ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาชาวมุสลิมโรฮิงญาจำนวนมากได้เดินทางอพยพข้าม
ทะเลอันดามันมายังประเทศไทยอันเนื่องมาจากเหตุความรุนแรงที่รัฐยะไข่ของพม่า
บีบีซีเผยว่า เรือของผู้อพยพถูกสกัดโดยตำรวจและกองทัพเรือไทย
โดยมีข้อตกลงเพื่อขายกลุ่มผู้อพยพให้แก่ขบวนการค้ามนุษย์
ที่จะนำพวกเขาเดินทางต่อไปยังมาเลเซีย
ขณะที่รัฐบาลไทยให้คำมั่นที่จะสืบสวนเรื่องดังกล่าวต่อไป
'สภาพเป็นปลากระป๋อง'
อาห์เหม็ด หนึ่งในผู้อพยพเปิดเผยว่า เขาได้เดินทางออกจากรัฐยะไข่
โดยทิ้งภรรยาและลูกๆทั้ง 8 ไว้เบื้องหลัง
หลังจากเรือประมงของเขาถูกทำลายในเหตุปะทะระหว่างชาวมุสลิมโรฮิงญาและชาว
พุทธในยะไข่ และเขาเองจำเป็นต้องหาเงินเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว
เขาเดินทางพร้อมกับคนอื่นอีกราว 60 คน ในเรือไม้โกโรโกโสนานถึง 13
วันเพื่อข้ามทะเลอันดามัน มายังชายฝั่งทะเลของไทย
เมื่อเขาและพวกถูกเจ้าหน้าของไทยจับกุมตัวไม่ไกลจากฝั่งมากนักเขาคิด
ว่าประสบการณ์ที่แสนสาหัสกำลังจะผ่านพ้นไป
แต่ที่จริงแล้วมันเพิ่งเป็นจุดเริ่มต้น ในคืนนั้นเอง ชาวโรฮิงญาทั้งหมด
ถูกนำตัวขึ้นฝั่งไปยังจ.ระนอง โดยใช้รถตำรวจ และ 2 ชม.หลังจากนั้น
พวกเขาถูกจับแยกกัน และถูกนำตัวขึ้นรถ 6 คันที่มีขนาดเล็กกว่า
และต้องซ่อนตัวอยู่ภายใต้ตาข่าย อาห์เหม็ดกล่าวว่า
ทั้งหมดถูกบังคับให้นอนเรียงกันเหมือนปลากระป๋อง
ในขณะนั้นเขายังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่การซื้อขายมนุษย์ได้เกิดขึ้นแล้วและชาวโรฮิงญาทั้ง 61 คน
กำลังถูกนำตัวมุ่งลงใต้ไปยังมาเลเซีย
โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มค้ามนุษย์
เมื่อพวกเขาออกจากรถ ที่อ.สุไหงโกลก ในจ.นราธิวาส
ก็ได้พบว่าตนเองได้กลายเป็นนักโทษไปแล้ว อาห์เหม็ดกล่าวว่า
มีหลุมที่ขุดไว้เพื่อให้พวกเขากิน นอน และขับถ่ายในสถานที่เดียวกัน
ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยกลิ่นไม่พึงประสงค์
บางครั้งถูกใช้เหล็กทุบตีหรือฟาดด้วยโซ่ตรวน
ขบวนการค้ามนุษย์ได้จ่ายเงินเพื่อซื้อตัวชาวโรฮิงญา
และหวังที่จะเอาเงินคืนจากพวกเขา อาห์เหม็ดและชาวโรฮิงญาคนอื่นๆ
ได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ได้เป็นครั้งคราวเพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อน
หรือญาติพี่น้อง เขากล่าวว่า
นายหน้าค้ามนุษย์บอกว่าพวกเขาซื้อชาวโรฮิงญามาจากตำรวจ
และหากพวกเขาไม่ให้เงินก็จะไม่มีวันถูกปล่อยตัว
"เราไม่สนหากพวกแกจะตายที่นี่"
ราคา"ค่าชีวิต"ของอาห์เหม็ดตกอยู่ที่ 40,000 บาทไทย
ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มากพอสมควรสำหรับอดีตชาวประมง อาห์เหม็ดโทรหาภรรยา
และบอกให้เธอขายวัว แต่ก็ได้เงินเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
หลังถูกกักกันตัวนานร่วมเดือน และเริ่มรู้สึกสิ้นหวัง
ได้มีเพื่อนชาวโรฮิงญาที่อาศัยในไทยมาช่วยไถ่ตัวเขาออกไปได้สำเร็จ
เขานั่งรถบัสมุ่งขึ้นเหนือไปยังจ.ภูเก็ต
และแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายกับเขามากกมาย แต่เขากลับไม่เรียกร้องอะไร
แม้จะถูกปฏิบัติอย่างป่าเถื่อน "ผมไม่โกรธเจ้าหน้าที่
ผมไม่ขอยึดเอาความโกรธแค้นไว้กับตัวอีก ผมโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่"
'การแก้ปัญหาที่ปรกติ'
ด้วยสภาพอากาศที่เป็นใจ
ปัจจุบันพบว่ามีเรือที่บรรทุกชาวโรฮิงญาเดินทางเข้าไทยเกือบทุกวัน
