แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

รัก (ความเป็นธรรม) ข้ามขอบฟ้า ร่วม (เร่งเร้า) ปล่อยนักโทษการเมือง

ที่มา Thai E-News




การ ตัดสินว่าผิด และลงโทษอย่างรุนแรงมากที่สุดต่อนายสมยศนี้ ส่งสัญญานอันไม่บังควรแก่เสรีภาพแห่งการแสดงออกในประเทศไทย คำพิพากษาของศาลเป็นมาตรวัดล่าสุดสำหรับแนวโน้มที่น่าวิตกของการใช้การฟ้อง ร้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกษัตริย์ไทยเป็นเครื่องมือทางการเมือง” 

-นางนาวี่ พิลเลย์ ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนองค์การสหประชาชาติ

นับแต่คณะนิติราษฎร์ประกาศข้อเสนอนิรโทษกรรมผู้ชุมนุมทางการเมือง (ทั้งมวล) ด้วยการร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมหมวด ๑๖ ให้ผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองนับแต่หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ โค่นล้มรัฐบาลพรรคไทยรักไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนถึงวันที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศยุบสภาเมื่อ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ยอมให้มีการเลือกตั้งใหม่ อันเป็นผลให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งอย่างชัดแจ้งด้วยคะแนนเสียงราว ๑๖ ล้านต่อ ๑๐ ล้านนั้น
ได้มีสุ้มเสียงจากภาคประชาชนขานรับกระบวนการนี้ หรืออย่างน้อยเห็นด้วยกับแนวความคิดในการให้อภัยโทษ*(1) แก่ ผู้ต้องข้อหา ผู้ถูกดำเนินคดี และผู้ที่ถูกพิพากษาผิด ด้วยตัวบทกฏหมายอันเกี่ยวกับความมั่นคง และความผิดอาญาชนิดพิเศษ (อาทิ ป. อาญา ม. ๑๑๒ และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์) ท่ามกลางการค้านอย่างตะแบงตะบันของฝ่ายการเมืองตรงข้ามเครือข่าย ทักษิณ และอาการสุขุมคัมภีรภาพของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับมวลหมู่นักเลือกตั้ง และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ซึ่งชอบที่จะ ปากไม่สว่าง จำนวนไม่น้อย
จนได้เกิดการนัดหมายกันให้ได้ผู้ชุมนุมราว ๑ หมื่นคนไปร่วมเรียกร้องให้มีการปลดปล่อยนักโทษการเมืองทั้งหลายทั้งปวง ณ บริเวณหมุดคณะราษฎรบนลานหน้าสถานที่ประชุมรัฐสภา (เดิม) ในวันที่ ๒๙ มกราคม ศก ๕๖ นี้*(2) โดยการริเริ่มของกลุ่มที่ดำเนินกิจกรรม ปฏิญญาหน้าศาล สืบเนื่องมานานปี (อันมี ผศ. ดร. สุดา รังกุพันธุ์ หรือที่รู้จักกันในนามอาจารย์หวาน เป็นตัวจักรสำคัญ) ซึ่งได้มีการใช้ชื่อกลุ่มเป็นการเฉพาะกิจเสียใหม่ว่า แนวร่วม ๒๙ มกรา ปลดปล่อยนักโทษการเมือง
หากแต่ในวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๖ หยกๆ นี้ ได้มีคำติดสินของศาลอาญาในคดีที่นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เป็นจำเลยในข้อหา หมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทยอันเนื่องมาจากการเป็นบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin ซึ่งตีพิมพ์บทความสองชิ้นเขียนโดยผู้ใช้นามปากกา จิตร พลจันทร์ มีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ในสองกระทง ให้จำคุกกระทงละ ๕ ปี รวมทั้งโทษรอลงอาญาเดิมในคดีหมิ่นประมาทนายทหารผู้มีความจงรักภักดีสูงส่งคนหนึ่งอีก ๑ ปี เป็นทั้งสิ้น ๑๑ ปี
