แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

คาดญี่ปุ่นจะช่วยพัฒนาศักยภาพเอสเอ็มอีไทยเพิ่มเติม

ที่มา Voice TV




การเยือนไทยอย่างเป็นทางการของผู้นำญี่ปุ่น เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นักวิชาการด้านการค้าระหว่างประเทศ เชื่อว่า หลังจากนี้ ญี่ปุ่นจะเข้ามาเพิ่มศักยภาพของธุรกิจเอสเอ็มอี ผ่านข้อตกลง เจเทปป้า มากขึ้น  ขณะเดียวกันยังเสนอแนะให้รัฐบาลไทย เร่งก่อสร้างโครงการป้องกันน้ำท่วม 3 แสน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนญี่ปุ่นด้วย 

ภายหลังจากนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17-18 มกราคมที่ผ่านมา หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเป็นการส่งสัญญาณด้านการลงทุนที่ดีของญี่ปุ่นที่มีต่อ ไทย ทั้งเป็นการกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นเพิ่มมากขึ้น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัทธ์  พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การมาเยือนของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันแล้ว  ยังเป็นการส่งสัญญาณให้จีน ซึ่งมีปัญหาพิพาทกันอยู่นั้น ทราบว่า ญี่ปุ่นมีความใกล้ชิดแน่นแฟ้นกับกลุ่มประเทศในอาเซียน เพราะการมาเยือนต่างประเทศครั้งนี้ ผู้นำญี่ปุ่นไม่ได้เยือนไทยประเทศเดียว ยังมีอินโดนีเซียและเวียดนามด้วย เนื่องจากทั้ง 3 ประเทศ เป็นประเทศความหวังของอาเซียน ในด้านการค้า การลงทุน และเป็นประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยหอการค้า มองว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความได้เปรียบด้านการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนอย่างแท้ จริง และได้เปรียบกว่าหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน จากปัจจัยบวกด้านการลงทุน ในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ ทั้งระบบการขนส่ง คมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำ ท่าเรือน้ำลึกทวาย รวมถึงเป็นประเทศที่มีต้นทุนการผลิตที่ได้เปรียบกว่าประเทศอื่น เพราะแม้ค่าแรงขั้นต่ำจะเพิ่มขึ้น แต่แรงงานในไทยเป็นแรงงานที่มีฝีมือ ในขณะที่ประเทศอื่น มีต้นทุนการผลิตสูง ศักยภาพแรงงานต่ำ อีกทั้งลักษณะภูมิประเทศที่มีความคับแคบ และระบบสาธารณูปโภคไม่เอื้อต่อการลงทุนใหม่ๆ

นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จึงคาดว่า หลังจากนี้จะได้เห็นการขยายความร่วมมือทางการค้ามากขึ้น โดยสิ่งที่จะเห็นชัดเจนที่สุด คือ การขยายความร่วมมือภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ หรือ JTEPA ในด้านการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอีของไทย โดยการนำนักวิชาการจากญี่ปุ่นเข้ามาให้ความรู้กับบุคลากรไทย เสิรมสร้างการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ ใช้เทคโนโลยีการผลิต ใหม่ๆ ให้ทันสมัย สอดรับกับการเปลี่ยนของโลก รวมทั้งการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ด้วย

เมื่อมองกลับมาในด้านของประเทศไทย นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองว่า สิ่งที่รัฐบาลไทยควรให้ความสำคัญและให้ความเชื่อมั่นกับผู้นำญี่ปุ่น และนักลงทุนญี่ปุ่น คือ การป้องกันภัยพิบัติ เป็นอันดับหนึ่ง เพราะเมื่อเกิดภัยพิบัติ  อุปกรณ์ เครื่องมือ หรือเครื่องจักรต่างๆ ที่นักลงทุนญี่ปุ่นลงทุนในไทย จะไม่สามารถเดินสายการผลิตต่อไปได้ และควรเร่งดำเนินการโครงการป้องกันน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท รองลงมาคือ การสร้างเสถียรภาพทางด้านการเมืองภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งสองปัจจัยล้วนมีผลต่อความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมทั้ง สิ้น
19 มกราคม 2556 เวลา 15:27 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น