แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

"อัลจาซีรา" และสื่อฯทั่วโลกประณาม "คำพิพากษาคดีสมยศ"

ที่มา go6tv



วันที่ 23 มกราคม 2556 (go6TV)  สื่อ มวลชนและองค์กรระหว่างประเทศทั่วโลก ให้ความสนใจกับคำตัดสินคดีนายสมยศอย่างมาก โดยส่วนใหญ่ประณามว่าคำตัดสินดังกล่าวเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของไทยในฐานะ ประเทศที่ปกครองโดยหลักเสรีประชาธิปไตย
ทันทีที่มีการประกาศคำตัดสินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ให้เขารับโทษจำคุกรวมถึง 11 ปี สื่อมวลชนทั่วโลกต่างก็หันมาจับตาประเทศไทย โดยทุกสำนักข่าวดังในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเอเอฟพี รอยเตอร์ บีบีซี อัลจาซีรา หรือ วอยซ์ออฟอเมริกา ต่างก็พาดหัวข่าวนี้ในหน้าหนึ่งของเว็บไซต์ เนื่องจากคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในไทย เป็นคดีที่ได้รับการจับตามองและติดตามมากเป็นพิเศษ ในฐานะที่มีการลงโทษอย่างรุนแรงและเข้มงวดที่สุดในโลก และยังมีกระบวนการดำเนินคดีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สอดคล้องกับหลักยุติธรรมสากล
สำนักข่าวบีบีซี รายงานปฏิกิริยาจากทางสหภาพยุโรป โดยคณะผู้แทนของสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ประณามคำตัดสินในคดีนี้ว่าเป็นการบ่อนทำลายเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพสื่ออย่างร้ายแรง และในขณะเดียวกันยังเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของสังคมไทยในฐานะสังคมเสรีประชาธิปไตยอีกด้วย
ส่วนทางด้านขององค์การด้านสิทธิมนุษยชนที่ตามติดคดีนี้มาตั้งแต่ต้นอย่างองค์การนิรโทษกรรมสากล หรือ Amnesty International และ Human Rights Watch ก็มีปฏิกิริยาค่อนข้างรุนแรงต่อคำตัดสินนี้เช่นเดียวกัน โดยนางอิซาเบล อาร์ราดอน ผู้อำนวยการองค์การนิรโทษกรรมสากลประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้ออกมากล่าวว่าการตัดสินจำคุกนายสมยศเป็นการถอยหลังเข้าคลอง เนื่องจากเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดเพียงเพราะกล้ายืนยันในสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของตัวเอง
นอกจากนี้ ทางองค์การนิรโทษกรรมสากลยังเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนายสมยศและนักโทษการเมืองทั้งหมดที่ถูกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเล่นงาน รวมถึงเสนอแนะว่านายสมยศควรจะได้รับเงินชดเชยจากทางการไทย ในฐานะที่ต้องถูกควบคุมตัวเป็นเวลานานในระหว่างการดำเนินคดี
และในโอกาสนี้ นางอาร์ราดอนยังเรียกร้องให้ไทยยับยั้งการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเร่งแก้ไขกฎหมายฉบับนี้โดยด่วน เพื่อให้สอดคล้องกับการที่ไทยให้การรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติอีกด้วย
ส่วนทางด้านของนายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการ Human Rights Watch ภาคพื้นเอเชีย ก็ออกมาประณามคำตัดสินนี้เช่นกัน พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่าการลงโทษนายสมยศอย่างหนักเช่นนี้ ดูจะมาจากการที่เขาเป็นผู้ที่สนับสนุนการแก้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มากกว่าการที่เขาจะล้มล้างหรือทำอันตรายสถาบันจริงๆ
ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา องค์การนิรโทษกรรมสากลได้จัดโครงการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันเขียนจดหมายถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี , พลตำรวจเอกประชา พรหมนอก รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายสมยศและนักโทษการเมืองทุกคน รวมถึงแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเขียนจดหมายเป็นจำนวนมาก แต่คำตัดสินที่ออกมาในวันนี้ ก็เป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่ากระบวนการดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น