“การ ตัดสินว่าผิด และลงโทษอย่างรุนแรงมากที่สุดต่อนายสมยศนี้ ส่งสัญญานอันไม่บังควรแก่เสรีภาพแห่งการแสดงออกในประเทศไทย คำพิพากษาของศาลเป็นมาตรวัดล่าสุดสำหรับแนวโน้มที่น่าวิตกของการใช้การฟ้อง ร้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกษัตริย์ไทยเป็นเครื่องมือทางการเมือง”
-นางนาวี่ พิลเลย์ ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนองค์การสหประชาชาติ
นับแต่คณะนิติราษฎร์ประกาศข้อเสนอนิรโทษกรรมผู้ชุมนุมทางการเมือง
(ทั้งมวล) ด้วยการร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมหมวด ๑๖ ให้ผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองนับแต่หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่
๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ โค่นล้มรัฐบาลพรรคไทยรักไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
จนถึงวันที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศยุบสภาเมื่อ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔
ยอมให้มีการเลือกตั้งใหม่ อันเป็นผลให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งอย่างชัดแจ้งด้วยคะแนนเสียงราว
๑๖ ล้านต่อ ๑๐ ล้านนั้น
ได้มีสุ้มเสียงจากภาคประชาชนขานรับกระบวนการนี้
หรืออย่างน้อยเห็นด้วยกับแนวความคิดในการให้อภัยโทษ*(1) แก่
ผู้ต้องข้อหา
ผู้ถูกดำเนินคดี และผู้ที่ถูกพิพากษาผิด
ด้วยตัวบทกฏหมายอันเกี่ยวกับความมั่นคง
และความผิดอาญาชนิดพิเศษ (อาทิ ป. อาญา ม. ๑๑๒ และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์)
ท่ามกลางการค้านอย่างตะแบงตะบันของฝ่ายการเมืองตรงข้ามเครือข่าย
“ทักษิณ” และอาการสุขุมคัมภีรภาพของรัฐบาล
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับมวลหมู่นักเลือกตั้ง และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ซึ่งชอบที่จะ
“ปากไม่สว่าง” จำนวนไม่น้อย
จนได้เกิดการนัดหมายกันให้ได้ผู้ชุมนุมราว
๑ หมื่นคนไปร่วมเรียกร้องให้มีการปลดปล่อยนักโทษการเมืองทั้งหลายทั้งปวง ณ
บริเวณหมุดคณะราษฎรบนลานหน้าสถานที่ประชุมรัฐสภา (เดิม) ในวันที่ ๒๙ มกราคม ศก ๕๖
นี้*(2) โดยการริเริ่มของกลุ่มที่ดำเนินกิจกรรม “ปฏิญญาหน้าศาล” สืบเนื่องมานานปี (อันมี ผศ. ดร. สุดา รังกุพันธุ์ หรือที่รู้จักกันในนามอาจารย์หวาน
เป็นตัวจักรสำคัญ) ซึ่งได้มีการใช้ชื่อกลุ่มเป็นการเฉพาะกิจเสียใหม่ว่า “แนวร่วม ๒๙ มกรา ปลดปล่อยนักโทษการเมือง”
หากแต่ในวันที่
๒๓ มกราคม ๒๕๕๖ หยกๆ นี้ ได้มีคำติดสินของศาลอาญาในคดีที่นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข
เป็นจำเลยในข้อหา “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย“ อันเนื่องมาจากการเป็นบรรณาธิการนิตยสาร
Voice of Taksin ซึ่งตีพิมพ์บทความสองชิ้นเขียนโดยผู้ใช้นามปากกา
จิตร พลจันทร์ มีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ในสองกระทง ให้จำคุกกระทงละ ๕
ปี
รวมทั้งโทษรอลงอาญาเดิมในคดีหมิ่นประมาทนายทหารผู้มีความจงรักภักดีสูงส่งคนหนึ่งอีก
๑ ปี เป็นทั้งสิ้น ๑๑ ปี
โดยที่มีรายงานถึงการอ่านคำพิพากษาปรากฏในสื่ออินเตอร์เน็ตว่า
“จาก
นั้นศาลอ่านถึงประเด็นที่ฝ่ายโจทก์และจำเลยนำสืบในศาล
โดยปัดตกการนำสืบของจำเลยเรื่องบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบตามพระราช
บัญญัติจดแจ้งการพิมพ์
พ.ศ. ๒๕๕๐ ทิ้งไป....” ครั้น “เมื่อ
อ่านถึงการนำสืบ
