ที่มา go6tv
เรียน อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
ผมได้ทราบข่าวจากสื่อมวลชนว่า ท่านได้กล่าวถึงบทความของผมว่าเป็นการหมิ่นศาล ซึ่งข่าวมีเนื้อความว่า :
"อธิบดีศาล" ชี้ บทความนักวิชาการอิสระหมิ่นศาล สั่งตรวจสอบด่วน
เมื่อ
วันที่ 24 มกราคม นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
กล่าวถึงบทความในเฟสบุ๊ค ของนาย วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการกฏหมายอิสระ
ว่า จากการที่ได้ทราบถึงเนื้อหาบทความมองได้ว่าเป็นการเเสดงความคิดเห็น
ติเตียนวิจารณ์การทำงานเเละมีทัศนคติในเเง่ร้ายเเละมุ่งทำลายความน่าเชื่อ
ถือต่อศาล
ซึ่งศาลอาญาซึ่งเป็นผู้ใช้กฏหมายมีความเป็นธรรมในการพิจารณาคดีต่างๆ
สิ่งที่ผู้เขียนบทความนี้มองเป็นการดูหมิ่นศาล
มีการประชดเสียดสีศาลต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ไม่ใช่การเเสดงความเห็นทางวิชาการที่มีเหตุผลน่าเชื่อถือ
เป็นการเขียนบทความโดยอคติเป็นการส่วนตัว
ศาลไม่ขัดข้องเเละพร้อมที่จะรับการวิจารณ์
เเต่ต้องเป็นในวงกว้างไม่ใช่เเเค่นักวิชาการกลุ่มหนึ่งที่มีอคติต่อศาล
ในวงกว้าง รวมถึงประชาชน เเละผู้ที่เข้าใจถึงระบบการทำงานของศาล
เรื่องบทความหมิ่นเหม่ที่ปรากฏในโลกอินเตอร์เนตนี้ เบื้องต้น
ตนได้ให้ผู้พิพากษาที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่ามีบทความใดหมิ่นเหม่
เเละสร้างความเข้าใจผิดต่อศาลอาญามากน้อยเเค่ไหน
ส่วนจะมีการพิจารณาดำเนินการใดต่อไปนั้นต้องรอดูผลการตรวจสอบนั้นซะก่อน
"บท
ความนี้เป็นการดูหมิ่นศาล ไม่ใช่การเเสดงออกทางวิชาการ
เป็นการเเสดงความคิดเเบบคนไม่เข้าใจระบบ เเละจงใจดิสเครดิตศาล
อยากถามกลับไปว่าคนส่วนมากเค้าเห็นด้วยกับผู้เขียนหรือไม่
เเละข้อเท็จจริงก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขียนในบทความ" นายทวีกล่าว
***
หากข่าวนี้ถูกต้องครบถ้วนจริง ผมขอเรียนชี้แจงต่อท่านอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ดังนี้
ผม
ขอยืนยันความบริสุทธิ์และสุจริตใจที่ผมมีต่อสถาบันตุลาการ
ว่าการแสดงความเห็นของผมทั้งหมดตลอดมานั้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความใส่ใจ
และความคาดหวังและศรัทธาที่ผมมีต่อสถาบันตุลาการอันต้องเป็นที่พึ่งของ
ประชาชน เมื่อใดที่ผมมีความกังขาหรือไม่เห็นพ้องด้วยต่อเหตุผลของศาล
ผมย่อมพึงใช้ความพากเพียรในการตรึกตรอง เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ติชมเสนอแนะ
ด้วยหวังว่าผมจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาสถาบันตุลาการให้เป็นที่พึ่งของ
ประชาชนอย่างแท้จจริง
ตลอด
เวลาที่ผ่านมา
ผมได้ใช้ความพากเพียรพยายามในการวิพากษ์วิจารณ์ศาลตามความรู้และหลักวิชา