โดยที่มีรายงานถึงการอ่านคำพิพากษาปรากฏในสื่ออินเตอร์เน็ตว่า จาก นั้นศาลอ่านถึงประเด็นที่ฝ่ายโจทก์และจำเลยนำสืบในศาล โดยปัดตกการนำสืบของจำเลยเรื่องบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบตามพระราช บัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ทิ้งไป.... ครั้น เมื่อ อ่านถึงการนำสืบ และตีความของพยานฝ่ายจำเลย ศาลอ่านชื่อพยานจำเลยทั้งหมด แล้วระบุเพียงสั้นๆ ว่าทั้งหมดเบิกความไปในทำนองเดียวกันว่าอ่านแล้วไม่ได้นึกไปถึงพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และรวบรัดว่าการตีความแบบนี้ฟังไม่ขึ้น สัดส่วนของกล่าวถึงการตีความของสองฝ่ายจึงเป็นไปอย่างไม่สมดุล จนสังเกตเห็นได้”*(3)
ผู้เข้าฟังคำพิพากษาสมยศ พฤกษาเกษมสุข
นี่ เป็นการตัดสินคดีผู้ต้องหาทางการเมืองที่นานาชาติเห็นพ้องกันว่า ลงโทษรุนแรงเกินกว่าความผิด อีกทั้งศาลยังได้ปฏิเสธการขอประกันตัวที่จะให้จำเลยออกไปเตรียมตัวต่อสู้คดี ตามกระบวนการยุติธรรมสากลมาแล้วถึง ๑๒ ครั้ง มิใยที่จะมีการเรียกร้องจากองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติครั้งแล้วครั้งเล่า*(4) ศาลอาญาไทยก็ยังสามารถทำไม่รู้ไม่ชี้ พิจารณาคดีอย่างลักลั่นต่อไปไม่ใยดี
การตัดสินคดีของนายสมยศจึงมาเป็นประเด็นหลักในการรณรงค์ให้ปลดปล่อยนักโทษการเมืองในวันที่ ๒๙ มกราคมนี้ไปอย่างเหมาะเจาะ ไม่เฉพาะแต่ที่บริเวณหมุดคณะราษฎรในกรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่จะได้รับกระแสลมใต้ปีกในความรู้สึกของประชาชนนานาชาติทั่วโลกที่รับทราบข่าวสารเกี่ยวกับประเทศไทย พร้อมทั้งแรงผลักดันจากคนไทยโพ้นทะเลจำนวนหนึ่ง 
ดังที่กลุ่ม Red USA ในนครลอส แองเจลีส สหรัฐอเมริกากำหนดชุมนุมกันที่หน้าสถานที่ทำการของรัฐบาลกลางบนถนนวิลเช่อร์ ย่านเวสต์วู้ด ในวันอาทิตย์ที่ ๒๗ มกราคม เพื่อทำการเรียกร้องคู่ขนานกับการชุมนุมภายในประเทศไทยไปด้วย
ดังข้อความตอนหนึ่งในจดหมายเปิดผนึกของกลุ่มเร็ดยูเอสเอกล่าวว่า ถ้าประชาชนธรรมดาหรือบุคคลทั่วไป "พูดอย่างทำอย่าง" คงถูกประนามเป็น "พวกหน้าไหว้หลังหลอก" หรือไม่ก็ "พวกมือถือสากปากถือศีล" หรืออาจเป็นพวก "ต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก" หรือไม่ก็จำพวก "มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก" แต่นี่เป็นการกระทำของฝ่ายตุลาการ ที่ประชาชนคนทั่วไปคงไม่หาญกล้าพอที่จะกล่าวสรรเสริญพวกท่านด้วยสุภาษิตไทยเหล่านั้น หรือ "ถ้าหาก" มีผู้ใดหาญทำ บรรดาตุลาการเหล่านั้นคงไม่เข้าใจเพราะขนาดรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศไทย เขียนด้วยภาษาไทย โดยคนไทย ท่านยังแนะนำให้ไปอ่านฉบับภาษาอังกฤษจะเข้าใจได้ดีกว่า....Oh My God!! It is so hypocritical.”
อ่านรายละเอียดจดหมายเปิดผนึกฉบับเต็มได้ที่ http://redusala.blogspot.com/
*(1) รายการ คมชัดลึก โดยจอมขวัญ หลาวเพชร์ เชิญนักวิชาการสามท่านที่ล้วนไม่เห็นด้วยกับคณะนิติราษฎร์มาอภิปราย แต่กระนั้นสองในสามยอมรับว่าการนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ชุมนุมนั้นเหมาะสม รับชม และฟังได้ทางยูทู้ป https://www.youtube.com/watch?v=ORsg4lb6PjE
*(3) บทความเรื่อง "ไม่มีอะไร ก็สู้กันต่อไป" จากประชาไท Blogazine
*(4) ดู รวมข่าวและแถลงการณ์จากนานาชาติกรณีศาลไทยสั่งจำคุกสมยศ 11 ปีด้วยกฎหมายหมิ่นฯ มาตรา 112" โดยเฉพาะความเห็นของนางนาวี่ พิลเลย์ ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติที่ว่า การ ตัดสินว่าผิด และลงโทษอย่างรุนแรงมากที่สุดต่อนายสมยศนี้ ส่งสัญญานอันไม่บังควรแก่เสรีภาพแห่งการแสดงออกในประเทศไทย คำพิพากษาของศาลเป็นมาตรวัดล่าสุดสำหรับแนวโน้มที่น่าวิตกของการใช้การฟ้อง ร้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกษัตริย์ไทยเป็นเครื่องมือทางการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น