และตีความของพยานฝ่ายจำเลย ศาลอ่านชื่อพยานจำเลยทั้งหมด แล้วระบุเพียงสั้นๆ
ว่าทั้งหมดเบิกความไปในทำนองเดียวกันว่าอ่านแล้วไม่ได้นึกไปถึงพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว
และรวบรัดว่าการตีความแบบนี้ฟังไม่ขึ้น สัดส่วนของกล่าวถึงการตีความของสองฝ่ายจึงเป็นไปอย่างไม่สมดุล
จนสังเกตเห็นได้”*(3)
ผู้เข้าฟังคำพิพากษาสมยศ พฤกษาเกษมสุข |
นี่
เป็นการตัดสินคดีผู้ต้องหาทางการเมืองที่นานาชาติเห็นพ้องกันว่า
ลงโทษรุนแรงเกินกว่าความผิด
อีกทั้งศาลยังได้ปฏิเสธการขอประกันตัวที่จะให้จำเลยออกไปเตรียมตัวต่อสู้คดี
ตามกระบวนการยุติธรรมสากลมาแล้วถึง
๑๒ ครั้ง
มิใยที่จะมีการเรียกร้องจากองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติครั้งแล้วครั้งเล่า*(4)
ศาลอาญาไทยก็ยังสามารถทำไม่รู้ไม่ชี้ พิจารณาคดีอย่างลักลั่นต่อไปไม่ใยดี
การตัดสินคดีของนายสมยศจึงมาเป็นประเด็นหลักในการรณรงค์ให้ปลดปล่อยนักโทษการเมืองในวันที่
๒๙ มกราคมนี้ไปอย่างเหมาะเจาะ ไม่เฉพาะแต่ที่บริเวณหมุดคณะราษฎรในกรุงเทพมหานครเท่านั้น
แต่จะได้รับกระแสลมใต้ปีกในความรู้สึกของประชาชนนานาชาติทั่วโลกที่รับทราบข่าวสารเกี่ยวกับประเทศไทย
พร้อมทั้งแรงผลักดันจากคนไทยโพ้นทะเลจำนวนหนึ่ง
ดังที่กลุ่ม Red USA ในนครลอส แองเจลีส สหรัฐอเมริกากำหนดชุมนุมกันที่หน้าสถานที่ทำการของรัฐบาลกลางบนถนนวิลเช่อร์
ย่านเวสต์วู้ด ในวันอาทิตย์ที่ ๒๗ มกราคม เพื่อทำการเรียกร้องคู่ขนานกับการชุมนุมภายในประเทศไทยไปด้วย
ดังข้อความตอนหนึ่งในจดหมายเปิดผนึกของกลุ่มเร็ดยูเอสเอกล่าวว่า
“ถ้าประชาชนธรรมดาหรือบุคคลทั่ วไป
"พูดอย่างทำอย่าง" คงถูกประนามเป็น "พวกหน้าไหว้หลังหลอก" หรือไม่ก็
"พวกมือถือสากปากถือศีล" หรืออาจเป็นพวก "ต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก"
หรือไม่ก็จำพวก "มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก" แต่นี่เป็นการกระทำของฝ่ายตุ ลาการ
ที่ประชาชนคนทั่วไปคงไม่หาญกล้ าพอที่จะกล่าวสรรเสริญพวกท่านด้ วยสุภาษิตไทยเหล่านั้น
หรือ "ถ้าหาก" มีผู้ใดหาญทำ บรรดาตุลาการเหล่านั้นคงไม่เข้ าใจเพราะขนาดรัฐธรรมนูญที่เป็ นกฎหมายสูงสุดของประเทศไทย
เขียนด้วยภาษาไทย โดยคนไทย ท่านยังแนะนำให้ไปอ่านฉบั บภาษาอังกฤษจะเข้าใจได้ดีกว่า.. ..Oh
My God!! It is so hypocritical.”
อ่านรายละเอียดจดหมายเปิดผนึกฉบับเต็มได้ที่
http://redusala.blogspot.com/
*(1)
รายการ “คมชัดลึก”
โดยจอมขวัญ หลาวเพชร์ เชิญนักวิชาการสามท่านที่ล้วนไม่เห็นด้วยกับคณะนิติราษฎร์มาอภิปราย
แต่กระนั้นสองในสามยอมรับว่าการนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ชุมนุมนั้นเหมาะสม รับชม
และฟังได้ทางยูทู้ป https://www.youtube.com/watch?v=ORsg4lb6PjE
*(3)
บทความเรื่อง "ไม่มีอะไร
ก็สู้กันต่อไป" จากประชาไท Blogazine
*(4)
ดู รวมข่าวและแถลงการณ์จากนานาชาติกรณีศาลไทยสั่งจำคุกสมยศ
11 ปีด้วยกฎหมายหมิ่นฯ มาตรา 112" โดยเฉพาะความเห็นของนางนาวี่
พิลเลย์ ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติที่ว่า “การ
ตัดสินว่าผิด และลงโทษอย่างรุนแรงมากที่สุดต่อนายสมยศนี้
ส่งสัญญานอันไม่บังควรแก่เสรีภาพแห่งการแสดงออกในประเทศไทย
คำพิพากษาของศาลเป็นมาตรวัดล่าสุดสำหรับแนวโน้มที่น่าวิตกของการใช้การฟ้อง
ร้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกษัตริย์ไทยเป็นเครื่องมือทางการเมือง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น