และอาห์เหม็ดเองก็ไม่ใช่คนเดียวที่ถูกกระทำเช่นนี้
เมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา เรือที่บรรทุกเด็ก สตรี
และผู้ชายจำนวน 73 คน ถูกนำขึ้นฝั่ง ก่อนนำขึ้นรถบรรทุก
ทางการประกาศว่าพวกเขาจะต้องถูกนำตัวไปยังชายแดนไทย-พม่าที่จ.ระนอง
และต้องถูกขับออกนอกประเทศ ทว่าพวกเขาเดินทางไปไม่ถึงที่นั่น
และกลุ่มค้ามนุษย์ได้รอทำการซื้อขายแล้ว เมื่อรถบรรทุกเดินทางถึงอ.คุระบุรี
จ.พังงา ชาวโรฮิงญาถูกนำตัวขึ้นเรืออีกครั้ง
หนึ่งในนายหน้าค้ามนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายครั้งนั้นกล่าวว่า
ได้มีการโอนเงินจากมาเลเซีย 1,500,000 บาท ให้แก่เจ้าหน้าที่ในไทย
ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวได้รับการยืนยันจากสมาชิกชาวโรฮิงญาที่อาศัยในไทย
ทางการไทยเปิดเผยต่อบีบีซีว่า
พวกเขาเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตอยู่เพียงไม่กี่ราย แต่ที่ระนอง
เมืองชายแดนที่สำคัญ เจ้าหน้าที่ไทยที่รู้เรื่องชาวโรฮิงญาเป็นอย่างดี
เปิดเผยว่า การตกลงกับนายหน้าค้ามนุษย์ตอนนี้ถือว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่
"ปรกติ"
เนื่องจากการไม่ได้รับสัญชาติพม่าของชาวโรฮิงญา
การส่งตัวกลับก็เต็มไปด้วยปัญหานานัปการ
ขณะที่ไทยเองก็ไม่ต้องการสนับสนุนให้คนเข้าใจว่าเป็นประเทศสำหรับผู้อพยพที่
มีปัญหาเรื่องปากท้อง
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งกล่าวว่าชาวโรฮิงญาอยากไปมาเลเซียและชาวมาเลเซีย
ยอมรับคนเหล่านี้เพราะว่าพวกเขาเป็นมุสลิม
ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามมากเพียงใดที่จะพยายามและไปที่นั่น แต่คำถามก็คือ
พวกเขาจะไปที่นั่นได้อย่างไร
มาเลเซียอนุญาตให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติเข้าทำ
การประเมินคำขอลี้ภัยของชาวโรฮิงญาขณะที่ประเทศไทยไม่ทำเช่นนั้น
โดยไทยสงวนสิทธิ์การพิจารณาไว้เอง ว่าใครสมควรที่จะรับไว้เป็นผู้อพยพ
'การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ'
บีบีซีได้แจ้งเรื่องดังกล่าวให้แก่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว
ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้ทราบ
ซึ่งเปิดเผยว่ากำลังดำเนินการสืบสวนเรื่องดังกล่าว
"ในขณะนี้ เราไม่สามารถสรุปได้ว่าผู้กระทำผิดคือใคร แต่รัฐบาลไทยกำลังค้นหาความจริงอย่างแน่วแน่ถึงต้นตอของปัญหา"
"ในขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยได้ดูแลผู้อพยพเหล่านี้อย่างดีที่สุด โดยคำนึงถึงพื้นฐานของหลักการด้านมนุษยธรรมเป็นหลัก"
"ในขณะเดียวกัน
เรารู้สึกอย่างแน่วแน่ว่าเราทุกคนจะต้องทำงานร่วมกันผ่านความร่วมมือระดับ
นานาชาติ เพื่อดูว่าเราจะสามารถหาทางแก้อย่างเป็นระบบและถาวรได้อย่างไร"
ก่อนหน้านี้ ชาวโรฮิงญาได้หลั่งไหลเข้ามาในไทยจำนวนมาก และเมื่อปี
2552
รัฐบาลไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อนโยบายการผลักดันผู้อพยพกลับทะเล
เนื่องจากผู้อพยพส่วนใหญ่เป็นชาย
ทางการไทยจึงมองว่าพวกเขาเป็นผู้อพยพอันเนื่องมาจากปัญหาปากท้อง
ขณะที่ในปัจจุบัน ต้นตอของปัญหาไม่เหมือนเดิม
การปะทะระหว่างชาวโรฮิงญาและชาวพุทธในรัฐยะไข่
ทำให้ชาวโรฮิงญาต้องอพยพมาอยู่ตามค่ายที่พัก
และเป็นครั้งแรกที่เรือผู้อพยพที่ข้ามทะเลอันดามัน
มีเด็กและสตรีรวมอยู่ด้วย
ที่มา: เรียบเรียงจาก มติชนออนไลน์, BBC news
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น