อย่างเต็มความสามารถ
โดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนที่อาจต้องเสียไปจากการวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว
เห็นได้จากผลงานทางวิชาการซึ่งผมได้แต่งไว้ในขณะศึกษาปริญญาโท ณ Harvard
Law School
อันมีเนื้อความเชิงวิพากษ์ที่แสดงถึงความศรัทธาและการให้ความสำคัญต่อสถาบัน
ตุลาการอย่างเป็นประจักษ์ (โปรดดู http://discovery.lib.harvard.edu/?q=verapat) ตลอดจนบทวิพากษ์คำพิพากษาและคำวินิจฉัยต่างๆ ที่ศึกษาวิเคราะห์เหตุผลของศาลอย่างละเอียด (อาทิ http://bit.ly/Demcase ) และเมื่อมีผู้เสนอให้ยุบหรือแก้ไขอำนาจศาลด้วยเหตุผลที่ผมไม่เห็นพ้อง ผมก็ได้แสดงเหตุผลคัดค้านการยุบศาลเช่นกัน (อาทิhttp://astv.mobi/Azu0SSq )
ส่วน
ความเห็นของผมล่าสุดต่อกรณีคำพิพากษาจำคุกนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข
ซึ่งเป็นเพียงการแสดงความเห็นในเบื้องต้นนั้น
ผมได้แสดงออกด้วยความใส่ใจและคาดหวังศรัทธาต่อศาลดังทุกครั้ง
และเมื่อศาลไม่ได้เผยแพร่คำพิพากษาฉบับเต็มต่อประชาชน
ผมก็ได้ศึกษาเอกสารย่อคำพิพากษาที่จัดทำโดยศาลอย่างละเอียด จากนั้น
จึงตั้งคำถามและแสดงความเห็นในเชิงวิชาการ
ตามเสรีภาพที่รับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญไว้ที่ http://bit.ly/somyos112
ความเห็นของผมต่อกรณีคำพิพากษานายสมยศดังกล่าว มีสาระสำคัญสองประเด็น กล่าวคือ
ประเด็น
ที่หนึ่ง ผมตั้งคำถามว่า หากประชาชนประสงค์จะตรวจสอบการพิจารณาคดีของศาล
โดยการนำบทความในคดีที่ศาลเห็นว่ามีเนื้อหาผิดกฎหมายมาตรวจสอบวิพากษ์
วิจารณ์ ประชาชนควรจะกระทำได้ ใช่หรือไม่ และหากกระทำไปแล้ว
จะถูกศาลพิพากษาว่ากระทำความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือไม่
และหากประชาชนไม่อาจกระทำการตรวจสอบศาลด้วยเหตุที่ต้องเกรงกลัวต่อประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 112 แล้วไซร้ ก็ย่อมเกิดคำถามว่า มาตรา 112
มุ่งคุ้มครองผู้ใดกันแน่
ประเด็น
ที่สอง ผมได้แสดงความเห็นเชิงเสนอแนะในทางวิชาการ ถึงวิธีการตีความ มาตรา
112 ว่าศาลควรพิจารณาถึงเจตนารมณ์ของบทบัญญัติที่มุ่งคุ้มครอง
'ความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร' อันเป็นประโยชน์ร่วมกันของประชาชน กล่าวคือ
มาตรา 112 มิได้มุ่งคุ้มครองที่ 'ตัวบุคคล' เหมือนความผิดหมิ่นประมาททั่วไป
ดังนั้น การตีความบังคับใช้ มาตรา 112 จึงต้องพิจารณาว่า
การกระทำตามข้อหานั้น นอกจากจะเป็นการ 'หมิ่น' หรือไม่แล้ว
ยังจะต้องพิจารณาให้ลึกซึ้งตามเจตนารมณ์อีกด้วยว่า แม้นหากเป็นการ 'หมิ่น'
จริง แต่การหมิ่นเช่นว่านั้น จะกระทบต่อ 'ความมั่นคง'
อันเป็นประโยชน์ร่วมกันของประชาชนหรือไม่ อย่างไร ?
