสำนั
กที่หน่วยราชการต่างๆที่เกี่
ยวข้อง อาทิ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมทรัพย์สินทางปัญญา และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อนุมัติให้จัดทำได้
เคยเสนอแนะไว้
การกระทำดังกล่าว ถือได้ว่ากรมเจรจาการค้าระหว่
างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กำลังกระทำการที่เข้าข่ายเป็
นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่
งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 190 และเป็นการกระทำที่ขาดธรรมาภิ
บาลที่ข้าราชการพึงมี ดังนั้นเครือข่ายประชาชน จึงขอให้คณะกรรมาธิการการต่
างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะพฤติกรรมและธรรมาภิ
บาลของกรมเจรจาการค้าระหว่
างประเทศในฐานะเลขานุ
การการประชุมระดับสูงเพื่อพิ
จารณาเตรียมเปิดการเจรจาการค้
าเสรี
ของไทยและตรวจสอบผลกระทบของการจ
ัดทำการเจรจาเขตการค้าเสรีระหว่
างไทยกับสหภาพยุโรป (Thai-EU FTA) ต่อระบบสาธารณสุขไทย รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะต่อรั
ฐบาลและรัฐสภาในการปรับปรุงร่
างกรอบเพื่อวางแนวป้องกั
นผลกระทบที่จะเกิดขึ้น”
เครือข่ายประชาชนที่ทำหนังสือถึ
งคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ประกอบไปด้วย เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/
เอดส์ ประเทศไทย, คณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้
านเอดส์, มูลนิธิเข้าถึงเอดส์,มูลนิธิศู
นย์
คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์, เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก, ชมรมเพื่อนโรคไต
, เครือข่ายเพื่อนมะเร็ง, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, มูลนิธิเภสัชชนบท, กลุ่ม
ศึกษาปัญหายา, มูลนิธิชีววิถี, มูลนิธิบูรณะนิเวศ, มูลนิธิสุขภาพไทยและ
กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้
าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น