แต่
เมื่อเอกสารย่อคำพิพากษามีเหตุผลที่ไม่ชัดเจน
ผมจึงได้ตั้งคำถามในเชิงตรรกะตามหลักวิชาการต่อไปว่า หากศาลนำ มาตรา 112
มาเอาผิดกับผู้ตีพิมพ์บทความเพียงบทเดียวในฐานะภัยต่อความมั่นคงแห่งราช
อาณาจักรได้แล้วไซร้ ก็น่าสงสัยว่า
ศาลกำลังเห็นว่าพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ไทย
อันเป็นที่ยกย่องสรรเสริญทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ
แท้จริงแล้วก็สามารถถูกทำลายและล้มครืนลงจนกระทบต่อความมั่นคงได้โดยง่าย
เพียงเพราะ 'บทความหนึ่งฉบับ' กระนั้นหรือ ? และหาก 'ตรรกะ' ของ 'ศาลอาญา'
เป็นดังนี้ ก็ย่อมน่าสงสัยว่าศาลกำลังดูแคลน 'พระเกียรติยศ'
ของพระมหากษัตริย์ไทย อีกทั้งดูถูกสติปัญญาและวิจารณญาณของประชาชนคนไทย
อย่างโจ่งแจ้งที่สุดหรือไม่ ?
หากเปรียบเปรยให้เข้าใจง่าย อาจกล่าวได้ว่า เมื่อภูผาตระหง่านสง่าแล้วไซร้ เหตไฉนจึงผวาเกรงก้อนหินมากระทบ ?
ผม
ขอเรียนท่านอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาว่า การตั้งคำถาม
คือหัวใจของการวิพากษ์วิจารณ์
การแสดงความเห็นและการตั้งคำถามทั้งสองประเด็นที่กล่าวมานี้
ได้นำเสนอพร้อมกับบทความทางวิชาการเรื่อง "ตุลาการไทย กับ มาตรา 112"
(โปรดดู http://bit.ly/VPon112 )
ตลอดจนบทสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์
ซึ่งเสนอการวิเคราะห์พร้อมข้อเสนอแนะเกี่ยวกับวิธีการตีความ มาตรา 112
อย่างละเอียด พร้อมยกตัวอย่างวิเคราะห์เทียบเคียงประกอบ
อันล้วนเป็นการนำเสนอทางวิชาการที่สถาบันตุลาการพึงนำไปพิจารณาอย่างเร่ง
ด่วนทั้งสิ้น
ผม
จึงขอความกรุณาท่านอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
ตลอดจนผู้พิพากษาตุลาการผู้มีใจเป็นธรรมทั้งหลาย
ได้โปรดลองพิจารณาถึงเนื้อหาสาระของคำถามและข้อสังเกต
ตลอดจนบทความวิชาการดังกล่าว อันเป็นเนื้อเดียวกันของความเห็นทั้งหมดนี้
เพื่อให้ความจริงปรากฏว่า การแสดงความเห็นของผมนั้น
ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความใส่ใจ
ความคาดหวังและความศรัทธาที่ผมมีต่อสถาบันตุลาการอันต้องเป็นที่พึ่งของ
ประชาชน และเมื่อใดที่ผมมีความกังขาหรือไม่เห็นพ้องด้วยต่อเหตุผลของศาล
ผมย่อมพึงใช้ความพากเพียรในการตรึกตรอง
เพื่อตั้งคำถามและเสนอข้อคิดเห็นต่อศาล
เพื่อหวังให้ศาลเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง
ผม
เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่เคารพและเห็นความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์
และเมื่อผมเชื่อโดยสุจริตใจตามตรรกะและหลักวิชาว่า ศาลกำลังตีความ มาตรา
112 ไปในทางที่ไม่เป็นคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ย่อมเป็นทั้งสิทธิ
เสรีภาพ และหน้าที่ของผม ในฐานะประชาชนชาวไทย
ที่จะตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์การตีความของศาลดังกล่าว
หาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อันทรงเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย
ยังทรงยอมให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์พระองค์ได้
ประชาชนอย่างผมก็ได้แต่เพียงหวังว่า
ศาลของประชาชนซึ่งทำหน้าที่ในพระปรมาภิไธย
จะยอมให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์และตั้งคำถามต่อศาลเพื่อปกป้องพระเกียรติยศ
ของพระมหากษัตริย์ไทยได้ เช่นกัน.
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
วีรพัฒน์ ปริยวงศ์
๒๔ มกราคม ๒๕๕๖
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น